กองทุน SPDR Gold Shares

ประจำวันที่

เวลา ครั้งที่ ก่อนหน้า ถือล่าสุด เปลี่ยนแปลง
- - - - -
รวมวันนี้-
เดือนนี้ - : 
ปีนี้  : 
*หน่วยตัน
*อ้างอิงจาก SPDR Gold Share

ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ

ประจำวันที่ ครั้งที่ เวลา น.

ชนิดทองคำ รับซื้อ ขายออก
ทองคำแท่ง 96.5% - -
ทองรูปพรรณ 96.5% - -
รวมวันนี้-
เปลี่ยนแปลงล่าสุด-
*หน่วยเงินบาท
*ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ

🔥🔥 EUR/USD แนวโน้ม Forex ศุกร์ 8 ตุลาคม 2564 Non-Farm วันนี้เดือดเชือดนิ่มนิ่ม 🐡🐡

  • 16 replies
  • 5,918 views
*

PoNgPk

  • 6,490
(Oct 9) เฟดเจอโจทย์ยากในการประชุม 2-3 พ.ย. หลังตัวเลขจ้างงานคลุมเครือ : นักวิเคราะห์ระบุว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเผชิญการตัดสินใจที่ยากลำบากในการประชุมนโยบายการเงินในวันที่ 2-3 พ.ย. หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ไร้ทิศทางในวันนี้ (9 ต.ค.)

นายคาร์ล แทนเนนบอม นักเศรษฐศาสตร์จากนอร์ทเทิร์น ทรัสต์ เปิดเผยว่า ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ต้องการเห็น ตัวเลขจ้างงาน จำนวนมากเพื่อให้การตัดสินใจ ถอนมาตรการผ่อนคลายทางการเงิน เป็นไปอย่างง่ายดาย แต่ตอนนี้ คาดว่าการหารือกันในการประชุมวันที่ 2-3 พ.ย. จะเป็นไปด้วยความยากลำบาก และตลาดจะต้องรับมือกับความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้น หลังมีการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานออกมา

ก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์กันว่า เฟดจะประกาศกำหนดเวลาในการเริ่มปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตาม มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเดือนพ.ย. และจะดำเนินการปรับลดจริงในเดือนธ.ค. ก่อนที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2565 ซึ่งคาดการณ์ไทม์ไลน์ดังกล่าวอาจเปลี่ยนแปลงไป หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานโดยกระทรวงแรงงานสหรัฐ ที่ระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้นเพียง 194,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 500,000 ตำแหน่ง หลังจากแตะระดับ 366,000 ตำแหน่งในเดือนส.ค.

อย่างไรก็ดี อัตราการว่างงานปรับตัวลงสู่ระดับ 4.8% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.พ.2563 และต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 5.1% จากระดับ 5.2% ในเดือนส.ค.

กระทรวงแรงงานสหรัฐยังได้ปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 1,091,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 1,053,000 ตำแหน่ง และปรับตัวเลขการจ้างงานในเดือนส.ค. โดยปรับเป็นเพิ่มขึ้น 366,000 ตำแหน่ง จากเดิมที่รายงานว่าเพิ่มขึ้น 235,000 ตำแหน่ง

ทั้งนี้ ในเดือนก.ย. ภาคเอกชนมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 317,000 ตำแหน่ง ขณะที่ภาครัฐจ้างงานลดลง 123,000 ตำแหน่ง ขณะเดียวกัน ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ เพิ่มขึ้น 0.6% และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.4%

นักลงทุนมองต่างมุมเกี่ยวกับการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันนี้ (9 ต.ค.) โดยบางส่วนผิดหวังต่อตัวเลขดังกล่าว และมองว่าตัวเลขจ้างงานที่ต่ำกว่าคาด บ่งชี้ว่าตลาดแรงงานสหรัฐยังคงอ่อนแอ และส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัวขึ้น หลังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แต่นักลงทุนอีกส่วนหนึ่งมองมุมบวกว่า ตัวเลขการจ้างงานที่ต่ำกว่าคาดดังกล่าว จะทำให้เฟดยังไม่เร่งประกาศปรับลดวงเงิน QE และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

ทางด้านผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนก.ย.ถือเป็นโจทย์ยากของเฟดในการตัดสินใจว่าจะถอนการผ่อนคลายนโยบายการเงินตามแผนที่คาดไว้หรือไม่ เนื่องจากรายละเอียดในรายงานตัวเลขจ้างงานฉบับนี้บ่งชี้ทิศทางที่แตกต่างกัน

ทั้งนี้ แม้ว่าตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรโดยรวมต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์อยู่มาก แต่อัตราการว่างงานที่ดีกว่าคาด และอยู่ที่ระดับต่ำสุดในรอบกว่า 1 ปี ก็ได้ช่วยผ่อนคลายความกังวลต่อตลาดแรงงาน

นอกจากนี้ การที่กระทรวงแรงงานสหรัฐได้ปรับเพิ่มตัวเลขการจ้างงานในเดือนก.ค.และส.ค. ก็ได้บ่งชี้การฟื้นตัวของตลาดแรงงาน ขณะเดียวกัน การที่ตัวเลขค่าจ้างรายชั่วโมงโดยเฉลี่ยของแรงงาน ซึ่งเป็นข้อมูลที่เฟดให้ความสำคัญเพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ภาวะเงินเฟ้อ ได้เพิ่มขึ้น 0.6% สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 0.4% ก็เป็นสัญญาณบ่งชี้เงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้น และอาจเป็นปัจจัยหนุนการปรับลดวงเงิน QE และการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย

Source: ฐานเศรษฐกิจออนไลน์
TRADE RIDER

*

PoNgPk

  • 6,490
(Oct 10) จับตา 3 เส้นตายใหญ่สหรัฐ ส่งผลสะเทือนเศรษฐกิจโลก : ภายในสิ้นปีนี้ มีความท้าทายใหญ่รอต้อนรับรัฐบาลอเมริกันอยู่ นั่นคือมี "เส้นตาย" ด้านเศรษฐกิจหลัก ๆ อยู่ 3 อย่างที่ต้องฝ่าฟันไปให้ได้ทันเวลา ซึ่งการจะผ่านเส้นตายไปได้ก็ต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจทางการเมืองที่ในตอนนี้เป็นที่ทราบกันดีว่ามีความขัดแย้งกันลึกล้ำระหว่างฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน หลังจากการเมืองสหรัฐในยุคก่อนหน้าทำให้ประชาชนแตกแยกกันทางการเมืองอย่างสาหัสมาแล้ว

ความสำเร็จหรือล้มเหลวของรัฐบาลสหรัฐใน 3 เส้นตายใหญ่ทางเศรษฐกิจ ที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ล้วนมีนัยต่ออนาคตของอเมริกาในอีกหลายปีข้างหน้า

เส้นตายแรก "ขยายเพดานหนี้"

เส้นตายแรก ก็คือสภาคองเกรสจำเป็นต้องเห็นชอบให้มีการขยายเพดานหนี้ของประเทศภายในวันที่ 18 ตุลาคมนี้ เพราะไม่เช่นนั้นเสี่ยงจะทำให้สหรัฐผิดนัดชำระหนี้ ซึ่งไม่เพียงกระทบต่อเศรษฐกิจอเมริกา แต่กระทบต่อเศรษฐกิจโลกด้วย ซึ่งประเด็นขยายเพดานหนี้ เกิดเสียงเรียกร้องมาตลอดทั้งจากระดับผู้นำประเทศอย่าง "โจ ไบเดน" นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานเฟด และนางเจเน็ต เยลเลน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ

โดยเยลเลนออกมาเตือนว่า หากสภาคองเกรสไม่เห็นชอบการขยายเพดานหนี้ ก็จะเป็นเรื่องหายนะเพราะรัฐบาลไม่สามารถชำระหนี้ ซึ่งผลของมันอาจทำให้ "เศรษฐกิจถดถอย" นอกจากนั้นจะทำให้ความน่าเชื่อถือของสหรัฐลดลง เพราะที่ผ่านมาพันธบัตรสหรัฐได้รับการยอมรับว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยที่สุดในโลกมาโดยตลอด

บรรดานักเศรษฐศาสตร์ชี้ว่า ที่ผ่านมาสหรัฐไม่เคยผิดนัดชำระหนี้ และหากผิดนัดจะสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง ผ่านการพุ่งขึ้นของอัตราดอกเบี้ย โดยลดทอนความเชื่อมั่นต่ออเมริกาเรื่องการรักษาสัญญาชำระหนี้ ส่งผลประเทศต่าง ๆ จะอยากถือพันธบัตรอเมริกาน้อยลง ความต้องการถือครองดอลลาร์สหรัฐน้อยลง ซึ่งอาจเปิดโอกาสให้จีนอยู่ในฐานะได้เปรียบที่จะนำสกุลเงินของตัวเองเข้าแทนที่ดอลลาร์สหรัฐ

เส้นตายที่สอง "แผน ศก.ไบเดน"

พรรคเดโมแครตมีเป้าหมายจะผ่านร่างกฎหมายแผนเศรษฐกิจของรัฐบาลมูลค่า 3.5 ล้านล้านดอลลาร์ ภายในวันที่ 31 ตุลาคม ร่างกฎหมายนี้ไม่เพียงมีเสียงคัดค้านจากฝ่ายค้าน แต่ภายในพรรคเดโมแครตเองก็มีบางส่วนไม่เห็นด้วย โดยสมาชิกเดโมแครตบางคนยืนกรานว่าจะไม่สนับสนุนหากวงเงินที่ใช้ลงทุนตามแผนนี้เกิน 1.5 ล้านล้านดอลลาร์ ดังนั้นมีแนวโน้มว่าเดโมแครตจะตัดวงเงินลงเพื่อหาทางประนีประนอมให้ร่างกฎหมายนี้ผ่านออกมาได้

ทั้งนี้ รัฐบาลจำต้องได้เสียงสนับสนุนจากวุฒิสมาชิกสายเดโมแครตทั้ง 50 คน แต่ดูเหมือนมี 2 เสียงจะไม่เห็นด้วยจึงเท่ากับขาดอยู่ 2 เสียง ขณะเดียวกัน ไบเดนได้นัดเจรจากับสมาชิกสภาล่างทั้งสายกลางและสายก้าวหน้าในเรื่องนี้เพื่อโน้มน้าว

แผนเศรษฐกิจของไบเดน มีเป้าหมายจะยกเครื่องเศรษฐกิจของสหรัฐ ทั้งการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน สะพาน สนามบิน ไฟฟ้า เครือข่ายบรอดแบนด์ เป็นต้น ที่คาดว่าจะช่วยสร้างงานจำนวนมาก นอกจากนั้นจะมีการลงทุนด้านทรัพยากรมนุษย์และสวัสดิการต่าง ๆ เช่น ฝึกอบรมแรงงานหลายล้านคน การดูแลผู้สูงอายุและพิการ โดยอ้างว่าเป็นการลงทุนทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี

เส้นตายที่สาม "งบประมาณรายจ่าย"

สิ้นเดือนกันยายนที่ผ่านมา รัฐบาลสหรัฐสามารถหลีกเลี่ยงการ "ชัตดาวน์" ไปได้เฉียดฉิว เมื่อสภาคองเกรสเห็นชอบให้ขยายเวลาการใช้งบประมาณรายจ่ายประจำปีไปจนถึงวันที่ 3 ธันวาคม เป็นการชั่วคราว ทำให้รัฐบาลยังสามารถใช้จ่ายเงินงบประมาณเพื่อบริหารราชการแผ่นดินต่อไป หน่วยงานรัฐบาลสามารถเปิดให้บริการได้ตามปกติ หลีกเลี่ยงความโกลาหลจากการชัตดาวน์อันลือลั่นที่เคยเกิดขึ้นในยุค "โดนัลด์ ทรัมป์" ซึ่งกินเวลานานที่สุดในประวัติศาสตร์ 22 วัน

อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้ยังต้องรอความเห็นชอบจากคองเกรส ในการผ่านร่างกฎหมายงบประมาณรายจ่ายระยะยาว ซึ่งยังไม่มีอะไรแน่นอนเช่นกัน และด้วยเหตุที่การเลือกตั้งกลางเทอมจะมีขึ้นในปีหน้า ดังนั้นจึงเกิดแรงจูงใจมากเป็นพิเศษที่จะทำให้เกิดการต่อสู้ทางการเมือง แม้แต่ในเรื่องที่เป็นปกติวิสัยทั่วไป

คอลัมน์ ชีพจรเศรษฐกิจโลก
นงนุช สิงหเดชะ

Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
TRADE RIDER

 

XM Global Limited