กองทุน SPDR Gold Shares

ประจำวันที่

เวลา ครั้งที่ ก่อนหน้า ถือล่าสุด เปลี่ยนแปลง
- - - - -
รวมวันนี้-
เดือนนี้ - : 
ปีนี้  : 
*หน่วยตัน
*อ้างอิงจาก SPDR Gold Share

ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ

ประจำวันที่ ครั้งที่ เวลา น.

ชนิดทองคำ รับซื้อ ขายออก
ทองคำแท่ง 96.5% - -
ทองรูปพรรณ 96.5% - -
รวมวันนี้-
เปลี่ยนแปลงล่าสุด-
*หน่วยเงินบาท
*ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ

🔴🥊 EUR/USD แนวโน้ม Forex จันทร์ 23 สิงหาคม 2564 พักตัวพอหรือยังจะทุบมั่งให้ทะลุแกนโลก🐶🐶

  • 26 replies
  • 6,539 views
*

CASE Forex

  • 20,411
AUD/CAD อาจร่วง 24 - 36 จุด



จุดอ้างอิงทำกำไรของเราอยู่ที่ 0.9116.

จุดที่ต้องการ
อยู่เหนือแนวต้านขาลง หาก 0.9116 ยังคงเป็นแนวต้าน

ทางเลือกการลงทุน
สูงกว่า 0.9116, คาดหมายที่ 0.9136 และ 0.9147.

ความเห็น
RSI (ตัวชี้วัดทิศทางการเคลื่อนที่ของราคา) ต่ำกว่า 50.MACD (ตัวชี้วัดการเบี่ยงเบนของแนวโน้ม) ต่ำกว่าเส้นสัญญาณและเป็นลบ. ยิ่งกว่านั้น ราคาปัจจุบันต่ำกว่าเส้นค่าเฉลี่ยที่เคลื่อนไหวที่ 20 ถึง 50 (อยู่ที่ลำดับ 0.9100 และ 0.9200)

แนวรับและแนวต้าน
0.9147 **

0.9136 *

0.9116 **

0.9108
--------
0.9100

0.9076

0.9064 **

0.9053 *

0.9041 **

จำนวนเครื่องหมายดอกจันแสดงถึงความแข็งแกร่งของระดับแนวรับและระดับแนวต้าน
"ที่บอกว่าเทรดไม่ได้ ท่าเทรดที่เลือกเก็บสถิติถึง 1000 ครั้งหรือยัง?"

*

CASE Forex

  • 20,411
USD/CAD อาจร่วง 36 - 76 จุด



จุดอ้างอิงทำกำไร (ระดับที่เป็นโมฆะ)
1.2840

จุดที่ต้องการ
สถานะขายต่ำกว่า 1.2840 เป้าหมายต่อไปที่ 1.2735 และ 1.2695

ทางเลือกการลงทุน
สูงกว่า 1.2840 คาดหมายว่ามีแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องที่ 1.2890 และ 1.2940 เป็นเป้าหมาย

ความเห็นในเชิงเทคนิค
RSI มีทิศทางไม่ดี

แนวรับและแนวต้าน
1.2940

1.2890

1.2840

1.2771 สุดท้าย

1.2735

1.2695

1.2660

จำนวนเครื่องหมายดอกจันแสดงถึงความแข็งแกร่งของระดับแนวรับและระดับแนวต้าน
"ที่บอกว่าเทรดไม่ได้ ท่าเทรดที่เลือกเก็บสถิติถึง 1000 ครั้งหรือยัง?"

*

CASE Forex

  • 20,411
USD/CHF อาจร่วง 21 - 36 จุด



จุดอ้างอิงทำกำไร (ระดับที่เป็นโมฆะ)
0.9180

จุดที่ต้องการ
สถานะขายต่ำกว่า 0.9180 เป้าหมายต่อไปที่ 0.9140 และ 0.9125

ทางเลือกการลงทุน
สูงกว่า 0.9180 คาดหมายว่ามีแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องที่ 0.9195 และ 0.9210 เป็นเป้าหมาย

ความเห็นในเชิงเทคนิค
ในทางเทคนิค RSI จะอยู่ต่ำกว่าบริเวณเป็นกลางที่ 50

แนวรับและแนวต้าน
0.9210

0.9195

0.9180

0.9161 สุดท้าย

0.9140

0.9125

0.9110

จำนวนเครื่องหมายดอกจันแสดงถึงความแข็งแกร่งของระดับแนวรับและระดับแนวต้าน
"ที่บอกว่าเทรดไม่ได้ ท่าเทรดที่เลือกเก็บสถิติถึง 1000 ครั้งหรือยัง?"


แนวโน้มกราฟยังคงเป็นขาลง แต่การที่กราฟลงมาทำ new low ในรอบล่าสุดนั้นลงมาทำ new low พร้อมกับการเกิดสัญญาณ divergence จึงอาจจะต้องระวังการพักตัวขึ้นที่สูงได้ และตอนนี้กราฟก็ได้ดีดตัวกลับขึ้นมาทดสอบแนวต้านแรกที่ 1.1726 แล้วนะครับ หากกราฟทำแท่งเทียนกลับตัวลงจากแนวต้านนี้ไม่ได้ก็ให้ไปรอดูแท่งกลับตัวลงจากแนวต้านถัดไปที่แนวซัพพลายโซนที่ราคา 1.1768 กันต่อ เป้า TP ที่ 1.1615 ตัดขาดทุนเหนือ 1.1805 ครับ

*

PoNgPk

  • 6,490
ราคาทองฟิวเจอร์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ โดยได้รับแรงหนุนจากคำสั่งซื้อในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา นอกจากนี้ การอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์ยังเป็นปัจจัยบวกต่อราคาทองคำ

ณ เวลา 19.07 น.ตามเวลาไทย สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนธ.ค.ปรับตัวขึ้น 9.8 ดอลลาร์ หรือ 0.55% แตะที่ 1,793.80 ดอลลาร์/ออนซ์

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ปรับตัวลง 0.24% แตะที่ 93.27 ซึ่งเป็นปัจจัยบวกต่อทองคำ เนื่องจากทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาในรูปดอลลาร์นั้น มีราคาที่น่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น

นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์เดลตา โดยล่าสุด นางจาซินดา อาร์เดิร์น นายกรัฐมนตรีนิวซีแลนด์ประกาศขยายเวลาล็อกดาวน์ทั่วประเทศ หลังพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลตาในประเทศเพิ่มอีก 35 รายในวันนี้ ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อโควิด-19 ภายในประเทศเพิ่มเป็น 107 ราย

นางอาร์เดิร์นแถลงข่าวต่อสื่อมวลชนว่า "เราตัดสินใจขยายการใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศระดับ 4 ซึ่งเป็นมาตรการสูงสุดออกไปจนถึงเวลา 23.59 น.ของวันศุกร์ที่ 27 ส.ค.นี้ ขณะที่เมืองโอ๊คแลนด์ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดนั้น จะยังคงอยู่ภายใต้มาตรการล็อกดาวน์ไปจนถึงวันที่ 31 ส.ค."

"ทางเลือกที่ดีที่สุดของเราในเวลานี้คือการขยายเวลาล็อกดาวน์ เนื่องจากเราไม่ทราบแน่ชัดว่าการแพร่ระบาดของไวรัสเดลตาจะขยายวงกว้างออกไปมากเพียงใด" นางอาร์เดินกล่าว

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช
TRADE RIDER

บินแล้วครับน่าจบขาลง

*

PoNgPk

  • 6,490
สกุลเงินยูโรแข็งค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ หลังมีรายงานว่าดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการขั้นต้นของยูโรโซนยังคงขยายตัวในเดือนส.ค. ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจของสหรัฐในคืนนี้ ซึ่งรวมถึงยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.

ณ เวลา 19.17 น.ตามเวลาไทย ยูโรแข็งค่าขึ้น 0.16% เมื่อเทียบกับดอลลาร์ แตะที่ 1.1720 ดอลลาร์

ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและบริการขั้นต้นของยูโรโซน อยู่ที่ระดับ 59.5 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 เดือน ลดลงจากระดับ 60.2 ในเดือนก.ค.

อย่างไรก็ดี ดัชนี PMI ยังคงอยู่สูงกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของยูโรโซนยังคงมีการขยายตัว


นักลงทุนจับตาข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐในคืนนี้ ซึ่งได้แก่ ดัชนีกิจกรรมเศรษฐกิจทั่วประเทศเดือนก.ค.จากเฟดชิคาโก, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตขั้นต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต, ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคบริการขั้นต้นเดือนส.ค.จากมาร์กิต และยอดขายบ้านมือสองเดือนก.ค.

นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล รัฐไวโอมิง ในวันที่ 26-28 ส.ค.นี้ โดยหัวข้อในการประชุมประจำปีนี้คือ "Monetary Policy Framework Review" ด้านนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าเฟดจะส่งสัญญาณที่ชัดเจนมากขึ้นเกี่ยวกับทิศทางอัตราดอกเบี้ย รวมทั้งแนวโน้มการปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในการประชุมดังกล่าว

เฟดสาขาแคนซัสซิตี้ ซึ่งเป็นผู้จัดการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ได้ออกแถลงการณ์ยืนยันว่า การประชุมในวันที่ 26-28 ส.ค.จะเปลี่ยนเป็นการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ จากเดิมที่กำหนดว่าจะเป็นการประชุมแบบพบหน้ากัน โดยการปรับเปลี่ยนรูปแบบการประชุมมีเป้าหมายที่จะลดความเสี่ยงจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19



--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช
TRADE RIDER

*

admin

  • 84,260
อ้างจาก: wattipong26 ที่ 23, สิงหาคม  2021, 07:49:16 PM
บินแล้วครับน่าจบขาลง

ลงไม่ไหวเลยหรือครับ ท่าน
(TH)** (TH)**
"เอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะไปเอาชนะตลาด"

อ้างจาก: admin ที่ 23, สิงหาคม  2021, 09:06:26 PM
อ้างจาก: wattipong26 ที่ 23, สิงหาคม  2021, 07:49:16 PM
บินแล้วครับน่าจบขาลง

ลงไม่ไหวเลยหรือครับ ท่าน
(TH)** (TH)**
รอ2อาทิตละครับไม่ยอมร่วงพี่ทอง

วันรี้ขอให้เทเท่ห์ๆ หน่อยนะครับ รอข้ามอาทิตแล้ว
แต่เมื่อวานราคาขึ้นไปผิดคาดมากจริงๆ

*

PoNgPk

  • 6,490
(Aug 24) เราควรกังวลหรือไม่กับสัญญาณลด QE ของธนาคารกลางสหรัฐ
: ในสัปดาห์ที่ผ่านมาดูเหมือนว่าตลาดการเงินจะตกใจกับการส่งสัญญาณลดขนาดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตร หรือที่เราเรียกกันติดปากว่า QE Tapering

สะท้อนจากสรุปรายงานการประชุมของคณะกรรมการกำกับนโยบายการเงิน (FOMC) ของการประชุมในเดือน ก.ค. ทำให้ตลาดหุ้นหลายๆ แห่งที่เดินหน้าทำจุดสูงสุดใหม่ต่อเนื่องในช่วงหลังสะดุดลงมาเล็กน้อย และก่อให้เกิดคำถามมากมายเกี่ยวกับผลกระทบของตลาดการเงิน บางคนกังวลเรื่องดอกเบี้ยที่อาจจะทำให้พอร์ตราสารหนี้ขาดทุน บางคนกังวลเรื่องของการปรับตัวลดลงของหุ้นเนื่องจากต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น สภาพคล่องที่ลดลง และมีนักวิเคราะห์เริ่มพูดถึงการปรับฐานของหุ้นรอบใหญ่ ดังนั้นวันนี้เราลองมาแชร์มุมมองในเรื่องนี้กันครับ

ความเป็นไปได้ของการเพิ่มขึ้นดอกเบี้ยนั้นมีมากหรือน้อยแค่ไหน? ก่อนอื่น เราต้องทำความเข้าใจว่าการทำ QE Tapering และการขึ้นดอกเบี้ยนั้นเป็นสองส่วนแยกกัน มีความสัมพันธ์ แต่ไม่จำเป็นต้องเกิดขึ้นต่อเนื่องกัน การลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรนั้นสมควรทำเมื่อมองเห็นว่าเศรษฐกิจกลับเข้าสู่ภาวะปรกติและสามารถฟื้นตัวได้เอง ตลาดแรงงานเข้มแข็ง เศรษฐกิจพึ่งพากลไกด้วยตัวเองได้ และเงินเฟ้ออยู่ในระดับที่เหมาะสม

ในขณะที่การขึ้นดอกเบี้ยสมควรทำเมื่อเศรษฐกิจขยายตัวได้ร้อนแรง ตลาดแรงงานตึงตัว ก่อให้เกิดแรงกดดันเงินเฟ้อ ดั้งนั้นจะมีช่วงรอยต่อที่จะเป็นตัวกำหนดระยะเวลาและความเป็นไปได้ของการปรับดอกเบี้ยซึ่งจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจในช่วงนั้นๆ อาจจะใช้เวลาเป็นปีและอาจจะเกิดขึ้นได้ในหลายๆ กรณี เช่น หากเกิดการกลายพันธุ์ของไวรัสขึ้นมาอีก และส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลง การปรับขึ้นดอกเบี้ยก็อาจจะถูกเลื่อนออกไปได้ หรือในทางตรงกันข้ามหากเศรษฐกิจฟื้นตัวแล้วขยายตัวร้อนแรงกว่าคาด เงินเฟ้อมีแนวโน้มเร่งตัว ก็อาจทำให้การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นมาก

ในขณะที่ FED น่าจะทำการลดวงเงินอย่างค่อยเป็นค่อยไป เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบรุนแรงต่อตลาดการเงิน โดยคาว่าอาจจะใช้เวลาเป็นปีกว่าจะทยอยลดวงเงินการเข้าซื้อจนหมด และเป็นการสิ้นสุดนโยบาย QE 

ดังนั้น เราจะเห็นได้ว่า ณ ปัจจุบัน มันอาจจะยังเร็วเกินไปที่จะกังวลเกี่ยวกับการเพิ่มขึ้นของดอกเบี้ยอย่างมีนัยสำคัญจากระดับปัจจุบัน และหากดอกเบี้ยไม่ผันผวนเท่าที่คาด ผลกระทบต่อตลาดอื่นๆ ไม่ว่าจะเป็นตราสารทุน อัตราแลกเปลี่ยน หรือแม้แต่หุ้นกู้เอกชนก็จะน้อยลงตามไปด้วย

เราลองมาดูสิ่งที่เกิดขึ้นในรอบก่อนในช่วงปี 2013-2014 โดยหลังจาก FED ประกาศเรื่องของการลดเงินการเข้าซื้อพันธบัตร หลายๆ คนคาดว่าดอกเบี้ยน่าจะปรับตัวสูงขึ้น เรื่องสิ่งที่รออยู่หลังจากนั้นคือการขึ้นดอกเบี้ย แต่สิ่งทีเกิดขึ้นกลับตรงกันข้าม เนื่องจากนักลงทุนคาดว่าเศรษฐกิจน่าจะชะลอตัวลง และเงินเฟ้อลดลง ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลปรับตัวลดลง และเส้นผลตอบแทนพันธบัตรกลับแบนราบลง (Flattening) เป็นระยะเวลานานหลังจากนั้น แทนที่จะชันขึ้น (Steepening) ตามทฤษฏีและความน่าจะเป็น โดยในรอบนี้ผลกระทบอาจจะเหมือนหรือแตกต่างจากคราวที่แล้วในช่วงปี 2013-2014 ก็ได้

จากหลายๆ ปัจจัย ประการแรก คือ รอบนี้นักลงทุนผ่านประสบการณ์ในเรื่องของ QE Tapering มาแล้วแตกต่างจากในรอบก่อนที่นับได้ว่าเป็นครั้งแรกของการดำเนินโยบายการเงินแบบผ่อนคลายพิเศษในลักษณะนี้

ประการที่สอง สาเหตุของวิกฤติเศรษฐกิจที่ทำให้ FED ต้องทำนโยบายเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจก็แตกต่างกัน ส่งผลให้ความรวดเร็วของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่างๆ กัน โดยรอบนี้แม้จะเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวลงบ้าง แต่เศรษฐกิจก็ยังขยายตัวได้อย่างดี ความเชื่อมั่นของนักลงทุนดูเหมือนจะใช้เวลาไม่นานก็ฟื้นตัว ทำให้เรื่องของพื้นฐานดูจะแข็งแกร่งกว่า

นี่เป็นเพียงตัวอย่างที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งอาจจะซ้ำรอยหรือไม่ก็อาจจะยังบอกได้ยากจากสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน แต่สิ่งที่แน่ใจได้ในรอบนี้ คือความไม่แน่นอนน่าจะน้อยกว่ารอบที่แล้ว การทยอยลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรไม่ใช่เรื่องใหม่ และ FED ก็พยายามส่งสัญญาณมาอย่างต่อเนื่องเรื่องของจังหวะเวลาเพื่อไม่ให้นักลงทุนตกใจ โดยภาพใหญ่ของการลงทุนในปัจจุบันยังเป็นเรื่องของเศรษฐกิจขาขึ้น ทำให้ภาพใหญ่ของหุ้นเป็นขาขึ้นไปด้วย โดยแม้จะยังแตกต่างกันมากระหว่างกลุ่มประเทศพัฒนาแล้ว (DM) และกำลังพัฒนา (EM) ดังที่เราทราบกัน

ดังนั้นการลดน้ำหนักหุ้นในขาขึ้นแบบนี้อาจจะดูไม่สมเหตุสมผล และสิ่งที่สร้างความกังวลในปัจจุบันไม่ใช่เรื่องของ QE Tapering แต่เป็นเรื่องอื่นที่เรายังต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาด และแนวโน้มตัวเศรษฐกิจที่เริ่มอ่อนแรงลง ไม่ได้สร้างความตื่นเต้นและสร้างความมั่นใจกับภาวะเศรษฐกิจได้เท่ากับช่วงก่อนหน้า ซึ่งสองเรื่องนี้ดูแล้วน่าจะก่อให้เกิดความผันผวนได้มากกว่านโยบาย QE Tapering ด้วยซ้ำ ....

โดย ดนัย อรุณกิตติชัย
CFA, Wealth Advisory by CIMB THAI ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย

Source:  กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
TRADE RIDER

*

PoNgPk

  • 6,490
(Aug 24) อัฟกานิสถาน ความผิดพลาดทางประวัติศาสตร์ ที่สั่นคลอนความน่าเชื่อถือของประธานาธิบดีโจ ไบเดน : รัฐเอมิเรตตอลิบาน (The Taliban Emirate) ตั้งขึ้นมาในปี 1996 แต่เมื่อถึงปี 2001 กองกำลังสหรัฐฯ และกลุ่มต่อต้านอื่นๆ ในอัฟกานิสถาน ก็สามารถโค่นล้มอำนาจของกลุ่มตอลิบานลงได้อย่างง่ายดาย หลังจากนั้น ไม่มีใครคาดคิดว่าจะได้ยินคำว่าตอลิบานอีก แม้ในปี 2003 กลุ่มตอลิบานจะคืนชีพขึ้นมาต่อต้านรัฐบาลอัฟกานิสถาน แต่ก็ยากที่กลุ่มนี้จะสามารถท้าทายกำลังทหารของสหรัฐฯ และพันธมิตร

ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา (2001-2021) สหรัฐฯ ใช้เงินไปถึง 80 พันล้านดอลลาร์ ในการสร้างกองกำลังความมั่นคงของอัฟกานิสถาน ที่มีกำลังพลกว่า 300,000 คน แต่ในระยะเวลาอีกไม่กี่สัปดาห์ ที่กองกำลังสหรัฐฯ มีกำหนดจะถอนตัวออกจากอัฟกานิสถาน กองกำลังของตอลิบานที่มีกำลังทหารพียงแต่ 70,000 คน ก็เปิดยุทธการทางทหาร ยึดเมืองสำคัญๆ โดยแทบไม่มีการต่อต้านเลย และในวันอาทิตย์ที่ 15 สิงหาคม 2021 ก็สามารถเคลื่อนเข้ามายึดคาบูล เมืองหลวง

แผนการถอนตัวของสหรัฐฯ

เมื่อกลางเดือนเมษายน 2021 ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ประกาศว่า เนื่องจากสหรัฐฯ ได้บรรลุภารกิจที่จะไม่ให้อัฟกานิสถานเป็นที่หลบภัยของกลุ่มผู้ก่อการร้ายมานานแล้ว กำลังทหารสหรัฐฯ ทั้งหมดจะถอนตัวออกจากอัฟกานิสถานในวันที่ 11 กันยายน โจ ไบเดน ยังกล่าวว่า สงครามที่ดำเนินมานานเกือบ 20 ปี พิสูจน์แล้วว่า กำลังทหารสหรัฐฯ ไม่สามารภเปลี่ยนประเทศนี้ให้มีประชาธิปไตยที่ทันสมัยและมั่นคง

The Washington Post ฉบับวันที่ 20 สิงหาคม 2021 รายงานว่า หลังจากตัดสินใจที่จะยุติสงครามอัฟกานิสถานแล้ว โจ ไบเดน แจ้งอย่างชัดเจนแก่กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ว่า ความสำคัญอันดับแรกคือ ให้เกิดการเสียชีวิตน้อยที่สุดแก่สหรัฐฯ จุดนี้ทำให้การถอนตัวของสหรัฐฯ ออกจากอัฟกานิสถานต้องเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว

แผนการถอนตัวอย่างรวดเร็ว รวมถึงการปิดฐานทัพอากาศบากรัม (Bagram) อย่างเงียบๆ ในต้นเดือนกรกฎาคม เพื่อมาอาศัยสนามบินนานาชาติฮามิดคาไซของกรุงคาบูล เพราะสถานทูตสหรัฐฯ และพันธมิตรต้องอาศัยสนามบินคาบูล เนื่องจากฐานทัพอากาศบากรัมอยู่ห่างจากคาบูล 35 ไมล์

ฐานทัพอากาศบากรัมเป็นศูนย์กลางปฏิบัติการทางทหารของสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน ประกอบด้วย 2 ลานบิน โรงพยาบาลสนาม 50 เตียง และ "คุกลับ" ที่มีชื่อเสียง ทหารสหรัฐฯ หลายหมื่นคนเคยประจำการที่สนามบินแห่งนี้ เมื่อสหรัฐฯ ถอนตัวออกจากฐานทัพแห่งนี้ ได้ทิ้งอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ถึง 3.5 ล้านชิ้น ที่มีการจำแนกประเภทต่างๆ ไว้อย่างดี เช่น เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อาวุธขนาดเบา รถยนต์ และรถหุ้มเกาะหลายพันคัน อุปกรณ์เหล่านี้ สหรัฐฯต้องการจะทิ้งไว้ให้กับกองกำลังความมั่นคงของอัฟกานิสถาน หลังจากทหารสหรัฐฯ ถอนออกไปอย่างเงียบๆ จากฐานทัพบากรัน ก็เกิดการบุกเข้าไปปล้นสนามบิน

เปรียบเทียบการถอนตัวของโซเวียต

บทความของ New York Times เรื่องการเปรียบเทียบการถอนทหารโซเวียตและสหรัฐฯออกจากอัฟกานิสถาน กล่าวว่า สะพานข้ามแม่น้ำ Amu Darya ที่แบ่งระหว่างอัฟกานิสถานกับอุซเบกิสถาน กลายมาเป็นฉากการสู้รบในอัฟกานิสถานขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง เมื่อกลางเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา กองกำลังความมั่นคงของรัฐบาลอัฟกานิสถาน ถอยออกจากเมือง Mazar-i-Sharif และข้ามสะพานแห่งนี้ เพื่อไปลี้ภัยที่ฝั่งแม่น้ำตรงกันข้าม

เมื่อ 32 ปีที่แล้ว สะพานชื่อ Friendship Bridge แห่งนี้ เคยเป็นเส้นทางสุดท้าย ที่กองทัพของอดีตสหภาพโซเวียต ถอนตัวออกจากอัฟกานิสถาน ในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 1989 รถหุ้มเกราะที่ปักธงแดงได้แล่นข้ามสะพานแห่งนี้ เหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นสัญลักษณ์การถอนตัวของกองทัพมหาอำนาจอย่างโซเวียต หลังจากบุกเข้ามายึดครองอัฟกานิสถานและพ่ายแพ้ในที่สุด Alexander Cooley จากมหาวิทยาลัย Columbia กล่าวว่า สะพาน Friendship คือสัญลักษณ์ทางทหารในการแทรกแซง และถอนตัวของมหาอำนาจ

สหภาพโซเวียตมีบทบาทในการยึดครองในอัฟกานิสถานมากกว่าสหรัฐฯ แม้ระยะเวลาการยึดครองจะน้อยกว่า โซเวียตสร้างสะพานแห่งนี้เมื่อปี 1982 เพื่อทำให้ระบบส่งกำลังบำรุงคล่องตัว แก่กำลังทหารที่สู้รบอยู่ในอัฟกานิสถาน ชื่อเป็นทางการคือ "สะพานมิตรภาพ อุซเบกิสถาน-อัฟกานิสถาน" ส่วนน้ำในแม่น้ำ Amu Darya มาจากการละลายของธารน้ำแข็ง จากเทือกเขาฮินดูคุช (Hindu Kush) ฐานทัพอากาศบากรัมทางเหนือของคาบูล ก็สร้างโดยโซเวียต

การถอนทหารของโซเวียตออกจากอัฟกานิสถาน เป็นไปอย่างเป็นระเบียบ เมื่อรถหุ้มเกราะเคลื่อนมาถึงกลางสะพาน Friendship นายพล Boris Gromov ผู้บัญชาการทหารของโซเวียต ก้าวออกจากรถหุ้มเกราะ และเดินออกมารับช่อดอกไม้จากบุตรชายของเขา ท่ามกลางการจับตามองของบรรดาสื่อมวลชนทั่วโลก นายพล Gromov ประกาศว่า "ไม่มีทหารโซเวียตอยู่ข้างหลังข้าพเจ้าอีกแล้ว"

ผลกระทบต่อบทบาทสหรัฐฯ

บทความของ Washington Post อ้างคำพูดของนาย Josep Borrell หัวหน้าฝ่ายต่างประเทศของ EU ที่กล่าวต่อรัฐสภายุโรปว่า

"ตัวเองขอกล่าวอย่างชัดเจนตรงไปตรงมาว่า สิ่งนี้คือหายนะภัย"
นักการเมืองและผู้กำหนดนโยบายทั่วยุโรปแสดงความผิดหวัง ที่กลุ่มตอลิบานสามารถยึดครองอัฟกานิสถานได้ทันทีทันใด หลังจากที่สหรัฐฯ ถอนทหารออกไป

พันธมิตรองค์การนาโต้ในยุโรป ได้ลงทุนค่อนข้างมาก ทั้งกำลังคนและทรัพยากรในสงครามที่นำโดยสหรัฐฯ และในโครงการสร้างชาติของอัฟกานิสถาน แต่เวลานี้ คนยุโรปตกตะลึงที่ดอกผลจากการลงทุนของยุโรปสูญหายไปในระยะเวลาไม่กี่วัน

Norbert Rottgen ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ รัฐสภาเยอรมนี กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายในขั้นมูลฐาน ต่อความน่าเชื่อถือทางการเมืองและจริยธรรมของประเทศตะวันตก

บทความของ politico.eu กล่าวว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ประเทศในยุโรปเห็นว่า การถอนตัวจากอัฟกานิสถานถือเป็นความผิดพลาดในระดับประวัติศาสตร์ อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมัน แม้จะเลี่ยงวิจารณ์ตรงๆ กับไบเดน แต่ในการแสดงความเห็นเป็นการภายใน เธอมองว่าการถอนตัวอย่างรีบเร่งคือความผิดพลาด โดยกล่าวกับที่ประชุมเจ้าหน้าที่พรรค Christian Democratic Union (CDU) ว่า สำหรับคนที่เชื่อในประชาธิปไตยและเสรีภาพ โดยเฉพาะกับสตรี สิ่งนี้คือเหตุการณ์ที่น่าขมขื่น

แม้ยุโรปโดยทั่วไปจะผิดหวังต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอัฟกานิสถาน แต่ความผิดหวังแสดงออกมาอย่างมากในเยอรมัน สำหรับเยอรมันแล้ว การเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารในอัฟกานิสถาน ไม่ใช่เพียงแค่การช่วยเหลือประเทศพันธมิตร หรือการสร้างชาติของอัฟกานิสถาน แต่เยอรมันต้องการพิสูจน์ต่อโลกว่าบทบาทของเยอรมันเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อทหารเยอรมันเข้าไปอยู่ในอัฟกานิสถานแล้ว Peter Struck รัฐมนตรีกลาโหมบอกกับรัฐสภาเยอรมันว่า "ความมั่นคงของเยอรมัน ก็มาจากต่อสู้ป้องกันที่เกิดขึ้นที่เทือกขาฮินดูคุชเช่นกัน"

บทความของ politico.eu บอกอีกว่า เยอรมันลงทุนไปหลายพันล้านดอลลาร์ในอัฟกานิสถาน รับผู้อพยพหลายพันคนจากอัฟกานิสถาน ทหารเยอรมันประจำการอยู่ทางเหนือของอัฟกานิสถาน ที่ค่อนข้างสงบ แต่ทหารเยอรมันก็เสียชีวิตไปเกือบ 60 คน แต่การเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารในอัฟกานิสถาน ก็ยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ในเยอรมัน

Norbert Rottgen ประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศ รัฐสภาเยอรมนี กล่าวว่า สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความเสียหายในขั้นมูลฐาน ต่อความน่าเชื่อถือทางการเมืองและจริยธรรมของประเทศตะวันตก

บทความของ politico.eu กล่าวว่า บรรดาเจ้าหน้าที่ประเทศในยุโรปเห็นว่า การถอนตัวจากอัฟกานิสถานถือเป็นความผิดพลาดในระดับประวัติศาสตร์ อังเกลา แมร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมัน แม้จะเลี่ยงวิจารณ์ตรงๆ กับไบเดน แต่ในการแสดงความเห็นเป็นการภายใน เธอมองว่าการถอนตัวอย่างรีบเร่งคือความผิดพลาด โดยกล่าวกับที่ประชุมเจ้าหน้าที่พรรค Christian Democratic Union (CDU) ว่า สำหรับคนที่เชื่อในประชาธิปไตยและเสรีภาพ โดยเฉพาะกับสตรี สิ่งนี้คือเหตุการณ์ที่น่าขมขื่น

แม้ยุโรปโดยทั่วไปจะผิดหวังต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอัฟกานิสถาน แต่ความผิดหวังแสดงออกมาอย่างมากในเยอรมัน สำหรับเยอรมันแล้ว การเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารในอัฟกานิสถาน ไม่ใช่เพียงแค่การช่วยเหลือประเทศพันธมิตร หรือการสร้างชาติของอัฟกานิสถาน แต่เยอรมันต้องการพิสูจน์ต่อโลกว่าบทบาทของเยอรมันเปลี่ยนไปแล้ว เมื่อทหารเยอรมันเข้าไปอยู่ในอัฟกานิสถานแล้ว Peter Struck รัฐมนตรีกลาโหมบอกกับรัฐสภาเยอรมันว่า "ความมั่นคงของเยอรมัน ก็มาจากต่อสู้ป้องกันที่เกิดขึ้นที่เทือกขาฮินดูคุชเช่นกัน"

บทความของ politico.eu บอกอีกว่า เยอรมันลงทุนไปหลายพันล้านดอลลาร์ในอัฟกานิสถาน รับผู้อพยพหลายพันคนจากอัฟกานิสถาน ทหารเยอรมันประจำการอยู่ทางเหนือของอัฟกานิสถาน ที่ค่อนข้างสงบ แต่ทหารเยอรมันก็เสียชีวิตไปเกือบ 60 คน แต่การเข้าร่วมปฏิบัติการทางทหารในอัฟกานิสถาน ก็ยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันอยู่ในเยอรมัน

โดย ปรีดี บุญซื่อ

Source: ThaiPubica
TRADE RIDER

 

XM Global Limited