(Voice Of America-Thai) ประธานาธิบดีโจ ไบเดนของสหรัฐฯ เป็นเจ้าภาพการประชุมสุดยอด Summit for Democracy ซึ่งมีประเทศประชาธิปไตยเข้าร่วม โดยมีจุดประสงค์เพื่อ "ขับเคลื่อนวาระที่ย้ำถึงประชาธิปไตยให้มีความแข็งแกร่งอีกครั้งและรับมืออย่างเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่อสิ่งท้าทายที่สำคัญต่างๆ ต่อประชาธิปไตย"
.
ในการประชุมที่มีขึ้นในวันพฤหัสบดีและวันศุกร์ผ่านระบบออนไลน์ ทางการสหรัฐฯกล่าวว่าประเทศผู้เข้าร่วมกว่า 100 แห่ง จะถูกเชิญชวนให้ประกาศแผนงานอย่างเฉพาะเจาะจงในการสร้างการเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายต่อประชาธิปไตย
.
อย่างไรก็ตามไม่เป็นที่ทราบแน่ชัดว่าแผนงานที่ถูกประกาศที่การประชุมสุดยอดครั้งนี้จะได้รับการสานต่อในเชิงปฏิบัติหรือไม่
.
อาจารย์ด้านรัฐศาสตร์ สเตซี ก็อดดาร์ด แห่งมหาวิทยาลัย Wellesley College ของสหรัฐฯกล่าวว่า การประชุมครั้งนี้เปรียบเหมือนการขีดเส้นให้กับพันพันธมิตรสหรัฐฯทราบว่าจุดยืนใดคือฝั่งเดียวกับตน ซึ่งแตกต่างกับของจีนและรัสเซีย
.
แต่หากเป็นเรื่องความคาดหวังว่าจะเกิดผลอย่างจริงจังหรือไม่ นักวิชาการผู้นี้ระบุว่าจุดประสงค์ของ Summit for Democracy ครั้งนี้ค่อนข้างที่จะเป็นนามธรรม
.
ขณะเดียวกัน สตีเวน เฟล์ดสไตน์ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน Carnegie Endowment for International Peace กล่าวว่าการที่รัฐบาลประธานาธิบดีไบเดนริเริ่มการประชุมนี้ถือว่าเป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์
.
เขากล่าวว่าการประชุม Summit for Democracy เป็นสิ่งสะท้อนความตั้งใจของรัฐบาลใหม่ที่ต้องการให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเป็นปีแห่งกิจกรรมต่างๆ ที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์เจตนารมณ์ของไบเดน
.
แม้ส่วนใหญ่ของกว่า 100 ประเทศที่ได้รับเชิญ จะมีความเป็นประชาธิปไตยสูง คือมี 77 ประเทศที่ได้รับการจัดอันดับว่า เป็นประเทศ "เสรี" (free) และ มี "ประชาธิปไตยที่สมบูรณ์" (fully democratic) แต่ก็มี 31 ประเทศที่อยู่ในระดับ"เสรีบางส่วน" (partly free) ตามการจัดอันดับของ Freedom House ในรายงาน Freedom in the World 2021
.
ที่สำคัญมี 3 ประเทศที่ "ไม่เสรี" หรือ (not free) แต่ได้รับเชิญเข้าร่วมประชุมสุดยอดด้านประชาธิปไตย คือ อิรัก แองโกลาและสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก
.
ทั้งนี้ไทย ซึ่งไม่ได้รับเชิญ อยู่ในกลุ่ม "ไม่เสรี" (not free) ในรายงาน Freedom in the World 2021 ตกจากระดับ partly free ในปีก่อนหน้านั้น
.
หากพิจารณาถึงรายชื่อผู้ได้รับเชิญ อาจเกิดคำถามว่า เหตุใดบางประเทศที่ได้คะแนนด้านประชาธิปไตยปานกลางเช่นศรีลังกา ไม่ได้รับเชิญ ขณะที่ประเทศที่มีคะแนนต่ำกว่าเช่น ปากีสถาน กลับได้รับเชิญ
.
ในเรื่องนี้โฆษกทำเนียบขาว เจน ซากี กล่าวว่า "ประชาธิปไตยในทุกประเทศต่างเป็นงานที่อยู่ระหว่างการดำเนินไปกันทั้งสิ้น มันไม่ได้หมายความว่าการไม่ได้รับเชิญจะแปลว่าคุณถูกตีตราเชิงลบด้านประชาธิปไตย"
.
โฆษกเจน ซากี กล่าวด้วยว่า สหรัฐฯในฐานะเจ้าภาพต้องการให้เวทีนี้มีเสียงที่หลากหลายที่สามารถออกมาพูดถึงความพยายามปกป้องประชาธิปไตย
สตีเวน เฟล์ดสไตน์ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบัน Carnegie Endowment for International Peace กล่าวเสริมว่าปัจจัยอื่นๆที่ถูกนำมาพิจารณาเรื่องการออกหมายเชิญประเทศเข้าร่วมการประชุมสุดยอดครั้งนี้ คือผลประโยชน์แห่งชาติของสหรัฐฯ เชิงยุทธศาสตร์และภาพรวมและพลวัตรในภูมิภาคต่างๆ เป็นต้น
.
สำหรับปฏิกิริยาจากจีน ซึ่งไม่ได้รับเชิญ และถูกมองเป็นปัจจัยหนึ่งที่สหรัฐฯนำมาพิจารณาเพื่อคานอำนาจด้วยการหาแนวร่วมผ่าน Summit for Democracyรองรัฐมนตรีต่างประเทศของจีน หลี่ ยู่เฉิน กล่าวว่า การทำเช่นนี้เป็นการแบ่งแยกประเทศต่างไปตามลำดับชั้น เป็นการแปะป้ายว่าประเทศใดเป็นประชาธิปไตยและประเทศใดมิได้เป็นประชาธิปไตย
.
เขากล่าวด้วยว่าสหรัฐฯ เองก็ไม่ได้มีประวัติด้านประชาธิปไตยที่ไร้จุดบกพร่อง เขาได้ยกตัวอย่างเหตุการณ์จลาจลบุกยึดรัฐสภาสหรัฐฯที่กรุงวอชิงตันเมื่อวันที่ 6 มกราคม ปีที่แล้วด้วย
.
ส่วนทางการอเมริกันกล่าวว่า สิ่งหนึ่งที่การประชุมสุดยอดครั้งนี้ต้องการเห็นคือ ความสามารถในการระบุถึงความไม่สมบูรณ์แบบของประชาธิปไตยและดำเนินแนวทางกับปัจจัยเหล่านั้นด้วยความโปร่งใส
-------------------------------
แหล่งข่าว
https://www.facebook.com/voathai/posts/6884718431568432