กองทุน SPDR Gold Shares

ประจำวันที่

เวลา ครั้งที่ ก่อนหน้า ถือล่าสุด เปลี่ยนแปลง
- - - - -
รวมวันนี้-
เดือนนี้ - : 
ปีนี้  : 
*หน่วยตัน
*อ้างอิงจาก SPDR Gold Share

ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ

ประจำวันที่ ครั้งที่ เวลา น.

ชนิดทองคำ รับซื้อ ขายออก
ทองคำแท่ง 96.5% - -
ทองรูปพรรณ 96.5% - -
รวมวันนี้-
เปลี่ยนแปลงล่าสุด-
*หน่วยเงินบาท
*ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ

บทความ : กลยุทย์การเทรดเเบบวางกองกำลังหรือ Zone-KZM(สายTank)

  • 17 replies
  • 13,119 views
*

clessmdx

สวัสดีครับ  วันนี้ผมมาเเนะนำทางเลือกของเพื่อนๆอีกทางนึง  สำหรับกลยุทธ์การเทรด  ที่ชื่อว่า การเทรดเเบบวางโซน หรือ KZM  ตามความเข้าใจของผม

ผมขอท้าวความก่อน  ว่า   ที่จะเกิดระบบนี้ขึ้นมาได้ คนคิดเค้าคิดอะไรอยู่     ถ้าไม่สนใจก็ข้ามไปก่อนได้เลยครับ

ตามปรกตินั้นเวลาเราเทรด  มักจะวิเคราะห์กราฟ  ด้วยเทคนิคอะไรก็เเล้วเเต่ เช่น EMA /MACD/ Price action /เเนวรับเเนวต้าน/ หรือ  อะไรก็ว่ากันไป   เเล้วเรามักจะ"ทำนาย" อนาคตว่า กราฟจะไปทางไหน....ใช่มั้ยครับ    โดยถ้าถูกทางก็ได้กำไร    ถ้าผิดทางก็ขาดทุน ไม่ล้างพอร์ทก็กิน top loss กันไป

ซืึ่งเราก็รู้ๆกันอยู่ว่า   มันไม่ 100 เปอเซน เเละไม่มีเทคนิคอะไร  ที่ทำนายกราฟได้ 100 เปอเซน   ดังนั้น จึงเกิดปัญหาขึ้นมาว่าถ้ามันไม่ 100 เปอ เเต่ถ้าเราเทรดให้ถูกเกิน 50 เปอขึ้นไปเราก็ได้กำไรละใช้ม่ะ?   ---> เหตุเเรกคือ เราไม่รู้ว่ากราฟจะขึ้นหรือลงนั่นเอง   

ปรากฏว่า เทรดเดอร์ส่วนมาก  % win rate สูงมาก มากกว่า 70 เปอซะอีก เเต่ ล้างพอร์ท?   เพราะอะไร ?    จึงเป็นที่มาของ money management  ว่า การที่เค้าเหล่านั้นล้างพอร์ทเกิดจาก การที่ไม่คำนวน money  management  หรือเล่น over lot นั่นเอง  เเม้ว่าจะเข้าออเดอร์ถูกทาง  เเต่โดนสวิงระยะสั้นลากจนล้างพอร์ท   เเล้วกลับไปในทางที่เราเข้าตั้งเเต่เเรกให้เราเจ็บใจเล่น(บ่อยมั้ยครับ)  An2 An2 --->เหตุที่สองคือ เราไม่ค่อยคำนวน lot size ที่เหมาะสมกับพอร์ทของเรา(ต่อไปจะบอกวิธีว่าจำคำนวน lot size อย่างไรครับ)

--เหตุที่เราไม่คำนวน lot size ที่เหมาะสมกับพอร์ทของเรา  ผมเข้าใจว่า ลึกๆของเรา....เรามองเป้าหมาย คือ กำไร หรือ ผลประโยชน์ มากกว่าการรักษาต้นทุน   ดังนั้น ก่อนที่จะได้กำไร เราต้องปกป้องเงินทุนเราให้ได้ก่อน

-- ท้าวความเรื่อง ระบบ stop loss  ความเข้าใจของเทรดเดอร์ทั่วไป คือ   เค้าจะ stop loss เมื่อ เค้าคิดว่ากราฟไม่ไปในทางที่เค้าคิด
เพื่อป้องกันการขาดทุนหนัก......ซึ่งก็ถูกต้อง เเล้ว    เเต่..... เหตุผมอีกอันนึง คือ เพราะเทรดเดอร์คนนั้นเล่น over lot หรือ อีกนัยยะนึง คือ ไม่สามารถถือติดลบจนมูลค่า asset นั้นลดลงถึง 0.0000 ได้        เค้าจึงต้องตัดขาดทุนเพื่อที่จะได้ เล่น ออเดอร์ใหม่ ได้ โดยยังเหลือเงินอยู่

--โดยการที่ เราไม่สามารถ ถือ ออเดอร์ จนมูลค่า asset เหลือ 0.0000 ได้ นั้น ผมนิยามว่า คือ over lot ทั้งหมด   

--ในทางตรงกันข้าม    การเล่นไม่ over lot นั่นหมายถึง.....เราสามารถ ถือ ออเดอร์ได้โดยไม่ต้อง ตัดขาดทุนนั่นเอง (ไม่มีทางล้างพอร์ท)    ผมนิยามการทำเเบบนี้ว่า การวางเงินเต็ม หรือ ไม่ใช้ leverage นั่นเอง 

-- leverage สำหรับผม หมายถึง  การยืมเงินมาลงทุน   

เช่น  ราคา GU 1.3000   ถ้าจะเปิด ออเดอรื 0.01    ต้องใช้เงินเต็มจำนวน เท่ากับ 1 300  USD    ถ้าเรามีเงิน 1 300 ดอล ในพอร์ท เราก็จะไม่มีทางโดนลากจนล้างพอร์ท นั่นเอง   
     -- ในทางกลับกัน ถ้าเรามีเงิน เเค่ 500 USD ก็ก็ต้องยืมเงิน มาเพื่อเปิด order  ให้ได้ 1 300 ดอล    หรือ leverage 1 : 2.6   ซึ่งหมายความว่าเรากำลังเล่น over lot เเล้ว  ไม่สามารถถือ ออเดอร์ได้ นานจน 0.000

      ..  ในชีวิตจริง  โอกาสที่ asset นั้นจะมีค่าลงมาถึง 0.0000 นั้นมีโอกาศน้อยมาก    ดังนั้นเเทบทุกคนจึงใช้ leverage กันหมด    นั่นเป็นสาเหตุให้ล้างพอร์ท     
          เเละ....ถ้าเราไม่ใช้ leverage หรือ ใช้ให้น้อยที่สุด โอกาศที่เราจะล้างพอรืทนั้นเเทบเท่ากับ 0 เลยทีเดียว  ซึ่ง เข้ากับ concept ปกป้องเงินทุนของเราก่อน( Risk  เเทบจะเท่ากับ 0 เลย )
          ....เเต่ risk ต่ำนั่นหมายถึง  ผลตอบเเทนย่อมน้อยไปด้วย   .......เพราะต้องเงินเยอะจริงๆ ถึงเล่นเต็มจำนวนได้ ....
          .... การที่จะได้กำไรเยอะๆ นั้น จึงต้องยืดระยะ TP ออกไป       เเละเมื่อยืดระยะ Tp ออกไป ย่อมต้องใช้เวลานาน   นานมาก อาจจะ เดือน 2 เดือน 
           .... ซึ่ง....ระหว่างที่ออเดอร์ ทำงานอยู่ เราจะไม่ได้เงินกลับมาเลยจนกว่าจะปิดออเดอร์นั้นๆ  (ไม่ได้เงินต่อเนื่อง หรือ cash flow นั่นเอง)

           ...จึงเกิดปัญหาที่ว่า  ทำอย่างไร  จึงจะเสี่ยงต่ำ(ปกป้องเงินทุนได้)  เเละได้ผลตอบเเทนพอควร เเละได้เงินต่อเนื่อง  เเละ ไม่ต้อง คาดเดากราฟ

            ..   ความเสี่ยงต่ำ คือ  การใช้ low leverage หรือ no leverage นั่นเอง 

           ..   ได้เงินต่อ เนื่อง .. คือ ต้อง เกิดจากการปิดเปิด ออเดอร์บ่อยๆ  (High Frequency)
           ..    เหลือ.... ไม่ต้องคาดเดากราฟ...จะทำอย่างไร  ..

           ..   การไม่คาดเดากราฟ ... คนคิดไอเดียนี้ คิดได้  คือ เปิดออเดอร์ตามจุดที่เรา mark ไว้ว่าถ้ากราฟมาถึงจะเปิด ออเดอร์  จึงไม่สนว่า pattern กราฟจะเป็นยังไง  หรือ เทรนจะเป็นยังไง   

...
         ด้วยทั้งหมดนี้ ทุกๆ อย่าง ทำให้เกิดระบบเทรด KZM ขึ้นมา โดยมีคุณสมบัติ คือ ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบเเทนพอใช้  ได้กระเเสเงินสด เเล้วไม่ต้องตามกราฟ        ดังนี้......

      1. ต้องคำนวน  lot size ที่เหมาะสมกับพอร์ท ของเราก่อน.....โดยใช้ leverage ที่ต่ำๆ หรือ  อีกทางคือ คำนวน worse case ที่เรารับได้ก่อน ว่าเรารับได้กี่ pip (5 จุด)   

         เช่น   ราคา AUDUSD ในรอบ 10 ปี วิ่งขึ้นลงอยู่ตั้งเเต่ 0.40000-1.10000      นั่นหมายถึง    ถ้าจะเราจะคำนวน pip ที่วิ่งได้ทั้งหมด คือ  70 000  pip นั่นเอง ดังนั้น lot size ของเรา ควรจะวิ่งได้ 70 000 pip เเล้วไม่ล้างพอรท 
                     หรือ เราจะตีราคาให้เเคบลง  เหลือ 0.40000 - 0.80000   คือ เหลือ เเค่ 40 000 pip lot size ของเราก็ควรวิ่งได้ 40 000 pip เเล้วไม่ล้างพอร์ท เป็นต้น

       2. หางเงินไม่หนาจริงเเนะนำใช้ บัญชี cent เพื่อนที่จะได้ cover lot เยอะๆ     เช่น     
           1 000  USD จะได้ 100 000 USC       หากเราคำนวน worse case 40 000 pip เราก็สามารถเล่น lot ละ 2.0 ได้ โดยที่โอกาศล้างพอร์ท น้อยมาก

        3. สร้าง กระเเสเงินสดโดยการเปิด-ปิดออเดอร์บ่อยๆ   คือ การเเบ่ง lot   ให้เป็นไม้ย่อยๆ   เช่น    เราเล่น lot รวม คือ 2.0  ทำไมเราไม่เเบ่งเป็น ไม้ย่อยๆ 100  ไม้ ไม้ละ0.02 เเล้ว วางคุม zone ทุกๆ 400 pip ไว้      เอาหละ
                หรือ   ไม้ย่อยๆ 200 ไม้  ไม้ละ 0.01 เเล้ววางคุมzone ไว้ ทุกๆ 200 pip ไว้ 

            การวางคุมzone เเล้วมันเกิดกระเเสเงินสดได้ อย่างไร   

                ให้จินตนาการ    (ทุกไม้ เปิด buy หมด)

              สมมติ  ราคากำลังลงมาที่     0.75000     เราเปิด 0.01  ไม้เเรก         ตั้ง TP 0.75200  (เหมือนออเดอร์นี้คุมโซน นี้ 200 pip )
                                               0.74800     เราเปิด 0.01    ไม้สอง      ตั้ง TP 0.75000
                                               0.74600     เราเปิด 0.01   ไม้ สาม      ตั้ง TP 0.74800
                                               0.74400     เราเปิด 0.01  ไม้ สี่          ตั้ง TP 0.74600
                                               0.74200     เราเปิด 0.01  ไม้ ห้า         ตั้ง TP 0.74400
                                               0.74000     เราเปิด 0.01 ไม้หก           ตั้ง TP 0.74200

            ถ้าราคาลงมารวดเดียว  เราก็จะติด order ทั้งหมด 6 ออเดอร์     เเต่ในความเป็นจริง.....ราคาไม่ได้ลงมารวดเดียว  เเต่จะค่อยๆลงมา  มีย่อ มีลง มีย่อมีลง มีเด้งบ้าง        เช่น 

                                      เราเปิดไม้เเรก 0.75000     ไม้ สอง 0.74800   ไม้สาม 0.74600  เเล้วราคาเด้งกลับไปที่ 0.75000 ใหม่ เราก็ได้ กำไร ไป  2ไม้  คือ ได้ไม้ 0.74600  ที่คุม 0.74600-0.74800  เเละไม้ 0.74800-0.75000   

                                เเละถ้าราคา กลับลงมาอีก ก็เปิดออเดอร์ตำเเหน่งเดิม      ยิ่งถ้าราคา สวิงมากก่อนลง เราก็ยิ่งได้ clash flow มากขึ้น       เเละเราไม่จำเป็นต้องตัดขาดทุนออเดอร์ที่โดนลากด้วยเพราะเราคำนวนทุกไม้ไว้หมดเเล้ว !!   ว่ายังไงก็ไม่ล้างพอรท


หรือสั้นๆง่ายๆ  KZM คือ grid system + MM นั่นเอง

            คร่าวๆประมารนี้ครับ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจถามได้ครับ   ....

ที่พูดมาทั้งหมด เรียก KZM กอง A ครับ    ยังมี กอง B C เเละ D อีก ซึ่งหากสนใจจะกล่าวอีกภายหลังครับ

Credit KZM = Killing Zone by Mudley   สร้างโดย Hedge Fund manager  คนไทยครับ ชื่อ ปณต จิตต์การุญ    หากเข้าใจ จะใช้ง่ายมากครับ เเละ เพื่อนๆจะห่างไกลจากคำว่าล้างพอร์ทครับ     โดย model นี้หวังว่าจะเป็นหนึ่งในทางเลือกนึงสำหรับเพื่อนๆครับ



         




 




*

CASE Forex

  • 20,411
อ้างจาก: clessmdx ที่ 09, กรกฎาคม  2016, 06:19:47 PM

สวัสดีครับ  วันนี้ผมมาเเนะนำทางเลือกของเพื่อนๆอีกทางนึง  สำหรับกลยุทธ์การเทรด  ที่ชื่อว่า การเทรดเเบบวางโซน หรือ KZM  ตามความเข้าใจของผม

ผมขอท้าวความก่อน  ว่า   ที่จะเกิดระบบนี้ขึ้นมาได้ คนคิดเค้าคิดอะไรอยู่     ถ้าไม่สนใจก็ข้ามไปก่อนได้เลยครับ

ตามปรกตินั้นเวลาเราเทรด  มักจะวิเคราะห์กราฟ  ด้วยเทคนิคอะไรก็เเล้วเเต่ เช่น EMA /MACD/ Price action /เเนวรับเเนวต้าน/ หรือ  อะไรก็ว่ากันไป   เเล้วเรามักจะ"ทำนาย" อนาคตว่า กราฟจะไปทางไหน....ใช่มั้ยครับ    โดยถ้าถูกทางก็ได้กำไร    ถ้าผิดทางก็ขาดทุน ไม่ล้างพอร์ทก็กิน top loss กันไป

ซืึ่งเราก็รู้ๆกันอยู่ว่า   มันไม่ 100 เปอเซน เเละไม่มีเทคนิคอะไร  ที่ทำนายกราฟได้ 100 เปอเซน   ดังนั้น จึงเกิดปัญหาขึ้นมาว่าถ้ามันไม่ 100 เปอ เเต่ถ้าเราเทรดให้ถูกเกิน 50 เปอขึ้นไปเราก็ได้กำไรละใช้ม่ะ?   ---> เหตุเเรกคือ เราไม่รู้ว่ากราฟจะขึ้นหรือลงนั่นเอง   

ปรากฏว่า เทรดเดอร์ส่วนมาก  % win rate สูงมาก มากกว่า 70 เปอซะอีก เเต่ ล้างพอร์ท?   เพราะอะไร ?    จึงเป็นที่มาของ money management  ว่า การที่เค้าเหล่านั้นล้างพอร์ทเกิดจาก การที่ไม่คำนวน money  management  หรือเล่น over lot นั่นเอง  เเม้ว่าจะเข้าออเดอร์ถูกทาง  เเต่โดนสวิงระยะสั้นลากจนล้างพอร์ท   เเล้วกลับไปในทางที่เราเข้าตั้งเเต่เเรกให้เราเจ็บใจเล่น(บ่อยมั้ยครับ)  An2 An2 --->เหตุที่สองคือ เราไม่ค่อยคำนวน lot size ที่เหมาะสมกับพอร์ทของเรา(ต่อไปจะบอกวิธีว่าจำคำนวน lot size อย่างไรครับ)

--เหตุที่เราไม่คำนวน lot size ที่เหมาะสมกับพอร์ทของเรา  ผมเข้าใจว่า ลึกๆของเรา....เรามองเป้าหมาย คือ กำไร หรือ ผลประโยชน์ มากกว่าการรักษาต้นทุน   ดังนั้น ก่อนที่จะได้กำไร เราต้องปกป้องเงินทุนเราให้ได้ก่อน

-- ท้าวความเรื่อง ระบบ stop loss  ความเข้าใจของเทรดเดอร์ทั่วไป คือ   เค้าจะ stop loss เมื่อ เค้าคิดว่ากราฟไม่ไปในทางที่เค้าคิด
เพื่อป้องกันการขาดทุนหนัก......ซึ่งก็ถูกต้อง เเล้ว    เเต่..... เหตุผมอีกอันนึง คือ เพราะเทรดเดอร์คนนั้นเล่น over lot หรือ อีกนัยยะนึง คือ ไม่สามารถถือติดลบจนมูลค่า asset นั้นลดลงถึง 0.0000 ได้        เค้าจึงต้องตัดขาดทุนเพื่อที่จะได้ เล่น ออเดอร์ใหม่ ได้ โดยยังเหลือเงินอยู่

--โดยการที่ เราไม่สามารถ ถือ ออเดอร์ จนมูลค่า asset เหลือ 0.0000 ได้ นั้น ผมนิยามว่า คือ over lot ทั้งหมด   

--ในทางตรงกันข้าม    การเล่นไม่ over lot นั่นหมายถึง.....เราสามารถ ถือ ออเดอร์ได้โดยไม่ต้อง ตัดขาดทุนนั่นเอง (ไม่มีทางล้างพอร์ท)    ผมนิยามการทำเเบบนี้ว่า การวางเงินเต็ม หรือ ไม่ใช้ leverage นั่นเอง 

-- leverage สำหรับผม หมายถึง  การยืมเงินมาลงทุน   

เช่น  ราคา GU 1.3000   ถ้าจะเปิด ออเดอรื 0.01    ต้องใช้เงินเต็มจำนวน เท่ากับ 1 300  USD    ถ้าเรามีเงิน 1 300 ดอล ในพอร์ท เราก็จะไม่มีทางโดนลากจนล้างพอร์ท นั่นเอง   
     -- ในทางกลับกัน ถ้าเรามีเงิน เเค่ 500 USD ก็ก็ต้องยืมเงิน มาเพื่อเปิด order  ให้ได้ 1 300 ดอล    หรือ leverage 1 : 2.6   ซึ่งหมายความว่าเรากำลังเล่น over lot เเล้ว  ไม่สามารถถือ ออเดอร์ได้ นานจน 0.000

      ..  ในชีวิตจริง  โอกาสที่ asset นั้นจะมีค่าลงมาถึง 0.0000 นั้นมีโอกาศน้อยมาก    ดังนั้นเเทบทุกคนจึงใช้ leverage กันหมด    นั่นเป็นสาเหตุให้ล้างพอร์ท     
          เเละ....ถ้าเราไม่ใช้ leverage หรือ ใช้ให้น้อยที่สุด โอกาศที่เราจะล้างพอรืทนั้นเเทบเท่ากับ 0 เลยทีเดียว  ซึ่ง เข้ากับ concept ปกป้องเงินทุนของเราก่อน( Risk  เเทบจะเท่ากับ 0 เลย )
          ....เเต่ risk ต่ำนั่นหมายถึง  ผลตอบเเทนย่อมน้อยไปด้วย   .......เพราะต้องเงินเยอะจริงๆ ถึงเล่นเต็มจำนวนได้ ....
          .... การที่จะได้กำไรเยอะๆ นั้น จึงต้องยืดระยะ TP ออกไป       เเละเมื่อยืดระยะ Tp ออกไป ย่อมต้องใช้เวลานาน   นานมาก อาจจะ เดือน 2 เดือน 
           .... ซึ่ง....ระหว่างที่ออเดอร์ ทำงานอยู่ เราจะไม่ได้เงินกลับมาเลยจนกว่าจะปิดออเดอร์นั้นๆ  (ไม่ได้เงินต่อเนื่อง หรือ cash flow นั่นเอง)

           ...จึงเกิดปัญหาที่ว่า  ทำอย่างไร  จึงจะเสี่ยงต่ำ(ปกป้องเงินทุนได้)  เเละได้ผลตอบเเทนพอควร เเละได้เงินต่อเนื่อง  เเละ ไม่ต้อง คาดเดากราฟ

            ..   ความเสี่ยงต่ำ คือ  การใช้ low leverage หรือ no leverage นั่นเอง 

           ..   ได้เงินต่อ เนื่อง .. คือ ต้อง เกิดจากการปิดเปิด ออเดอร์บ่อยๆ  (High Frequency)
           ..    เหลือ.... ไม่ต้องคาดเดากราฟ...จะทำอย่างไร  ..

           ..   การไม่คาดเดากราฟ ... คนคิดไอเดียนี้ คิดได้  คือ เปิดออเดอร์ตามจุดที่เรา mark ไว้ว่าถ้ากราฟมาถึงจะเปิด ออเดอร์  จึงไม่สนว่า pattern กราฟจะเป็นยังไง  หรือ เทรนจะเป็นยังไง   

...
         ด้วยทั้งหมดนี้ ทุกๆ อย่าง ทำให้เกิดระบบเทรด KZM ขึ้นมา โดยมีคุณสมบัติ คือ ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบเเทนพอใช้  ได้กระเเสเงินสด เเล้วไม่ต้องตามกราฟ        ดังนี้......

      1. ต้องคำนวน  lot size ที่เหมาะสมกับพอร์ท ของเราก่อน.....โดยใช้ leverage ที่ต่ำๆ หรือ  อีกทางคือ คำนวน worse case ที่เรารับได้ก่อน ว่าเรารับได้กี่ pip (5 จุด)   

         เช่น   ราคา AUDUSD ในรอบ 10 ปี วิ่งขึ้นลงอยู่ตั้งเเต่ 0.40000-1.10000      นั่นหมายถึง    ถ้าจะเราจะคำนวน pip ที่วิ่งได้ทั้งหมด คือ  70 000  pip นั่นเอง ดังนั้น lot size ของเรา ควรจะวิ่งได้ 70 000 pip เเล้วไม่ล้างพอรท 
                     หรือ เราจะตีราคาให้เเคบลง  เหลือ 0.40000 - 0.80000   คือ เหลือ เเค่ 40 000 pip lot size ของเราก็ควรวิ่งได้ 40 000 pip เเล้วไม่ล้างพอร์ท เป็นต้น

       2. หางเงินไม่หนาจริงเเนะนำใช้ บัญชี cent เพื่อนที่จะได้ cover lot เยอะๆ     เช่น     
           1 000  USD จะได้ 100 000 USC       หากเราคำนวน worse case 40 000 pip เราก็สามารถเล่น lot ละ 2.0 ได้ โดยที่โอกาศล้างพอร์ท น้อยมาก

        3. สร้าง กระเเสเงินสดโดยการเปิด-ปิดออเดอร์บ่อยๆ   คือ การเเบ่ง lot   ให้เป็นไม้ย่อยๆ   เช่น    เราเล่น lot รวม คือ 2.0  ทำไมเราไม่เเบ่งเป็น ไม้ย่อยๆ 100  ไม้ ไม้ละ0.02 เเล้ว วางคุม zone ทุกๆ 400 pip ไว้      เอาหละ
                หรือ   ไม้ย่อยๆ 200 ไม้  ไม้ละ 0.01 เเล้ววางคุมzone ไว้ ทุกๆ 200 pip ไว้ 

            การวางคุมzone เเล้วมันเกิดกระเเสเงินสดได้ อย่างไร   

                ให้จินตนาการ    (ทุกไม้ เปิด buy หมด)

              สมมติ  ราคากำลังลงมาที่     0.75000     เราเปิด 0.01  ไม้เเรก         ตั้ง TP 0.75200  (เหมือนออเดอร์นี้คุมโซน นี้ 200 pip )
                                               0.74800     เราเปิด 0.01    ไม้สอง      ตั้ง TP 0.75000
                                               0.74600     เราเปิด 0.01   ไม้ สาม      ตั้ง TP 0.74800
                                               0.74400     เราเปิด 0.01  ไม้ สี่          ตั้ง TP 0.74600
                                               0.74200     เราเปิด 0.01  ไม้ ห้า         ตั้ง TP 0.74400
                                               0.74000     เราเปิด 0.01 ไม้หก           ตั้ง TP 0.74200

            ถ้าราคาลงมารวดเดียว  เราก็จะติด order ทั้งหมด 6 ออเดอร์     เเต่ในความเป็นจริง.....ราคาไม่ได้ลงมารวดเดียว  เเต่จะค่อยๆลงมา  มีย่อ มีลง มีย่อมีลง มีเด้งบ้าง        เช่น 

                                      เราเปิดไม้เเรก 0.75000     ไม้ สอง 0.74800   ไม้สาม 0.74600  เเล้วราคาเด้งกลับไปที่ 0.75000 ใหม่ เราก็ได้ กำไร ไป  2ไม้  คือ ได้ไม้ 0.74600  ที่คุม 0.74600-0.74800  เเละไม้ 0.74800-0.75000   

                                เเละถ้าราคา กลับลงมาอีก ก็เปิดออเดอร์ตำเเหน่งเดิม      ยิ่งถ้าราคา สวิงมากก่อนลง เราก็ยิ่งได้ clash flow มากขึ้น       เเละเราไม่จำเป็นต้องตัดขาดทุนออเดอร์ที่โดนลากด้วยเพราะเราคำนวนทุกไม้ไว้หมดเเล้ว !!   ว่ายังไงก็ไม่ล้างพอรท

            คร่าวๆประมารนี้ครับ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจถามได้ครับ   ....

ที่พูดมาทั้งหมด เรียก KZM กอง A ครับ    ยังมี กอง B C เเละ D อีก ซึ่งหากสนใจจะกล่าวอีกภายหลังครับ

Credit KZM = Killing Zone by Mudley   สร้างโดย Hedge Fund manager  คนไทยครับ ชื่อ ปณต จิตต์การุญ    หากเข้าใจ จะใช้ง่ายมากครับ เเละ เพื่อนๆจะห่างไกลจากคำว่าล้างพอร์ทครับ     โดย model นี้หวังว่าจะเป็นหนึ่งในทางเลือกนึงสำหรับเพื่อนๆครับ



         






(TH)** (TH)** (TH)**
"ที่บอกว่าเทรดไม่ได้ ท่าเทรดที่เลือกเก็บสถิติถึง 1000 ครั้งหรือยัง?"

*

admin

  • 84,259
ขอบคุณครับ ต้องเลือก Broker ที Spread ต่ำๆ ด้วย ครับ จะได้ กำไร มากขึ้นตามไปด้วย
(TH)**
"เอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะไปเอาชนะตลาด"

*

clessmdx

อ้างจาก: admin ที่ 09, กรกฎาคม  2016, 07:07:11 PM
ขอบคุณครับ ต้องเลือก Broker ที Spread ต่ำๆ ด้วย ครับ จะได้ กำไร มากขึ้นตามไปด้วย
(TH)**

ครับ เเล้วถ้าให้ดี swap + ด้วยยิ่งเเจ่มเลยครับ

*

friday

  • 591
ขอบคุณมากครับ

(TH)**
= เอาชนะ ผบ.ทบ. ให้ได้ก่อน ค่อยคิดชนะตลาด =

 thank** thank**
อ้างจาก: caseandzaa ที่ 09, กรกฎาคม  2016, 06:51:33 PM
อ้างจาก: clessmdx ที่ 09, กรกฎาคม  2016, 06:19:47 PM

สวัสดีครับ  วันนี้ผมมาเเนะนำทางเลือกของเพื่อนๆอีกทางนึง  สำหรับกลยุทธ์การเทรด  ที่ชื่อว่า การเทรดเเบบวางโซน หรือ KZM  ตามความเข้าใจของผม

ผมขอท้าวความก่อน  ว่า   ที่จะเกิดระบบนี้ขึ้นมาได้ คนคิดเค้าคิดอะไรอยู่     ถ้าไม่สนใจก็ข้ามไปก่อนได้เลยครับ

ตามปรกตินั้นเวลาเราเทรด  มักจะวิเคราะห์กราฟ  ด้วยเทคนิคอะไรก็เเล้วเเต่ เช่น EMA /MACD/ Price action /เเนวรับเเนวต้าน/ หรือ  อะไรก็ว่ากันไป   เเล้วเรามักจะ"ทำนาย" อนาคตว่า กราฟจะไปทางไหน....ใช่มั้ยครับ    โดยถ้าถูกทางก็ได้กำไร    ถ้าผิดทางก็ขาดทุน ไม่ล้างพอร์ทก็กิน top loss กันไป

ซืึ่งเราก็รู้ๆกันอยู่ว่า   มันไม่ 100 เปอเซน เเละไม่มีเทคนิคอะไร  ที่ทำนายกราฟได้ 100 เปอเซน   ดังนั้น จึงเกิดปัญหาขึ้นมาว่าถ้ามันไม่ 100 เปอ เเต่ถ้าเราเทรดให้ถูกเกิน 50 เปอขึ้นไปเราก็ได้กำไรละใช้ม่ะ?   ---> เหตุเเรกคือ เราไม่รู้ว่ากราฟจะขึ้นหรือลงนั่นเอง   

ปรากฏว่า เทรดเดอร์ส่วนมาก  % win rate สูงมาก มากกว่า 70 เปอซะอีก เเต่ ล้างพอร์ท?   เพราะอะไร ?    จึงเป็นที่มาของ money management  ว่า การที่เค้าเหล่านั้นล้างพอร์ทเกิดจาก การที่ไม่คำนวน money  management  หรือเล่น over lot นั่นเอง  เเม้ว่าจะเข้าออเดอร์ถูกทาง  เเต่โดนสวิงระยะสั้นลากจนล้างพอร์ท   เเล้วกลับไปในทางที่เราเข้าตั้งเเต่เเรกให้เราเจ็บใจเล่น(บ่อยมั้ยครับ)  An2 An2 --->เหตุที่สองคือ เราไม่ค่อยคำนวน lot size ที่เหมาะสมกับพอร์ทของเรา(ต่อไปจะบอกวิธีว่าจำคำนวน lot size อย่างไรครับ)

--เหตุที่เราไม่คำนวน lot size ที่เหมาะสมกับพอร์ทของเรา  ผมเข้าใจว่า ลึกๆของเรา....เรามองเป้าหมาย คือ กำไร หรือ ผลประโยชน์ มากกว่าการรักษาต้นทุน   ดังนั้น ก่อนที่จะได้กำไร เราต้องปกป้องเงินทุนเราให้ได้ก่อน

-- ท้าวความเรื่อง ระบบ stop loss  ความเข้าใจของเทรดเดอร์ทั่วไป คือ   เค้าจะ stop loss เมื่อ เค้าคิดว่ากราฟไม่ไปในทางที่เค้าคิด
เพื่อป้องกันการขาดทุนหนัก......ซึ่งก็ถูกต้อง เเล้ว    เเต่..... เหตุผมอีกอันนึง คือ เพราะเทรดเดอร์คนนั้นเล่น over lot หรือ อีกนัยยะนึง คือ ไม่สามารถถือติดลบจนมูลค่า asset นั้นลดลงถึง 0.0000 ได้        เค้าจึงต้องตัดขาดทุนเพื่อที่จะได้ เล่น ออเดอร์ใหม่ ได้ โดยยังเหลือเงินอยู่

--โดยการที่ เราไม่สามารถ ถือ ออเดอร์ จนมูลค่า asset เหลือ 0.0000 ได้ นั้น ผมนิยามว่า คือ over lot ทั้งหมด   

--ในทางตรงกันข้าม    การเล่นไม่ over lot นั่นหมายถึง.....เราสามารถ ถือ ออเดอร์ได้โดยไม่ต้อง ตัดขาดทุนนั่นเอง (ไม่มีทางล้างพอร์ท)    ผมนิยามการทำเเบบนี้ว่า การวางเงินเต็ม หรือ ไม่ใช้ leverage นั่นเอง 

-- leverage สำหรับผม หมายถึง  การยืมเงินมาลงทุน   

เช่น  ราคา GU 1.3000   ถ้าจะเปิด ออเดอรื 0.01    ต้องใช้เงินเต็มจำนวน เท่ากับ 1 300  USD    ถ้าเรามีเงิน 1 300 ดอล ในพอร์ท เราก็จะไม่มีทางโดนลากจนล้างพอร์ท นั่นเอง   
     -- ในทางกลับกัน ถ้าเรามีเงิน เเค่ 500 USD ก็ก็ต้องยืมเงิน มาเพื่อเปิด order  ให้ได้ 1 300 ดอล    หรือ leverage 1 : 2.6   ซึ่งหมายความว่าเรากำลังเล่น over lot เเล้ว  ไม่สามารถถือ ออเดอร์ได้ นานจน 0.000

      ..  ในชีวิตจริง  โอกาสที่ asset นั้นจะมีค่าลงมาถึง 0.0000 นั้นมีโอกาศน้อยมาก    ดังนั้นเเทบทุกคนจึงใช้ leverage กันหมด    นั่นเป็นสาเหตุให้ล้างพอร์ท     
          เเละ....ถ้าเราไม่ใช้ leverage หรือ ใช้ให้น้อยที่สุด โอกาศที่เราจะล้างพอรืทนั้นเเทบเท่ากับ 0 เลยทีเดียว  ซึ่ง เข้ากับ concept ปกป้องเงินทุนของเราก่อน( Risk  เเทบจะเท่ากับ 0 เลย )
          ....เเต่ risk ต่ำนั่นหมายถึง  ผลตอบเเทนย่อมน้อยไปด้วย   .......เพราะต้องเงินเยอะจริงๆ ถึงเล่นเต็มจำนวนได้ ....
          .... การที่จะได้กำไรเยอะๆ นั้น จึงต้องยืดระยะ TP ออกไป       เเละเมื่อยืดระยะ Tp ออกไป ย่อมต้องใช้เวลานาน   นานมาก อาจจะ เดือน 2 เดือน 
           .... ซึ่ง....ระหว่างที่ออเดอร์ ทำงานอยู่ เราจะไม่ได้เงินกลับมาเลยจนกว่าจะปิดออเดอร์นั้นๆ  (ไม่ได้เงินต่อเนื่อง หรือ cash flow นั่นเอง)

           ...จึงเกิดปัญหาที่ว่า  ทำอย่างไร  จึงจะเสี่ยงต่ำ(ปกป้องเงินทุนได้)  เเละได้ผลตอบเเทนพอควร เเละได้เงินต่อเนื่อง  เเละ ไม่ต้อง คาดเดากราฟ

            ..   ความเสี่ยงต่ำ คือ  การใช้ low leverage หรือ no leverage นั่นเอง 

           ..   ได้เงินต่อ เนื่อง .. คือ ต้อง เกิดจากการปิดเปิด ออเดอร์บ่อยๆ  (High Frequency)
           ..    เหลือ.... ไม่ต้องคาดเดากราฟ...จะทำอย่างไร  ..

           ..   การไม่คาดเดากราฟ ... คนคิดไอเดียนี้ คิดได้  คือ เปิดออเดอร์ตามจุดที่เรา mark ไว้ว่าถ้ากราฟมาถึงจะเปิด ออเดอร์  จึงไม่สนว่า pattern กราฟจะเป็นยังไง  หรือ เทรนจะเป็นยังไง   

...
         ด้วยทั้งหมดนี้ ทุกๆ อย่าง ทำให้เกิดระบบเทรด KZM ขึ้นมา โดยมีคุณสมบัติ คือ ความเสี่ยงต่ำ ผลตอบเเทนพอใช้  ได้กระเเสเงินสด เเล้วไม่ต้องตามกราฟ        ดังนี้......

      1. ต้องคำนวน  lot size ที่เหมาะสมกับพอร์ท ของเราก่อน.....โดยใช้ leverage ที่ต่ำๆ หรือ  อีกทางคือ คำนวน worse case ที่เรารับได้ก่อน ว่าเรารับได้กี่ pip (5 จุด)   

         เช่น   ราคา AUDUSD ในรอบ 10 ปี วิ่งขึ้นลงอยู่ตั้งเเต่ 0.40000-1.10000      นั่นหมายถึง    ถ้าจะเราจะคำนวน pip ที่วิ่งได้ทั้งหมด คือ  70 000  pip นั่นเอง ดังนั้น lot size ของเรา ควรจะวิ่งได้ 70 000 pip เเล้วไม่ล้างพอรท 
                     หรือ เราจะตีราคาให้เเคบลง  เหลือ 0.40000 - 0.80000   คือ เหลือ เเค่ 40 000 pip lot size ของเราก็ควรวิ่งได้ 40 000 pip เเล้วไม่ล้างพอร์ท เป็นต้น

       2. หางเงินไม่หนาจริงเเนะนำใช้ บัญชี cent เพื่อนที่จะได้ cover lot เยอะๆ     เช่น     
           1 000  USD จะได้ 100 000 USC       หากเราคำนวน worse case 40 000 pip เราก็สามารถเล่น lot ละ 2.0 ได้ โดยที่โอกาศล้างพอร์ท น้อยมาก

        3. สร้าง กระเเสเงินสดโดยการเปิด-ปิดออเดอร์บ่อยๆ   คือ การเเบ่ง lot   ให้เป็นไม้ย่อยๆ   เช่น    เราเล่น lot รวม คือ 2.0  ทำไมเราไม่เเบ่งเป็น ไม้ย่อยๆ 100  ไม้ ไม้ละ0.02 เเล้ว วางคุม zone ทุกๆ 400 pip ไว้      เอาหละ
                หรือ   ไม้ย่อยๆ 200 ไม้  ไม้ละ 0.01 เเล้ววางคุมzone ไว้ ทุกๆ 200 pip ไว้ 

            การวางคุมzone เเล้วมันเกิดกระเเสเงินสดได้ อย่างไร   

                ให้จินตนาการ    (ทุกไม้ เปิด buy หมด)

              สมมติ  ราคากำลังลงมาที่     0.75000     เราเปิด 0.01  ไม้เเรก         ตั้ง TP 0.75200  (เหมือนออเดอร์นี้คุมโซน นี้ 200 pip )
                                               0.74800     เราเปิด 0.01    ไม้สอง      ตั้ง TP 0.75000
                                               0.74600     เราเปิด 0.01   ไม้ สาม      ตั้ง TP 0.74800
                                               0.74400     เราเปิด 0.01  ไม้ สี่          ตั้ง TP 0.74600
                                               0.74200     เราเปิด 0.01  ไม้ ห้า         ตั้ง TP 0.74400
                                               0.74000     เราเปิด 0.01 ไม้หก           ตั้ง TP 0.74200

            ถ้าราคาลงมารวดเดียว  เราก็จะติด order ทั้งหมด 6 ออเดอร์     เเต่ในความเป็นจริง.....ราคาไม่ได้ลงมารวดเดียว  เเต่จะค่อยๆลงมา  มีย่อ มีลง มีย่อมีลง มีเด้งบ้าง        เช่น 

                                      เราเปิดไม้เเรก 0.75000     ไม้ สอง 0.74800   ไม้สาม 0.74600  เเล้วราคาเด้งกลับไปที่ 0.75000 ใหม่ เราก็ได้ กำไร ไป  2ไม้  คือ ได้ไม้ 0.74600  ที่คุม 0.74600-0.74800  เเละไม้ 0.74800-0.75000   

                                เเละถ้าราคา กลับลงมาอีก ก็เปิดออเดอร์ตำเเหน่งเดิม      ยิ่งถ้าราคา สวิงมากก่อนลง เราก็ยิ่งได้ clash flow มากขึ้น       เเละเราไม่จำเป็นต้องตัดขาดทุนออเดอร์ที่โดนลากด้วยเพราะเราคำนวนทุกไม้ไว้หมดเเล้ว !!   ว่ายังไงก็ไม่ล้างพอรท

            คร่าวๆประมารนี้ครับ ถ้ามีอะไรไม่เข้าใจถามได้ครับ   ....

ที่พูดมาทั้งหมด เรียก KZM กอง A ครับ    ยังมี กอง B C เเละ D อีก ซึ่งหากสนใจจะกล่าวอีกภายหลังครับ

Credit KZM = Killing Zone by Mudley   สร้างโดย Hedge Fund manager  คนไทยครับ ชื่อ ปณต จิตต์การุญ    หากเข้าใจ จะใช้ง่ายมากครับ เเละ เพื่อนๆจะห่างไกลจากคำว่าล้างพอร์ทครับ     โดย model นี้หวังว่าจะเป็นหนึ่งในทางเลือกนึงสำหรับเพื่อนๆครับ



         






(TH)** (TH)** (TH)**

*

Allder21

ขอบพระคุณมากครับผม

ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ

1.สามารถเปิดได้ทั้ง long และ short เลยมั้ยครับ

หรือสมควรที่จะเปิดแค่ทางเดียวครับผม

2.ถ้าผมตั้ง TP ก่อนที่จะถึงจุดเข้าโซนต่อไปก่อนเล็กน้อย จะเป็นผลดีมั้ยครับ(ตามระยะห่างของ SPREAD)

ขอรอติดตาม กองทุน B,C และ D ครับ (TH)**

*

clessmdx

อ้างจาก: Allder21 ที่ 10, กรกฎาคม  2016, 02:32:36 AM
ขอบพระคุณมากครับผม

ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ

1.สามารถเปิดได้ทั้ง long และ short เลยมั้ยครับ

หรือสมควรที่จะเปิดแค่ทางเดียวครับผม

2.ถ้าผมตั้ง TP ก่อนที่จะถึงจุดเข้าโซนต่อไปก่อนเล็กน้อย จะเป็นผลดีมั้ยครับ(ตามระยะห่างของ SPREAD)

ขอรอติดตาม กองทุน B,C และ D ครับ (TH)**

1.สามารถเปิดได้ทั้ง long และ short เลยมั้ยครับ

หรือสมควรที่จะเปิดแค่ทางเดียวครับผม   --->  สามารถเปิดได้ทั้ง long เเละ short ครับ เเต่......ถ้าเราเปิด short หลักการ leverage = 0 หรือ ซื้อเต็มจำนวนจะไม่มี เพราะ เราจะถือว่าการซื้อ asset นั่นคือ long อย่างเดียวครับ (งงม่ะ)     

หรือ ง่ายๆ คือ ถ้า buy เราจะลบได้มากสุดเเค่ 0.0000 เเต่ถ้า sell จะลบได้ ไม่สิ้นสุด   จำนวนเงินที่เตียวมไว้เพื่อบ short จึงต้องมากกว่า long เอาเซฟๆ 4-5 เท่าครับ

2. อันนี้เเล้วเเต่เลยครับ ไม่ต้องเป๊ะ ก็ได้ ครับ

3. กอง B C D จริงๆเเล้วผมอยากให้มีคนลองทำ กอง A ซัก 1-2 wk ก่อนค่อยเขียนอะครับ  เพราะมันต้องเป็นกอง A ก่อน

*

Allder21

อ้างจาก: clessmdx ที่ 10, กรกฎาคม  2016, 09:46:04 AM
อ้างจาก: Allder21 ที่ 10, กรกฎาคม  2016, 02:32:36 AM
ขอบพระคุณมากครับผม

ขอสอบถามเพิ่มเติมครับ

1.สามารถเปิดได้ทั้ง long และ short เลยมั้ยครับ

หรือสมควรที่จะเปิดแค่ทางเดียวครับผม

2.ถ้าผมตั้ง TP ก่อนที่จะถึงจุดเข้าโซนต่อไปก่อนเล็กน้อย จะเป็นผลดีมั้ยครับ(ตามระยะห่างของ SPREAD)

ขอรอติดตาม กองทุน B,C และ D ครับ (TH)**

1.สามารถเปิดได้ทั้ง long และ short เลยมั้ยครับ

หรือสมควรที่จะเปิดแค่ทางเดียวครับผม   --->  สามารถเปิดได้ทั้ง long เเละ short ครับ เเต่......ถ้าเราเปิด short หลักการ leverage = 0 หรือ ซื้อเต็มจำนวนจะไม่มี เพราะ เราจะถือว่าการซื้อ asset นั่นคือ long อย่างเดียวครับ (งงม่ะ)     

หรือ ง่ายๆ คือ ถ้า buy เราจะลบได้มากสุดเเค่ 0.0000 เเต่ถ้า sell จะลบได้ ไม่สิ้นสุด   จำนวนเงินที่เตียวมไว้เพื่อบ short จึงต้องมากกว่า long เอาเซฟๆ 4-5 เท่าครับ

2. อันนี้เเล้วเเต่เลยครับ ไม่ต้องเป๊ะ ก็ได้ ครับ

3. กอง B C D จริงๆเเล้วผมอยากให้มีคนลองทำ กอง A ซัก 1-2 wk ก่อนค่อยเขียนอะครับ  เพราะมันต้องเป็นกอง A ก่อน

ขอบคุณมากคร้าบ (TH)** (TH)**

*

thbillz

ปัญหาคือ
พอราคาติดลบเยอะๆหลายๆไม้ พอมันเริ่มวกกลับจะปิดออเดอร์ยังไงครับ ต้องรอผลรวมเป็นบวกหรือแยกปิดเป็นไม้ๆไป

*

clessmdx

อ้างจาก: thbillz ที่ 13, กรกฎาคม  2016, 02:02:24 PM
ปัญหาคือ
พอราคาติดลบเยอะๆหลายๆไม้ พอมันเริ่มวกกลับจะปิดออเดอร์ยังไงครับ ต้องรอผลรวมเป็นบวกหรือแยกปิดเป็นไม้ๆไป

เเยกปิดเป็นไม้ๆไปครับ   

พอลงอีกก็เปิดอีก  เเบบนี้

กำไรเราจะทำจากความผันผวนครับ ยิ่งกราสวิงมาก ยิ่งติดออเดอร์เราหลายรอบ   

ติดลากก็ปล่อยไว้

*

thbillz

อ้างจาก: clessmdx ที่ 14, กรกฎาคม  2016, 12:30:28 PM
อ้างจาก: thbillz ที่ 13, กรกฎาคม  2016, 02:02:24 PM
ปัญหาคือ
พอราคาติดลบเยอะๆหลายๆไม้ พอมันเริ่มวกกลับจะปิดออเดอร์ยังไงครับ ต้องรอผลรวมเป็นบวกหรือแยกปิดเป็นไม้ๆไป

เเยกปิดเป็นไม้ๆไปครับ   

พอลงอีกก็เปิดอีก  เเบบนี้

กำไรเราจะทำจากความผันผวนครับ ยิ่งกราสวิงมาก ยิ่งติดออเดอร์เราหลายรอบ   

ติดลากก็ปล่อยไว้

หมายความว่า ไม้ที่ติดไว้ไม้ต้นๆยังไงก็ปล่อยไปเลยใช่เปล่าครับเพราะยังไงก็ mm ไว้ไม่ให้ล้างอยู่แล้ว
แบบนี้น่าจะเอามาเขียนเป็น EA

*

thbillz

อ้างจาก: thbillz ที่ 14, กรกฎาคม  2016, 12:48:44 PM
อ้างจาก: clessmdx ที่ 14, กรกฎาคม  2016, 12:30:28 PM
อ้างจาก: thbillz ที่ 13, กรกฎาคม  2016, 02:02:24 PM
ปัญหาคือ
พอราคาติดลบเยอะๆหลายๆไม้ พอมันเริ่มวกกลับจะปิดออเดอร์ยังไงครับ ต้องรอผลรวมเป็นบวกหรือแยกปิดเป็นไม้ๆไป

เเยกปิดเป็นไม้ๆไปครับ   

พอลงอีกก็เปิดอีก  เเบบนี้

กำไรเราจะทำจากความผันผวนครับ ยิ่งกราสวิงมาก ยิ่งติดออเดอร์เราหลายรอบ   

ติดลากก็ปล่อยไว้

หมายความว่า ไม้ที่ติดไว้ไม้ต้นๆยังไงก็ปล่อยไปเลยใช่เปล่าครับเพราะยังไงก็ mm ไว้ไม่ให้ล้างอยู่แล้ว
แบบนี้น่าจะเอามาเขียนเป็น EA

ประมาณนี้ป่าวครับ หรือผมจะคำนวณอะไรผิดไปทำให้ระยะห่างเยอะไปรึเปล่า

*

clessmdx

อ้างจาก: thbillz ที่ 14, กรกฎาคม  2016, 12:48:44 PM
อ้างจาก: clessmdx ที่ 14, กรกฎาคม  2016, 12:30:28 PM
อ้างจาก: thbillz ที่ 13, กรกฎาคม  2016, 02:02:24 PM
ปัญหาคือ
พอราคาติดลบเยอะๆหลายๆไม้ พอมันเริ่มวกกลับจะปิดออเดอร์ยังไงครับ ต้องรอผลรวมเป็นบวกหรือแยกปิดเป็นไม้ๆไป

เเยกปิดเป็นไม้ๆไปครับ   

พอลงอีกก็เปิดอีก  เเบบนี้

กำไรเราจะทำจากความผันผวนครับ ยิ่งกราสวิงมาก ยิ่งติดออเดอร์เราหลายรอบ   

ติดลากก็ปล่อยไว้

หมายความว่า ไม้ที่ติดไว้ไม้ต้นๆยังไงก็ปล่อยไปเลยใช่เปล่าครับเพราะยังไงก็ mm ไว้ไม่ให้ล้างอยู่แล้ว
แบบนี้น่าจะเอามาเขียนเป็น EA

นั่นหนะสิครับ เเต่ถ้าเอาให้ดีอยากให้กดเองดีกว่า   จะได้ฝึกด้วย เเต่ถ้าทำจนเซียนเเล้วจะมี กอง B CD ไว้ฝึกต่ออีก

เล่น KZM กอง A เหมือนเป็นฝึกวินัยในการเทรดครับ 

ฝึก mark จุด     โดยไม่สนกราฟ     

บางทีกราฟลงมามาก ไม่ได้ดูกราฟ เกิดไม่ทัน ก็รวบโซนได้อีก   

เช่น  mark ไว้ว่าจะเล่นที่ราคา  200  150  100  เเต่ลืมดู กราฟร่วงมา  50 เลย เราก็เก็บ    4 ไม้ที่ 50  พร้อมกันเลยก็ได้   เป็นต้น

*

UbonBoy

KZM กอง A  อ่านแล้วใครไม่เข้าใจ ให้ไปอ่านเรื่อง grid trading ครับ หลักการเดียวกัน เพียงแต่มีการใส่ money management เข้าไปด้วย  และประสิทธิภาพของกอง A จะขึ้นอยู่กับการเลือกโซนใหญ่และโซนย่อยที่จะใช้เทรด โดยเฉพาะโซนย่อย เราควรแบ่งให้เหมาะสมกับความผันผวนของสินค้าที่เราเทรดซึ่งมันจะทำให้เราทำรอบได้เท่ากับตัวสินค้าที่จะให้เราได้ ส่วนโซนใหญ่ถ้าเราวางไว้กว้างจนเกินไป ผลตอบแทนต่อเงินทุนก็จะน้อยลงไปด้วยเช่นกัน 

ปล. ผมทำกับ audusd พอร์ตไมโคร เทรดครั้งละ 0.1 lot โซนใหญ่ 0.7500 - 0.6500 โซนย่อยโซนละ 10 pip หรือ 0.0010 เทรดมาครบหนึ่งปีละ ได้ผลตอบแทน  54% 

 

XM Global Limited