สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงมาดริด ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 3 มิ.ย. ว่านายเปโดร ซานเชซ เข้าเฝ้าฯสมเด็จพระราชาธิบดีเฟลีเปที่ 6 ณ พระราชวังซาซูเอลา ชานกรุงมาดริด เมื่อวันเสาร์ เพื่อกล่าวคำถวายสัตย์ในการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของสเปน จะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์และความจงรักภักดีต่อสถาบัน ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของประเทศด้วย ที่การสาบานตนของนายกรัฐมนตรีเป็นเพียงการวางมือลงบนรัฐธรรมนูญ เนื่องจากซานเชซประกาศตัวว่ามีแนวคิดแบบอเทวนิยม
ทั้งนี้ ซานเชซ วัย 46 ปี จากนักเศรษฐศาสตร์สู่หัวหน้าพรรคสังคมนิยมซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้าน เป็นผู้เสนอญัตติให้มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจต่อนายกรัฐมนตรีมาริอาโน ราฆอย เกี่ยวกับข้อครหาการคอร์รัปชั่นหลายกรณี ภายในรัฐบาลและพรรคประชานิยมของราฆอย ซึ่งที่ประชุมมีมติเสียงข้างมาก 180 เสียง จากทั้งหมด 350 เสียง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา สนับสนุนญัตติไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี ส่งผลให้ราฆอยซึ่งอยู่ในตำแหน่งมาตั้งแต่ปี 2554 ต้องพ้นจากตำแหน่ง นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ยุคใหม่ของสเปน ที่นายกรัฐมนตรีต้องพ้นจากตำแหน่งด้วยมติไม่ไว้วางใจของสภา
อย่างไรก็ตาม การดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของซานเชซซึ่งจะมีวาระ 2 ปีตามวาระที่เหลือของราฆอยและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน เต็มไปด้วยอุปสรรคและความไม่แน่นอน ประการแรกคือแม้ซานเชซเป็นหัวหน้าพรรคสังคมนิยม แต่เจ้าตัวไม่ได้เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และพรรคสังคมนิยมมีที่นั่งเพียง 84 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎร ในขณะที่พรรคประชานิยมซึ่งจะกลับไปเป็นฝ่ายค้าน แต่มีที่นั่งมากถึง 134 ที่นั่ง หมายความว่าความพยายามแก้ไขหรืออกกฎหมายในบางเรื่องอาจยากลำบาก และแน่นอนว่าซานเชซต้องเผชิญกับการเรียกร้องจากพรรโปเดมอส ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายซ้ายจัดที่ช่วยลงมติไม่ไว้วางใจราฆอย โดยเงื่อนไขของพรรคโปเดมอสน่าจะเป็นตำแหน่งในคณะรัฐมนตรี
นอกจากนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลมาดริดในยุคราฆอยกับแคว้นกาตาลุญญาถือว่าตึงเครียดมาตลอด โดยราฆอยใช้อำนาจฉุกเฉินยับยั้งการประกาศแยกเอกราชของแคว้นกาตาลุญญา ซึ่งลงประชามติเมื่อเดือนต.ค. ปีที่แล้ว และดำเนินคดีกับนักการเมืองแถวหน้าของแคว้นกาตาลุญญาหลายสิบคน ก่อนจัดการเลือกตั้งครั้งใหม่ให้เมื่อเดือนธ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งพรรคชาตินิยมกาตาลุญญายังคงได้รับชัยชนะ และนายกวิม ตอร์รา ประธานาธิบดีคนใหม่ของกาตาลุญญา ยังคงยืนยันแนวคิดการเป็นเอกราชจากสเปน ส่งสัญญาณว่าสถานการณ์การเมืองภายในประเทศซึ่งมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของสหภาพยุโรป ( อียู ) จะยังไม่คลี่คลายอย่างง่ายดาย....