กองทุน SPDR Gold Shares

ประจำวันที่

เวลา ครั้งที่ ก่อนหน้า ถือล่าสุด เปลี่ยนแปลง
- - - - -
รวมวันนี้-
เดือนนี้ - : 
ปีนี้  : 
*หน่วยตัน
*อ้างอิงจาก SPDR Gold Share

ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ

ประจำวันที่ ครั้งที่ เวลา น.

ชนิดทองคำ รับซื้อ ขายออก
ทองคำแท่ง 96.5% - -
ทองรูปพรรณ 96.5% - -
รวมวันนี้-
เปลี่ยนแปลงล่าสุด-
*หน่วยเงินบาท
*ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ

🎯 ⭐วิเคราะห์ EUR/USD ศุกร์ 25 มิถุนายน 2564 ได้เวลาระเบิด บึ้มเป็น>>โกโก้ครั้นซ์⭐⭐

  • 19 replies
  • 5,977 views
*

PoNgPk

  • 6,490
(Jun 25) ทำไมธนาคารกลางสหรัฐยุคพาวเวล...ถึงน่าจะเอาอยู่? ธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดในยุคของ เจย์ พาวเวล น่าจะทำหน้าที่ในจังหวะการถอนการกระตุ้นนโยบายการเงิน ได้ดีกว่าในยุคของอดีตประธานเฟดที่ผ่านๆ มา
           
หลังการประชุมธนาคารกลางสหรัฐหรือเฟดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นที่ทราบกันดีแล้วว่า เฟดเองเตรียมจะลดปริมาณการซื้อตราสารทางการเงินจากธนาคารพาณิชย์ รวมถึงคณะกรรมการนโยบายการเงินของเฟดบางท่าน เริ่มจะคาดการณ์ว่าจะมีการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2023 ถึง 2-3 ครั้ง
               
ในมุมของผู้เขียน มองว่าเฟดในยุคของเจย์ พาวเวล น่าจะทำหน้าที่ในจังหวะการถอนการกระตุ้นนโยบายการเงินได้ดีกว่าในยุคของทั้งเบน เบอร์นันเก้ และ เจเน็ต เยลเลน อดีตประธานเฟด หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งว่าเฟดในยุคนี้ น่าจะได้เปรียบกว่าเฟดยุคในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ตรงจังหวะนี้ ด้วยเหตุผลดังต่อไปนี้

1.พาวเวลจบการศึกษาขั้นสูงสุดในสายกฎหมาย จึงน่าจะทำให้การสื่อสารตัวเนื้อหานโยบายการเงินต่อสาธารณชน (Monetary Policy Communication) จึงน่าจะทำได้ดีกว่านักเศรษฐศาสตร์สายตรง เนื่องจากพาวเวลดูจะสามารถเลือกใช้คำพูดที่สะท้อนวัตถุประสงค์ได้ดีกว่าในแง่ของการไม่ส่งผลเชิงลบในเชิงจิตวิทยามากนัก ยกตัวย่างเช่นวลี Talking about of talking about taper ในการประชุมที่ผ่านมา ซึ่งถือว่าเบามากที่จะบอกว่าเริ่มจะลด QE

ซึ่งโดยปกติแล้ว ประธานเฟดในอดีตที่โดยส่วนใหญ่เป็นนักเศรษฐศาสตร์ มักจะเก่งในการสร้างแบบจำลองทางเศรษฐศาสตร์และคำนวณตัวเลข ทว่าไม่ชำนาญในการเลือกคำพูดที่เหมาะสมในการสื่อความให้สาธารณชนได้เข้าในแบบที่ไม่มีผลกระทบข้างเคียงเชิงลบ อันนำมาซึ่งเหตุการณ์ที่ตลาดวิตกเกินเหตุทั้งในยุคของเบน เบอร์นันเก้ และ เจเน็ต เยลเลน   
   
2.เมื่อวาระประธานเฟดของพาวเวลกำลังจะหมดลงที่เดือน ก.พ.2022 และผู้นำสหรัฐ โจ ไบเดน ต้องเคาะว่าจะต่ออายุพาวเวลในช่วงต้นเดือน พ.ย.นี้หรือไม่ (โอกาสน่าจะมากกว่าร้อยละ 90  ที่พาวเวลจะเป็นประธานเฟดต่อในวาระที่สอง) จึงทำให้พาวเวลน่าจะส่งสัญญาณลดปริมาณการซื้อพันธบัตรจากธนาคารพาณิชย์หรือ QE ในช่วงเดียวหรือใกล้เคียงกับตอนที่หมดอายุวาระแรกของประธานเฟด นั่นคือเดือน พ.ย.นี้

ในการประชุมเฟดเมื่อกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา พาวเวลย้ำอีกครั้งว่าจะบอกก่อนล่วงหน้าว่าจะเริ่มประกาศลด   QE ในการประชุมครั้งต่อๆ ไป ซึ่งนั่นคือ โอกาสที่พาวเวลจะประกาศวันลด QE ในเดือน ธ.ค.มีอยู่สูงไม่ใช่น้อย

ตรงนี้ ส่งผลดีในแง่ของตลาดจะสามารถคาดการณ์นโยบายของพาวเวลว่าจะลด QE ได้ใกล้เคียงกับความจริงได้มากขึ้น รวมถึงเฟดซึ่งก็หมายถึงตัวของพาวเวลเอง จะได้เครดิตจากการประกาศชัยชนะหลังจบเทอมของประธานเฟดในวาระแรก ผ่านการลด QE เพื่อแสดงว่าเศรษฐกิจสหรัฐได้กลับมาจากที่ตกต่ำในช่วงโควิด จนแข็งแรงในระดับที่สามารถจะรองรับนโยบายการเงินที่ตึงตัวขึ้นมาได้แล้ว   

3.ด้วยความที่พาวเวลไม่ยึดติดกับแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ ของโมเดลเศรษฐกิจมหภาคมากจนเกินไป ทว่าเข้าใจในประโยชน์ของแบบจำลองนั้น จึงทำให้สามารถใช้ประโยชน์ทั้งจากเส้นความคาดหวังของอัตราเงินเฟ้อ กับอัตราเงินเฟ้อที่เกิดขึ้นจริง (Outcome Based) ในการกำหนดระดับอัตราดอกเบี้ยนโยบาย ซึ่งถือว่ามีความสมดุลระหว่างความทันเวลากับการมองไปข้างหน้าของอัตราเงินเฟ้อได้อย่างลงตัว     

4.พาวเวลได้เปรียบทั้งเบน เบอร์นันเก้ และ เจเน็ต เยลเลน อดีตประธานเฟด สำหรับการดำเนินนโยบายการเงินแบบตึงตัวขึ้นมา หลังเศรษฐกิจส่งสัญญาณอย่างชัดเจนในการที่เริ่มจะฟื้นตัวจากวิกฤติ เนื่องจากสามารถใช้บทเรียนจากความผิดพลาดในการประกาศลด QE ของเบอร์นันเก้ หรือที่เรียกกันว่า Taper Tantrum รวมถึงได้รับบทเรียนจากการที่เยลเลนได้ประกาศขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในครั้งแรกแบบที่โฉ่งฉ่างไปนิดนึง โดยที่ไม่ได้สื่อสารกับสาธารณชนให้ดีก่อน จนเกิดความวิตกกังวลของตลาดผ่านทั้งตลาดหุ้นและตลาดพันธบัตร

สำหรับในครั้งนี้ จะเห็นได้ว่าพาวเวลน่าจะสามารถใช้บทเรียนทั้งสอง ในการออกจาก มาตรการกระตุ้นทางการเงินได้ในทุกขั้นตอน เนื่องจากอดีตประธานเฟดรุ่นพี่ทั้งสองท่าน ได้ผ่านเหตุการณ์ความผิดพลาดดังกล่าวมาก่อน

ท้ายสุด ผมมองว่าจุดสำคัญที่จะวัดว่า พาวเวลจะสามารถทำหน้าที่ ประธานเฟดได้ดีจริงหรือไม่ คือการประเมินแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในช่วงต่อไป ได้ใกล้เคียงกับความเป็นจริง โดยที่ไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วหรือช้าเกินไป จนต้องกลับลำ ทิศทางนโยบายการเงิน เพื่อแก้ไขความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็น โจทย์ที่ไม่ง่ายสำหรับเศรษฐกิจสหรัฐ ที่มีความซับซ้อนกว่าในอดีตเป็นอย่างมาก

โดย ดร.บุญธรรม รจิตภิญโญเลิศ

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
TRADE RIDER

อย่าพึ่งกด ถ้ายังไม่หมดโอกาศ

*

admin

  • 84,261
"เอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะไปเอาชนะตลาด"

*

PoNgPk

  • 6,490
(Jun 26) BTCChina ปิดกิจการคริปโตทั้งหมด ขายหุ้นตลาดแลกเปลี่ยนนอกจีนทิ้ง : BTCChina บริษัทค้าเงินคริปโตแห่งแรกในจีน (เปิดตัวเมื่อปี 2011) ประกาศปิดกิจการที่เกี่ยวข้องกับเงินคริปโตทั้งหมเ และขายหุ้นใน ZG.com ตลาดซื้อขายเงินคริปโตในสิงคโปร์ไปยังนักลงทุนในดูไบ

ก่อนหน้านี้ BTCChina มีกิจการเกี่ยวกับเงินคริปโตทั้งตลาดซื้อขายแลกเปลี่ยน และบริการ mining pool แต่ทั้งสองกิจการถูกปราบปรามอย่างหนักในจีน ตัวกระดานซื้อขายนั้นทาง BTCChina ขายกิจการออกไปยังกลุ่มนักลงทุนในฮ่องกงภายใต้ชื่อ BTCC เมื่อปี 2018 และยังเปิดกิจการอยู่ทุกวันนี้ พร้อมกับระบุว่าเป็นตลาดแลกเปลี่ยนเงินคริปโตที่เปิดมานานที่สุดในโลก

Yang Linke ผู้ร่วมก่อตั้ง BTCChina ยืนยันว่าตนเองไม่มีหุ้นส่วนใน BTCC และ ZG.com อีกต่อไปแล้ว

Source: Blognone.com
TRADE RIDER

*

PoNgPk

  • 6,490
(Jun 27) อนามัยโลกเตือน เดลตาระบาด! ฉีดวัคซีนแล้วก็ต้องสวมหน้ากาก : องค์การอนามัยโลกเตือนให้ประชาชนที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้ว ยังคงสวมหน้ากาก เว้นระยะ และปฏิบัติตามมาตรการคุมโควิดต่อไป เนื่องจากสายพันธุ์เดลตากำลังกระจายไปทั่วโลก

น.ส.มารีแองเกเลา ซิมาโอ ผู้ช่วยผู้อำนวยการแผนกเข้าถึงยาและผลิตภัณฑ์สุขภาพ องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) แถลงเมื่อวันศุกร์ (25 มิ.ย.) ตามเวลาท้องถิ่นนครเจนีวา ว่า ประชาชนอย่าเพิ่งรู้สึกปลอดภัยหลังจากฉีดวัคซีนครบสองโดส ต้องป้องกันตัวเองต่อไป

"วัคซีนอย่างเดียวไม่สามารถหยุดการติดต่อในชุมชนได้ ประชาชนจำเป็นต้องสวมหน้ากากอย่างต่อเนื่อง อยู่ในที่อากาศถ่ายเท ดูแลมือให้สะอาด เว้นระยะ หลีกเลี่ยงคนแออัด สิ่งเหล่านี้ยังสำคัญมาก แม้คุณจะฉีดวัคซีนแล้วแต่ในชุมชนของคุณยังมีการติดเชื้อ"

คำเตือนดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่บางประเทศ เช่น สหรัฐ ส่วนใหญ่ยกเลิกการสวมหน้ากากและมาตรการควบคุมโควิดไปบ้างแล้ว เนื่องจากการฉีดวัคซีนป้องกันทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่และผู้เสียชีวิตลดลง

เจ้าหน้าที่ดับเบิลยูเอชโอรายนี้ ขอให้ผู้ที่ฉีดวัคซีนครบโดสแล้วยังคงดูแลตัวเองต่อไป เนื่องจากประชากรส่วนใหญ่ในโลกยังไม่ได้ฉีดวัคซีน และโควิดสายพันธุ์ติดต่อง่ายอย่างเดลตากำลังกระจายในหลายประเทศทำให้เกิดการระบาดขึ้นอีกครั้ง

หนังสือพิมพ์วอลล์สตรีทเจอร์นัลรายงานเมื่อวันศุกร์ตามเวลาสหรัฐว่า ผู้ใหญ่ครึ่งหนึ่งที่ติดสายพันธุ์เดลตาในอิสราเอล ฉีดวัคซีนไฟเซอร์-ไบออนเทคครบโดสแล้ว ทำให้รัฐบาลต้องบังคับสวมหน้ากากในอาคารอีกครั้งรวมถึงมาตรการอื่นๆ

"ใช่ คุณสามารถลดมาตรการบางอย่างได้ นานาประเทศล้วนมีข้อแนะนำแตกต่างกันไป แต่ยังไงก็ต้องระวังอยู่ดี ก็อย่างที่เราเห็น สายพันธุ์ใหม่ๆ กำลังเกิดขึ้น" นายบรูซ อายล์วาร์ด ที่ปรึกษาอาวุโส ผู้อำนวยการดับเบิลยูเอชโอกล่าว

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
TRADE RIDER

 

XM Global Limited