อินดิเคเตอร์ Envelopes เป็นส่วนหนึ่งของอินดิเคเตอร์พื้นฐานที่มากับโปรแกรมเทรด Metrader 4 โดยหลักโปรแกรมเทรดนี้จะแบ่งอินดิเคเตอร์ออกเป็น 4 ประเภทพื้นฐาน คือ Trend, Oscillators, Bill Williams และ Volumes และยังมีส่วนที่ไม่ได้นับรวมประเภทเป็น Custom ส่วนของ Envelopes อยู่ในส่วนของ Trend เป็นอินดิเคเตอร์ช่วยให้ข้อมูลเรื่องของเทรน

หลักการทำงานของ Envelopes ง่ายต่อการตีความ เพราะว่า Envelopes เป็นส่วนขยายของอินดิเคเตอร์ Moving Average (MA) ที่ใช้ในเรื่องของเทรน การตีความหมายของ Envelopes ก็จะแบบเดียวกันกับการตีความของ MA แต่ Envelopes ได้สร้างกรอบหรือ Band เหนือกว่าและต่ำกว่าเส้นระดับ MA ด้วยการใช้ค่า Deviation ประมวลผลประกอบเข้าไปเพื่อสร้างกรอบหรือ Bands ที่ห่างขึ้นไปจาก MA หรือห่างลงมาจากเส้น MA รูปแบบการนำเสนอคล้ายๆ Bollinger Bands ที่มี Upper Band และ Lower Band


เปรียบเทียนกัน 3 ชาร์ตด้านบน รูปเลข 1 เป็นชาร์ตที่ใช้ Envelopes ด้วยค่ากำหนด Default รูป 2 ชาร์ตตรงกลางเป็นการใช้ Envelopes และ Moving Average ที่กำหนดเป็นเส้นสีเหลือง ดูค่า settings ระหว่าง Envelopes และ Moving Average ตัวแปรที่เพิ่มเข้ามาใน Envelopes อยู่ตรงส่วนที่ Deviation ค่าผันผวนตัวนี้ใช้สำหรับ Envelopes เพื่อสร้างเส้น Upper Enveloper (มาจาก SMA14 + (SMA14xDeviation) หรือระยะห่างด้านบนจากเส้น MA และสร้างเส้น Lower Envelope (มาจาก SMA14 - (SMA14xDeviation) ห่างด้านล่างจากเส้น MA ถ้าเราใส่เส้น MA ตามภาพที่ 2 เข้าไป ก็จะเห็นพื้นที่ห่างขึ้น และห่างลงจากเส้น MA หลักที่ใช้ในการคำนวณค่า เราก็จะได้ภาพแบบ Ballinger Bands ที่อยู่ในชาร์ตที่ 3  ยิ่งถ้ามีการกำหนด ค่า Deviation มากขึ้น ระยะห่าง Upper Envelope และ Lower Envelope ก็จะมากขึ้น
   ดังนั้นกรอบ Upper Enveloper และ Lower Enveloper จะมากหรือน้อยขึ้นกับค่า Deviation กำหนดเข้าไป ส่วนการกำหนดค่าอื่นๆ แบบเดียวกันกับ Moving Average เช่น Period หมายถึง จำนวนแท่งเทียนที่จะนำมาหาค่าเฉลี่ยสำหรับกำหนดเทรน MA method เป็นต้น

การใช้งาน Envelopes


การที่จะตีความว่าแต่ละอินดิเคเตอร์ใช้อย่างไรเพื่ออะไร [ภาพประกอบได้ใส่ Moving Average เส้นสีเหลืองเข้าไปด้วยเพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ] ต้องเข้าใจที่มาก่อนว่าหาค่าอย่างไร พูดแบบง่ายสุดหลักการทำงานของ Envelopes แบบเดียวกันกับ Moving Average แค่ใส่ Deviation เข้าไปเพื่อสร้างกรอบ หรือบอกว่าเป็นเส้นขอบบนและล่างห่างจากเส้น MA หลักเท่านั้นเอง ดังนั้นการตีความการใช้งาน Envelopes จะเป็นแบบเดียวกันกับการใช้งานของ Moving Average ในการกำหนดเทรน คือความลาดชันของ 2 เส้นก็จะช่วยในการกำหนดทิศทางการเคลื่อนราคาหรือกำหนดเทรน แบบเส้น MA หรือมองเป็นกรอบเทรนก็ว่าได้ ถ้าเส้น Envelopes เอียงขึ้นก็จะบอกขาขึ้น แต่ถ้าเอียงลงมาก็จะบอกแนวโน้มขาลง [ดูองศาการเอียงประกอบด้วย ยิ่งมาก การเคลื่อนไปทางนั้นๆ ยิ่งแรง] และถ้าเส้น Envelopes วิ่งออกไปทางแนวนอน บอกถึงราคาไม่ทำเทรน

ส่วนการตีความแบบ Bollinger Bands คือเส้น Upper/Lower Envelopes ก็จะกำหนดพื้นที่บอกว่า มีการชื้อหรือขายมากไปหรือเปล่า (Overbought/Oversold) มองว่าเป็นกรอบราคาก็ได้ หลักการเบื้องต้นคือ หาโอกาส Sell เมื่อราคามามาถึงพื้นที่ Upper Envelope และหาโอกาส Buy เมื่อราคามาถึงพื้นที่ Lower Envelope หลักการตีความตรงนี้เลยคล้ายๆ กับการตีความของ Bollinger Bands ในการเทรด

ตามภาพประกอบ จะเห็นว่ากรอบสี่เหลี่ยมที่บอกเลข 1 และ 2 จะเห็นความต่างของ Envelopes พื้นที่เลข 1 เส้น Upper Envelope และ Lower Envelope ส่วนมากจะออกเป็นแนวนอน ไม่ได้ลาดชันขึ้นหรือลง จะเห็นว่า เป็นตัวกรองว่าตลาด consolidation หรือ sideway ส่วนกรอบสี่เหลี่ยมเลข 2 ดูการลาดชันของเส้น Envelope ทั้งขึ้นไปทางขึ้นอย่างแรง บอกถึงราคากำลังทำเทรน

กลยุทธการเทรดด้วยการใช้ Envelopes


เนื่องจากหลักสำคัญของ Envelopes คือ Moving Average ดังนั้นการจะกำหนดกลยุทธ์การเทรดก็จะเกี่ยวกับการเทรดอิง Moving Average เป็นหลักคือ MA ก็จะเป็นตัวยืนยันเทรนที่เกิดขึ้น (trend confirmation) ก็จะเป็นทูลในการเทรดตามเทรนด้วย (trend following) และก็เป็นอินดิเคเตอร์ที่ให้ข้อมูลประเภทล้าหลังด้วย (lagging indicator) เมื่อเทียบกับการอ่านราคาที่กำลังบอกสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะ MA หาค่าเฉลี่ยในการกำหนดเทรนจากจำนวนแท่งเทียนที่จบไปแล้ว

ที่เลข 1 ทั้งสองจุดบอกถึงการใช้ Envelopes ช่วยในกลยุทธ์การเทรดแบบ Trend confirmation จะเห็นว่าที่เลข 1 ทางด้ายซ้ายมือ ราคาได้ลงมาต่ำกว่าเส้น Lower Envelope บอกถึงการพัฒนาการของเทรนขาลงกำลังเกิดขึ้นต่อเนื่อง ส่วนทางด้านขวา ราคาอยู่เหนือกว่าเส้นสีน้ำเงินบอกถึงการทำเทรนขาขึ้นกำลังเกิดขึ้น นี่เป็นการยืนยันเทรนที่เกิดขึ้น กลยุทธ์ส่วนมากก็จะเป็นการเปิดเทรดตอนราคากลับมาเส้น Lower Envelope เกิดขึ้นเห็น Price Action บอก Rejection ก็เปิดเทรดตามเทรน

ที่เลข 2 ทั้ง 4 จุด เป็นหลักการใช้ Envelopes ในการเทรดแบบ Trend Following หรือเทรดตามเทรน ด้วยการเทรดแบบ Pullback เป็นการเปิดเทรดหลังจากที่ราคาได้ทำเทรนอย่างชัดเจน ด้วยการดูการลาดชันของเส้น Envelopes อย่างชัดเจน และมีการย่อตัวลงมาทำ Corrective move แล้ว ยืนยันด้วย Price Action เด้งกลับไปทางเทรนที่ทำมาก็จะเปิดโอกาสให้เทรดตามเทรน การเทรดแบบ Trend following อย่างแรกเลยต้องดูการพัฒนาการของเทรนว่าชัดเจนหรือเปล่า ตัว เส้น Envelopes ที่มีเส้นมีการลาดชันเอียงขึ้นหรือลงอย่างชัดเจนเป็นตัวยืนยันเทรนอย่างดี ถ้ายิ่งเราดูเรื่องของ Engulfing ที่เกิดจากราคาได้ทำ New High/New Low ประกอบ ยิ่งเห็นชัดเจน มักจะตามมาด้วย การทดสอบ เมื่อจบก็จะเปิดโอกาสให้เทรดตามเทรนได้อย่างง่ายและมีความเป็นไปได้สูง ดูแต่ละจุดที่มีเลข 2 บอกไว้

แต่ต้องไม่ลืมว่าเนื่องจากการทำงานเป็นการอ่านค่าจากราคาที่เกิดขึ้นจากช่วงแท่งเทียนที่เกิดขึ้นแล้ว ข้อมูลที่ได้จากอินดิเคเตอร์เลยถือว่าล้าหลังกว่าเมื่อเทียบกับข้อมูลที่ราคาบอกอย่างเดียว ให้เน้นการใช้งานว่าเป็นตัวบอกหรือยืนยันเทรน หรือการเคลื่อนที่เกิดขึ้นเป็นหลัก เช่นอย่างเรื่องของ Trend confirmation เราจะเห็นว่าราคาได้ขึ้นไปก่อน ค่อยจะเห็นว่า Envelopes ลาดชันไปทางนั้น ถ้าขึ้นแรง องศาของเส้นก็จะมากเป็นต้น เมื่อเกิดการยืนยันแบบนี้ ค่อยหาโอกาสเทรดตาม อย่างที่ยกตัวอย่างประกอบมา