(May 19) จีนสั่งสถาบันการเงินห้ามให้บริการซื้อขายเงินคริปโต หวั่นกระทบเสถียรภาพเศรษฐกิจ : รัฐบาลจีนประกาศห้ามไม่ให้สถาบันการเงินและบริษัทด้านการชำระเงินให้บริการใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมสกุลเงินคริปโต และเตือนไม่ให้นักลงทุนทำการซื้อขายสกุลเงินคริปโตเพื่อเก็งกำไร ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวของจีนถือเป็นความพยายามล่าสุดที่จะสกัดความร้อนแรงในตลาดซื้อขายสกุลเงินดิจิทัล
สมาคมการเงินอินเทอร์เน็ตแห่งชาติของจีน, สมาคมการธนาคารของจีน และสมาคมการชำระหนี้ของจีนได้ออกแถลงการณ์ร่วมกันโดยระบุว่า ภายใต้คำสั่งห้ามดังกล่าวนี้ สถาบันการเงิน ซึ่งรวมถึงธนาคารและช่องทางต่างๆที่รับชำระเงินทางออนไลน์ จะไม่สามารถให้บริการใดๆ เกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตแก่ลูกค้าได้ เช่น การจดทะเบียน, การซื้อขาย และการชำระบัญชี
แถลงการณ์ยังระบุด้วยว่า สถาบันการเงินจะไม่สามารถให้บริการด้านการฝากเงิน, บริการด้านทรัสต์, การบริการสกุลเงินคริปโต อีกทั้งไม่สามารถออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินคริปโต
"เมื่อไม่นานมานี้ ราคาสกุลเงินคริปโตพุ่งขึ้นอย่างร้อนแรงและทรุดตัวลงอย่างหนัก และการซื้อขายเก็งกำไรสกุลเงินคริปโตก็กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง สิ่งเหล่านี้ทำให้เรากังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของทรัพย์สินของประชาชน และจะส่งผลกระทบต่อความเป็นระเบียบในระบบเศรษฐกิจและการเงิน" แถลงการณ์ระบุ
นอกจากนี้ แถลงการณ์ยังระบุถึงความเสี่ยงของการซื้อขายสกุลเงินคริปโต โดยกล่าวว่า คริปโตเป็นสกุลเงินที่ถูกปั่นได้ง่าย และกฎหมายของจีนไม่คุ้มครองสัญญาการซื้อขายสกุลเงินคริปโต
ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่จีนมีคำสั่งห้ามการซื้อขายสกุลเงินคริปโต โดยในปี 2560 รัฐบาลจีนได้ประกาศปิดตลาดการซื้อขายสกุลเงินคริปโตในประเทศเพื่อสกัดความร้อนแรงในตลาดเก็งกำไรสกุลเงินคริปโตซึ่งมีสัดส่วนสูงถึง 90% ของการซื้อขายเงินบิตคอยน์ทั่วโลก
ทั้งนี้ ราคาเงินคริปโตผันผวนอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมา หลังจากนายอีลอน มัสก์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเทสลาได้ออกมาแสดงความเห็นเกี่ยวกับสกุลเงินคริปโตแบบรายวัน โดยเมื่อวันศุกร์ที่แล้ว ราคา Dogecoin ทะยานขึ้นถึง 20% หลังจากนายมัสก์เปิดเผยว่า เขาได้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องกับการปรับปรุงระบบเพื่อให้การทำธุรกรรมด้วยสกุลเงิน Dogecoin มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ส่วนเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา นายมัสก์ส่งสัญญาณผ่านการโพสต์บนทวิตเตอร์ว่า บริษัทเทสลาอาจเทขายบิตคอยน์ทั้งหมดที่ถืออยู่ ซึ่งส่งผลให้ราคาบิตคอยน์ร่วงลงหลุดจากระดับ 45,000 ดอลลาร์เป็นครั้งแรกในรอบเกือบ 3 เดือน
Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย รัตนา พงศ์ทวิช/กัลยาณี
**********
ตลาดคริปโตฯ ร่วงต่อ! ราคาเหรียญ Bitcoin รูดแตะระดับ 4 หมื่นดอลลาร์ หลัง 3 สมาคมด้านการเงินจีนสั่งห้ามนำมาใช้ทำธุรกรรมใดๆ
ตลาดคริปโตเคอร์เรนซีเช้าวันนี้ (19 พฤษภาคม) เริ่มมีแรงเทขายออกมาอีกระลอก หลังมีข่าวว่า 3 สมาคมด้านการเงินของจีนออกแถลงการณ์ร่วมเมื่อวานนี้ สั่งให้บรรดาสถาบันการเงินและแพลตฟอร์มการชำระเงินทั้งหลายในจีนห้ามดำเนินธุรกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซี
โดยราคาบิตคอยน์เช้าวันนี้ปรับลดลงแตะระดับ 40,000 ดอลลาร์ มาเคลื่อนไหวที่ระดับ 40,200 ดอลลาร์ ลดลงจากวันก่อนหน้า 10.6%, ราคาเหรียญ Ethereum ปรับลดลงมาอยู่ที่ระดับ 3,087 ดอลลาร์ หรือลดลงมาราว 9.35%, ราคาเหรียญ XRP เคลื่อนไหวอยู่ที่ 1.47 ดอลลาร์ ลดลง 3.58% และราคาเหรียญ Dogecoin ร่วงลงมาอยู่ที่ระดับ 0.426 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นการลดลง 13.3%
เว็บไซต์ Global Times รายงานว่า 3 สมาคมด้านอุตสาหกรรมการเงินของจีน ประกอบด้วย สมาคมการเงินอินเทอร์เน็ตแห่งชาติจีน (National Internet Finance Association of China), สมาคมธนาคารจีน (China Banking Association) และสมาคมด้านการชำระเงินและหักบัญชีจีน (Payment and Clearing Association of China) ออกแถลงการณ์ร่วม สั่งบรรดาสถาบันการเงินและแพลตฟอร์มการชำระเงินทั้งหลายในจีนห้ามดำเนินธุรกรรมใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัลหรือคริปโตเคอร์เรนซีโดยเด็ดขาด
พร้อมกันนี้ ทั้งสามสมาคมยังได้ออกคำเตือนถึงนักลงทุนเกี่ยวกับความเสี่ยงที่มาจากการเก็งกำไรสินทรัพย์ดิจิทัล ซึ่งไม่สามารถใช้จ่ายในฐานะสกุลเงินปกติทั่วไปได้ในปัจจุบัน
รายงานระบุว่า ราคาของคริปโตเคอร์เรนซี เช่น Bitcoin และ Dogecoin นับเป็นสินทรัพย์ที่มีความผันผวนสูงมากและมีความอ่อนไหวมากด้วยเช่นกัน เพียงแค่ข่าว Tesla ระงับการชำระเงินด้วย Bitcoin ก็ทำให้ราคาของ Bitcoin ร่วงลงหลุดกรอบ 45,000 ดอลลาร์สหรัฐแล้ว
ขณะเดียวกันแถลงการณ์ร่วมดังกล่าวระบุชัดเจนว่า คริปโตเคอร์เรนซีเป็นภาคอุตสาหกรรมที่มีความเสี่ยง เป็นอันตรายต่อเศรษฐกิจและการซื้อขายกันเองโดยตรง หรือ Over-the-Counter Trading ควรถูกยกเลิก และไม่สมควรถูกนำมาใช้หมุนเวียนภายในตลาดการเงิน
Source: The Standard Wealth