กองทุน SPDR Gold Shares

ประจำวันที่

เวลา ครั้งที่ ก่อนหน้า ถือล่าสุด เปลี่ยนแปลง
- - - - -
รวมวันนี้-
เดือนนี้ - : 
ปีนี้  : 
*หน่วยตัน
*อ้างอิงจาก SPDR Gold Share

ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ

ประจำวันที่ ครั้งที่ เวลา น.

ชนิดทองคำ รับซื้อ ขายออก
ทองคำแท่ง 96.5% - -
ทองรูปพรรณ 96.5% - -
รวมวันนี้-
เปลี่ยนแปลงล่าสุด-
*หน่วยเงินบาท
*ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ

✅✅ วิเคราะห์ EUR/USD พุธ 9 มิถุนายน 2564 H4 Bull Flag ไปเถอะจ๊ะอย่าท่ายากนักเลย⏰⏰

  • 38 replies
  • 8,202 views
สวัสดีครับเเอดถ้า EU ขึ้นมาเทรนขาขึ้นได้ ผมต้องบายตามเเอดเเล้วหล่ะครับ 5555  **hulk3** **spidey**

*

CASE Forex

  • 20,411
GBP/USD อาจขึ้น 21 - 36 จุด



จุดอ้างอิงทำกำไร (ระดับที่เป็นโมฆะ)

1.4140

จุดที่ต้องการ

สถานะซื้อสูงกว่า 1.4140 เป้าหมายต่อไปที่ 1.4185 และ 1.4200

ทางเลือกการลงทุน

ต่ำกว่า 1.4140 คาดหมายว่ามีแนวโน้มขาลงต่อเนื่องที่ 1.4120 และ 1.4100 เป็นเป้าหมาย

ความเห็นในเชิงเทคนิค

RSI สนับสนุนให้เกิดแนวโน้มสูงขึ้นต่อเนื่อง

แนวรับและแนวต้าน

1.4225

1.4200

1.4185

1.4164 สุดท้าย

1.4140

1.4120

1.4100
"ที่บอกว่าเทรดไม่ได้ ท่าเทรดที่เลือกเก็บสถิติถึง 1000 ครั้งหรือยัง?"

*

CASE Forex

  • 20,411
USD/CAD อาจขึ้น 26 - 46 จุด



จุดอ้างอิงทำกำไร (ระดับที่เป็นโมฆะ)

1.2080

จุดที่ต้องการ

สถานะซื้อสูงกว่า 1.2080 เป้าหมายต่อไปที่ 1.2135 และ 1.2155

ทางเลือกการลงทุน

ต่ำกว่า 1.2080 คาดหมายว่ามีแนวโน้มขาลงต่อเนื่องที่ 1.2065 และ 1.2050 เป็นเป้าหมาย

ความเห็นในเชิงเทคนิค

RSI เพิ่งแตะบริเวณเป็นกลางที่ 50% และกำลังปรับตัวดีขึ้น

แนวรับและแนวต้าน

1.2175

1.2155

1.2135

1.2109 สุดท้าย

1.2080

1.2065

1.2050
"ที่บอกว่าเทรดไม่ได้ ท่าเทรดที่เลือกเก็บสถิติถึง 1000 ครั้งหรือยัง?"

*

CASE Forex

  • 20,411
AUD/USD อาจร่วง 27 - 42 จุด



จุดอ้างอิงทำกำไร (ระดับที่เป็นโมฆะ)

0.7765

จุดที่ต้องการ

สถานะขายต่ำกว่า 0.7765 เป้าหมายต่อไปที่ 0.7710 และ 0.7695

ทางเลือกการลงทุน

สูงกว่า 0.7765 คาดหมายว่ามีแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องที่ 0.7780 และ 0.7795 เป็นเป้าหมาย

ความเห็นในเชิงเทคนิค

RSI ทำให้เกิดการลดลง

แนวรับและแนวต้าน

0.7795

0.7780

0.7765

0.7737 สุดท้าย

0.7710

0.7695

0.7680
"ที่บอกว่าเทรดไม่ได้ ท่าเทรดที่เลือกเก็บสถิติถึง 1000 ครั้งหรือยัง?"

*

CASE Forex

  • 20,411
USD/CHF อาจร่วง 17 - 32 จุด



จุดอ้างอิงทำกำไร (ระดับที่เป็นโมฆะ)

0.8980

จุดที่ต้องการ

สถานะขายต่ำกว่า 0.8980 เป้าหมายต่อไปที่ 0.8945 และ 0.8930

ทางเลือกการลงทุน

สูงกว่า 0.8980 คาดหมายว่ามีแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องที่ 0.8995 และ 0.9010 เป็นเป้าหมาย

ความเห็นในเชิงเทคนิค

RSI ทำให้เกิดแนวโน้มขาลงใหม่

แนวรับและแนวต้าน

0.9010

0.8995

0.8980

0.8962 สุดท้าย

0.8945

0.8930

0.8915
"ที่บอกว่าเทรดไม่ได้ ท่าเทรดที่เลือกเก็บสถิติถึง 1000 ครั้งหรือยัง?"

*

CASE Forex

  • 20,411
USD/JPY อาจร่วง 20 - 35 จุด



จุดอ้างอิงทำกำไร (ระดับที่เป็นโมฆะ)

109.60

จุดที่ต้องการ

สถานะขายต่ำกว่า 109.60 เป้าหมายต่อไปที่ 109.25 และ 109.10

ทางเลือกการลงทุน

สูงกว่า 109.60 คาดหมายว่ามีแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องที่ 109.75 และ 109.90 เป็นเป้าหมาย

ความเห็นในเชิงเทคนิค

หาก 109.60 ยังคงเป็นแนวต้าน คาดหมายว่าจะเกิดราคาที่แกว่งตัวแบบผันผวนที่มีมุมมองเชิงลบ

แนวรับและแนวต้าน

109.90

109.75

109.60

109.45 สุดท้าย

109.25

109.10

108.95
"ที่บอกว่าเทรดไม่ได้ ท่าเทรดที่เลือกเก็บสถิติถึง 1000 ครั้งหรือยัง?"

*

admin

  • 84,260
อ้างจาก: Kasidech Wongsansuk ที่ 09, มิถุนายน  2021, 10:41:45 AM
สวัสดีครับเเอดถ้า EU ขึ้นมาเทรนขาขึ้นได้ ผมต้องบายตามเเอดเเล้วหล่ะครับ 5555  **hulk3** **spidey**

ตามนั้น ครับ เส้นเทรนกำหนด
xc8* Hulk 1**
"เอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะไปเอาชนะตลาด"


กราฟคู่เงิน EU แนวโน้มหลักเป็นขาขึ้น แต่ช่วงนี้กราฟยังคงอยู่ในช่วงพักตัวของแนวโน้มขาขึ้นอยู่ แนวรับวันนี้มีแนวรับอยู่ที่่ราคา 1.2134 ซึ่งใกล้ๆกับแนว Fibo 23.6% พอดี ก็สามารถใช้แนวรับนี้เป็นจุดเข้า buy ได้หากกราฟลงมาทดสอบ เป้า TP ระยะสั้นที่เส้นเทรนด์ไลน์พักตัวสีน้ำเงิน ส่วนเป้าไกลที่ 1.2300 ครับ

 *PIg**หวัดดีจ้าน้อง EU วันพุธแล้วนะจ๊ะ ไม่ขึ้นไม่ลงซะทีนะน้อง  x*/2

*

admin

  • 84,260
อ้างจาก: KnockForex59 ที่ 09, มิถุนายน  2021, 01:35:36 PM
*PIg**หวัดดีจ้าน้อง EU วันพุธแล้วนะจ๊ะ ไม่ขึ้นไม่ลงซะทีนะน้อง  x*/2

รอข่าว แรง แบบนี้ น่าจะมาวันศุกร์
pig 1** pig 1** Pigig Pigig
"เอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะไปเอาชนะตลาด"

GU เขาไปแล้วนะ..รีบตามไปเลย เดี๋ยวไม่ทันเขานะจ๊ะ.. xc8* xc8*
อดทน ใจเย็น รอเป็น เห็นกำไร
" อยากให้พอร์ตใหญ่ ใจต้องนิ่ง.."

*

PoNgPk

  • 6,490
(Jun 9) ลงทุนอย่างไร เมื่อ Fed เริ่มส่งสัญญาณถอนสภาพคล่อง : ปิดบทวิเคราะห์จะลงทุนอย่างไร เมื่อธนาคารกลางสหรัฐ เริ่มส่งสัญญาณถอนสภาพคล่อง เพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป จากที่ก่อนหน้านี้ Fed พยายามสื่อสารว่าจะยังคงนโยบายผ่อนคลายอย่างต่อเนื่อง

ถึงแม้ว่าธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) จะออกมาสื่อสารอย่างสม่ำเสมอ ว่าจะยังคงนโยบายผ่อนคลายต่อเนื่อง ทั้งการเข้าซื้อสินทรัพย์ และคงดอกเบี้ยที่ระดับปัจจุบัน (0.00-0.25%) จนกว่าจะบรรลุเป้าหมายทั้งด้านการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ทั่วถึง การจ้างงานที่กลับมาเท่าช่วงก่อนวิกฤติและเงินเฟ้อกลับมาที่ระดับ 2% ได้อย่างยั่งยืน แม้กระนั้น..ณ เวลานี้เริ่มเห็นนักเศรษฐศาสตร์บางสำนักได้ออกมาคาดการณ์ว่า Fed จะเริ่มถอนสภาพคล่องในปีนี้!

ด้วยตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐที่ฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว วัดจากดัชนีชี้นำอย่างตัวเลข Composite PMI เดือน พ.ค.ปรับเพิ่มขึ้นทำจุดสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 68.1 จุด สะท้อนการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งทั้งในภาคการผลิตและภาคบริการ นอกจากนั้นการจ้างงานก็เริ่มทยอยฟื้นตัวดีขึ้น โดยล่าสุดจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานปรับลดลงทำจุดต่ำสุดตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ประกอบเงินเฟ้อที่เริ่มทยอยปรับเพิ่มขึ้นจากผลของทั้งฐานต่ำ การขาดแคลนวัตถุดิบ และกำลังซื้อที่เริ่มกลับมา ทำให้นักเศรษฐศาสตร์พร้อมใจกันปรับเพิ่มประมาณการ GDP ของปี 2021 จากที่คาดว่าเติบโต 4% เป็นราว 6.5% เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวได้ดีพร้อมกับเงินเฟ้อที่เร่งขึ้นเช่นนี้ ทำให้เริ่มเห็นสัญญาณที่ Fed จะเริ่มถอนสภาพคล่อง เช่น

1. บันทึกการประชุม Fed ในเดือน เม.ย. ระบุว่าคณะกรรมการจะเริ่มหารือเรื่องการปรับลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ในการประชุมครั้งถัดๆ ไป

2. Fed เริ่มถอนสภาพคล่องออกจากตลาดการเงินผ่านการทำ Reverse Repo หรือการขายพันธบัตรรัฐบาลเพื่อดึงเงินออกจากระบบ รวมมูลค่า 4.85 แสนล้านดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับที่สูงสุดในประวัติการณ์

3. Fed ปรับเพิ่มเพดานของวงเงินที่สถาบันการเงินสามารถฝากไว้ที่ธนาคารกลาง จาก 3 หมื่นล้านดอลลาร์ เป็น 8 หมื่นล้านดอลลาร์

หากมาดูในประเทศอื่นที่มีการเร่งฉีดวัคซีนอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้ดีไม่แพ้กัน ทำให้ธนาคารกลางบางแห่งเริ่มส่งสัญญาณถอนสภาพคล่องเพื่อป้องกันไม่ให้เศรษฐกิจร้อนแรงเกินไป เช่น ธนาคารกลางแคนาดา ถือเป็นประเทศแรกที่ได้ประกาศลดการเข้าซื้อสินทรัพย์ลง 1 ใน 4 ในช่วงปลายเดือน เม.ย. พร้อมส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วๆ นี้ ตามมาติดๆ ด้วยธนาคารกลางอังกฤษที่ประกาศในการประชุมเดือน พ.ค. ว่าจะลดปริมาณการเข้าซื้อสินทรัพย์ลงจาก 4.4 พันล้านปอนด์ต่อสัปดาห์เป็น 3.4 พันล้านปอนด์

ย้อนกลับไปในปี 2013 ที่ Fed เริ่มส่งสัญญาณลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ หรือที่เรียกว่า QE Tapering นั้นส่งผลให้ตลาดหุ้นผันผวนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ ดัชนี MSCI Emerging Markets ปรับลดลง -14.6% และจะเห็นได้ว่าประเทศที่ฐานะการเงินอ่อนแอจะปรับลดลงมากที่สุดอย่างกลุ่มละตินอเมริกา -18.9% ส่วนประเทศที่พื้นฐานแข็งแกร่งจะปรับลดลงน้อยกว่า เช่น หุ้นไทย (SET Index) -12.9% หุ้นจีน (CSI 300) -11.6% และหุ้นเกาหลีใต้ (KOSPI) -9.0% แต่ตลาดหุ้นสหรัฐนั้นแทบไม่ปรับลดลงเลย (S&P500) -0.6% (ข้อมูลวันที่ 2 พฤษภาคม ถึง 25 มิถุนายน 2013) เนื่องจากยังมีหุ้นกลุ่ม Financials ที่ปรับเพิ่มขึ้นหนุนตลาด ได้อานิสงส์จากบอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10 ปี ที่ปรับเพิ่มขึ้นกว่า 100 bps หรือ 1% ในช่วงนั้น

หากพิจารณาถึงการเคลื่อนไหวของตลาดในรอบนี้พบว่าตลาดได้รับรู้ถึงการปรับลดวงเงินซื้อสินทรัพย์ไปแล้วพอสมควร โดยตั้งแต่ต้นปีบอนด์ยิลด์สหรัฐอายุ 10 ปี ได้ปรับเพิ่มขึ้นมาแล้วราว 70 bps และด้านตลาดหุ้น Emerging markets นั้นพบว่าค่อนข้าง Underperform ตลาดหุ้นสหรัฐโดย MSCI Emerging markets +6% ส่วนดัชนี S&P500 ปรับเพิ่มขึ้นถึง +12% ตั้งแต่ต้นปี (ข้อมูล ณ 31 พฤษภาคม) ดังนั้นถ้าหากว่า Fed ส่งสัญญาณการลดวงเงินซื้อสินทรัพย์จริงๆ ในการประชุมครั้งถัดๆ ไป เราประเมินว่าตลาดการเงินจะไม่เคลื่อนไหวผันผวนดังเช่นในปี 2013 เนื่องจากตลาดรับรู้ข่าวมาพอควรแล้ว

ในแง่ของกลยุทธ์การลงทุนที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงนี้ คือ
1.ลดสัดส่วนการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล เนื่องจากบอนด์ยิลด์มีทิศทางเป็นขาขึ้นส่งผลลบต่อราคา และผลตอบแทนค่อนข้างน้อยไม่สามารถชดเชยราคาที่ปรับลดลงได้

2.เพิ่มเงินลงทุนในหุ้นกลุ่มการเงิน ที่ได้รับประโยชน์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว และบอนด์ยิลด์เป็นขาขึ้น

3.กระจายการลงทุนใน Hedge Fund ที่มีกลยุทธ์การขายชอร์ตดัชนีเพื่อลดความเสี่ยงของพอร์ตโดยรวม และหัวใจสำคัญที่สุดก็คือ การกระจายความเสี่ยงทั้งในแง่ของสินทรัพย์ลงทุนและช่วงเวลาที่เข้าลงทุน

โดย ศิริพร สุวรรณการ
คอลัมน์ ส่องโลกสู่ขุมทรัพย์การลงทุน

Source: กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
TRADE RIDER

ดูเหมือนการบีบตัว 3 เหลี่ยม ใกล้จะสิ้นสุดเเล้วนะครับจะได้ลอนซักที xc8* **hulk3**

 **hulk3** **hulk3** บินได้แล้ว Eu

*

PoNgPk

  • 6,490
(Jun 9) นักวิเคราะห์มองขาลงบิตคอยน์เที่ยวนี้แตะโซน 2 หมื่นดอลลาร์ : สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า นักวิเคราะห์จากบริษัทด้านการเงินของสหรัฐ อาทิ Oanda Corp.,  Evercore ISI  และ Tallbacken Capital Advisors LLC. แสดงความเห็นว่า สกุลเงินบิตคอยน์เผชิญกับภาวะที่ย่ำแย่อีกในสัปดาห์นี้ หลังจากที่ถูกเทขายออกมาอย่างหนักเมื่อคืนวานนี้ (8 มิ.ย.)
         
นักวิเคราะห์จาก 3 บริษัทดังกล่าวคาดการณ์ว่า หากบิตคอยน์ยังคงร่วงลงต่อไป ก็จะมีเป้าหมายราคาขาลงรออยู่ในเขต 20,000 ดอลลาร์
โดยในช่วงเช้านี้ที่ตลาดฮ่องกง บิตคอยน์ร่วงลงราว 2% สู่ระดับ 33,000 ดอลลาร์ และได้ปรับตัวลงราว 10% แล้วในเดือนมิ.ย.
         
"บิตคอยน์ซึ่งเป็นเงินคริปโตเคอเรนซีใหญ่ที่สุดนั้นกำลังร่วงลงเข้าใกล้ระดับ 30,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางความวิตกด้านกฎระเบียบที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ และการร่วงลงฝ่าระดับ 30,000 ดอลลาร์ลงไปนั้น อาจทำให้เกิดแรงขายตามมาอย่างรุนแรง" เอ็ดเวิร์ด โมยา นักวิเคราะห์ตลาดอาวุโสของ Oanda Corp กล่าว
         
ทั้งนี้ บิตคอยน์ร่วงลงราว 32,000 ดอลลาร์แล้วจากสถิติสูงสุดในเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยถูกกดดันหลังจากที่นายอีลอน มัสก์ มหาเศรษฐีชาวสหรัฐแสดงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากการที่ต้องใช้พลังงานเชื้อเพลิงฟอสซิลอย่างมากในการขุดเหรียญบิตคอยน์ รวมถึงการปราบปรามด้านกฎระเบียบเกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัลครั้งใหม่ในประเทศจีน
         
เมื่อคืนวานนี้ บิตคอยน์ดิ่งลงกว่า 10% หลังมีข่าวว่าสหรัฐสามารถยึดคืนบิตคอยน์ที่บริษัทโคโลเนียล ไปป์ไลน์จ่ายเป็นค่าไถ่ให้กับกลุ่มแฮกเกอร์ได้ โดยข่าวดังกล่าวสะเทือนความเชื่อมั่นในตลาดสกุลเงินคริปโต ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกมองกันว่าเป็นสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัย และยากต่อการตรวจสอบ ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของวงการแฮกเกอร์ เนื่องจากเชื่อมั่นว่าเจ้าหน้าที่จะไม่สามารถแกะรอยและยึดเงินคืนได้

โดย กัลยาณี ชีวะพานิช

Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช
TRADE RIDER

 

XM Global Limited