วันนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ของอเมริกา ออกมาแถลงการณ์ว่า แม้รัสเซียจะอ้างว่า ได้ถอนกำลังบางส่วนจากทั้งหมดราว 150,000 นายออกจากชายแดนยูเครนแล้ว แต่วอชิงตัน และพันธมิตรยังไม่สามารถตรวจสอบยืนยันเรื่องนี้ได้ และการวิเคราะห์ข้อมูลบ่งชี้ว่า กองกำลังของรัสเซียยังอยู่ในสถานะที่คุกคามอย่างมาก อเมริกาพร้อมสำหรับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ทั้งด้านการทูตและการตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยมาตรการแซงก์ชันหากรัสเซียโจมตียูเครน ซึ่งยังมีความเป็นไปได้สูงมาก
.
ขณะที่ เจนส์ สโตลเทนเบิร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต้) ขานรับว่า แม้มีสัญญาณจากรัสเซียว่าควรดำเนินการแนวทางการทูตต่อ แต่บ่อยครั้งที่มอสโกมักทิ้งอาวุธไว้หลังการซ้อมรบ ซึ่งหมายถึงแนวโน้มที่อาจมีการส่งทหารกลับไปอีกครั้ง
.
ก่อนหน้านั้น กระทรวงกลาโหมรัสเซียประกาศว่า ได้ถอนทหาร และอาวุธบางส่วนจากบริเวณชายแดนติดกับยูเครนแล้ว หลังจากเกองทหารในเขตทหารภาคตะวันตก และภาคใต้สร็จสิ้นการซ้อมรบที่วางแผนไว้ จากนั้นได้แถลงอีกครั้งว่า ทหารในเขตทหารภาคใต้เสร็จสิ้นการซ้อมรบในแหลมไครเมียแล้วเช่นกัน และกำลังเดินทางกลับฐานในแผ่นดินใหญ่รัสเซีย โดยในวันเดียวกันนั้น วลาดิมีร์ มาเก รัฐมนตรีต่างประเทศเบลารุส ให้สัมภาษณ์ยืนยันว่า หลังการซ้อมรบร่วมกันของเบลารุสกับรัสเซีย จะไม่มีทหารรัสเซียแม้แต่นายเดียวคงอยู่ในเบลารุส
.
ขณะเดียวกัน หลังพบกับนายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ ของเยอรมนีที่ไปเยือนมอสโก ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ยืนยันว่า รัสเซียไม่ต้องการสงคราม และยินดีเจรจาหาทางออกกับตะวันตก พร้อมยืนยันการถอนกำลังรัสเซียบางส่วนกลับกรมกอง
.
ด้านชอลซ์ กล่าวว่า การประกาศของรัสเซียเป็นสัญญาณที่ดี ผู้นำเมืองเบียร์ยังคลายความกังวลของปูตินว่า ยูเครนไม่ได้กำลังจะเข้าเป็นสมาชิกนาโตในเร็ว ๆ นี้
.
อย่างไรก็ตาม แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยืนกรานกับเซียร์เก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซียระหว่างหารือทางโทรศัพท์ว่า อเมริกาต้องการหลักฐานการถอนทหารที่พิสูจน์ได้ และน่าเชื่อถือ
.
นอกจากนี้ ไบเดนที่ได้พูดคุยโดยตรงกับปูตินเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา โดยยังกล่าวว่า มีวิธีการซึ่งสามารถจัดการความกังวลด้านความมั่นคงของทั้งสองฝ่ายได้จริง และสหรัฐฯ กำลังผลักดันแนวคิดที่เป็นรูปธรรมเพื่อสร้างสภาพแวดล้อมความมั่นคงในยุโรป
.
กระนั้น เกี่ยวกับความกังวลของปูตินที่ว่า ยูเครนอาจพยายามเข้าร่วมเป็นสมาชิกนาโต้นั้น ประมุขทำเนียบขาวสำทับว่า ประเทศต่าง ๆ มีสิทธิในอธิปไตย และบูรณาภาพแห่งดินแดนของตนเอง พร้อมย้ำว่า รัสเซียไม่ได้ถูกอเมริกา นาโต้ หรือยูเครนคุกคาม
.
แม้ดูเหมือนสถานการณ์เริ่มคลี่คลายในทางที่ดี แต่ยูเครนยังคงตึงเครียดหลังเว็บไซต์ของกระทรวงกลาโหม และธนาคารของรัฐ 2 แห่งซึ่งเป็นสถาบันการเงินใหญ่ที่สุดในประเทศ ถูกโจมตีทางไซเบอร์ โดยเมื่อหลายสัปดาห์ก่อน ผู้เชี่ยวชาญด้านกลาโหมเคยทำนายว่า รัสเซียจะโหมโรงก่อนเปิดฉากบุกด้วยการโจมตีทางไซเบอร์ แม้เคียฟไม่ได้ระบุชื่อผู้ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์นี้ แต่คำแถลงที่ออกมาบ่งชี้ว่า ผู้ที่ถูกกล่าวหาเป็นตัวการคือรัสเซีย
.
อีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่มีแนวโน้มสร้างความไม่พอใจให้เคียฟคือ สมาชิกรัฐสภารัสเซียลงมติเมื่อวันอังคารเรียกร้องให้ปูตินยอมรับโดเนสต์ และลูกันสก์ ที่เป็นดินแดนในยูเครนตะวันออก ซึ่งประกาศแยกตัวจากยูเครนมาหลายปีแล้ว มีฐานะเป็นรัฐอิสระ โดยทั้งสองแคว้นดังกล่าวมีประชากรส่วนใหญ่เป็นผู้พูดภาษารัสเซีย และสนับสนุนมอสโก อีกทั้งยังสู้รบกับกองทัพยูเครนมาตั้งแต่ปี 2014 ทำให้มีผู้เสียชีวิตราว 14,000 คน การประกาศยอมรับดินแดนทั้งสองเป็นรัฐอิสระจะมีผลให้ข้อตกลงสันติภาพกรุงมินสก์สิ้นสุดทันที รวมทั้งอาจตามมาด้วยการที่รัสเซียยกทัพเข้าไป
.
การประกาศแยกตัวจากยูเครนของ โดแนสต์ และลูกันสก์ มีขึ้นในช่วงเวลาใกล้เคียงกับที่รัสเซียใช้แผนสายฟ้าแลบบุกยึดแหลมไครเมียจากยูเครนแบบแทบไม่เสียเลือดเนื้อ จากนั้นก็ประกาศผนวกเข้าเป็นดินแดนส่วนหนึ่งของรัสเซีย
-------------------------------
แหล่งข่าว
https://www.reuters.com/world/europe/ukraine-reports-cyber-attack-defence-ministry-website-banks-tass-2022-02-15/