📊สัปดาห์แห่งการตัดสินใจนโยบายการเงินของธนาคารกลางที่จะส่งผลต่อทิศทางการลงทุน

✨การประชุม Fed และ ECB ในสัปดาห์ที่ผ่านมาได้กลายเป็นจุดสิ้นสุดยุคของนโยบายการเงินแบบหละหลวม ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของตลาดการเงินในช่วงทศวรรษนับตั้งแต่วิกฤตการเงินระหว่างประเทศ การประชุมในวอชิงตันธนาคารกลางสหรัฐฯได้บรรลุเป้าหมายโดยการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงขึ้นอีก 0.25% เป็นครั้งที่ 7 ตั้งแต่ปี 2015 การปรับขึ้นครั้งล่าสุดทำให้อัตราดอกเบี้ยขึ้นไปถึง 2% ในขณะที่ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต โดย Fed ยังส่งสัญญาณว่าอาจจะมีการปรับขึ้นอีก 2 ครั้งในปีนี้ ซึ่งจะทำให้อัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นไปได้ขึ้น 2.5%

🎉ส่วนอีกฝากของมหาสมุทรแอตแลนติก ECB ยังประกาศด้วยว่านโยบายการผ่อนคลายมาตรการเชิงปริมาณที่ยาวนานจะสิ้นสุดลงในปีนี้ ในเดือนธันวาคมตลาดยุโรปจะลดการอัดฉีดจากมาตรการซื้อพันธบัตรรายเดือนจากเดิม 30 พันล้านเหรียญต่อเดือน โดยจะลดลงครึ่งหนึ่งในเดือนตุลาคมและจะหยุดลงในสิ้นปี นอกจากนี้ยังมีสัญญาณของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่น่าจะเกิดขึ้น แต่อาจจะช่วงครึ่งหลังของปี 2019

🇯🇵️อีกฟากหนึ่ง BOJ ของประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นกลุ่มธนาคารกลางรายใหญ่ของโลก ซึ่งจะยังคงรักษามาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณต่อไป

🥇หลังจากทศวรรษที่หลายสินทรัพย์ได้มีราคาปรับตัวขึ้นอย่างมาก จากนโยบายการผ่อนคลายทางการเงินที่ออกมาจากหลายกลุ่มประเทศ นักวิเคราะห์ได้เริ่มออกมาเตือนว่าช่วงเวลาแห่งความสุขนี้กำลังจะสิ้นสุดลง พร้อมกับการเคลื่อนย้ายเงินทุนไปยังตลาดตราสารหนี้ที่มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของธนาคาร Citi พูดถึงกรณีที่ธนาคารกลางหลายที่ ลดการอัดฉีดลง แสดงถึงสภาวะตลาดที่มีความเสี่ยงจากราคาในสินทรัพย์ต่างๆที่มีการปรับตัวขึ้นเกิน 'Fair Value'

🔥ในเรื่องความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯกับจีน ที่จะทำให้ตลาดมี Volatility เพิ่มขึ้น เกิดความผันผวนขึ้นในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นได้
--------------------------------------------
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: 02-105-5727 (โทรฟรี)
LINE Official: http://forex4you.link/TrdLINE
Facebook:  http://forex4you.link/TrdFB
เว็บไซต์: http://forex4you.link/TrdForex4you