EUR/USD อาจร่วง 20 - 50 จุด



จุดอ้างอิงทำกำไร (ระดับที่เป็นโมฆะ)

1.2175

จุดที่ต้องการ

สถานะขายต่ำกว่า 1.2175 เป้าหมายต่อไปที่ 1.2130 และ 1.2100

ทางเลือกการลงทุน

สูงกว่า 1.2175 คาดหมายว่ามีแนวโน้มขาขึ้นต่อเนื่องที่ 1.2195 และ 1.2225 เป็นเป้าหมาย

ความเห็นในเชิงเทคนิค

RSI ผสมกับช่วงขาลง

แนวรับและแนวต้าน

1.2225

1.2195

1.2175

1.2150 สุดท้าย

1.2130

1.2100

1.2080

AUD/USD อาจขึ้น 23 - 48 จุด



จุดอ้างอิงทำกำไร (ระดับที่เป็นโมฆะ)

0.7685

จุดที่ต้องการ

สถานะซื้อสูงกว่า 0.7685 เป้าหมายต่อไปที่ 0.7740 และ 0.7765

ทางเลือกการลงทุน

ต่ำกว่า 0.7685 คาดหมายว่ามีแนวโน้มขาลงต่อเนื่องที่ 0.7665 และ 0.7645 เป็นเป้าหมาย

ความเห็นในเชิงเทคนิค

RSI มีทิศทางดี

แนวรับและแนวต้าน

0.7800

0.7765

0.7740

0.7717 สุดท้าย

0.7685

0.7665

0.7645

ไม่มีจังหวะเข้าเลยยย ขึ้นมารับกันหน่อยเร็วว 
ได้แต่เก็บไม้สั้นทีละ 100 point ก็พอแก้เซ็งได้อยู่ แต่เสียเวลามานั่งจ้อง 

(Jan 12) สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จากพรรค Democrat ได้เดินหน้าเริ่มกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดี Trump โดยเตรียมเสนอร่างถอดถอนฯ เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรลงมติในวันพุธนี้ (13 ม.ค.)

สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ (ส.ส.) จากพรรค Democrat ได้เดินหน้าเริ่มกระบวนการถอดถอนประธานาธิบดี Trump โดยเตรียมเสนอร่างถอดถอนจากสาเหตุการทำผิดอาญาอย่างร้ายแรง (Impeaching Donald John Trump, President of the United States, for high crimes and misdemeanors) เป็นภัยต่อความมั่นคง รัฐธรรมนูญและระบอบประชาธิปไตยจากเหตุการณ์ผู้ชุมนุมบุก the capital เมื่อสัปดาห์ก่อน หลังจากมีผู้ลงชื่อสนับสนุนแล้วกว่า 210 ราย

กระบวนการถอดถอนคาดว่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร (House) เพื่อลงมติในวันพุธนี้ (13 ม.ค.) ขณะเดียวกันความพยายามในการเสนอญัตติที่จะปลดประธานาธิบดีภายใต้ the 25th amendment ให้ผ่านการลงมติอย่างเป็นเอกฉันท์ไม่เป็นผลสำเร็จเนื่องจากได้มี ส.ส. จากพรรค Republican คัดค้านเนื่องจากต้องการให้มีการอภิปรายก่อน

ขณะเดียวกันแหล่งข่าวชี้ว่ารองประธานาธิบดี Pence จะไม่เดินหน้าตามแนวทาง the 25th amendment นี้ โดยในส่วนของการถอดถอนประธานาธิบดีนั้น ยังไม่มีความเห็นจากฝ่ายรัฐบาลออกมาอย่างเป็นทางการ แต่โฆษกประจำตัวประธานาธิบดี และสมาชิกสภา congress จากฝั่งพรรค Republican หลายรายมีท่าทีไม่เห็นด้วยกับแนวคิดที่จะถอดถอนประธานาธิบดีนักเนื่องจากเห็นว่าจะทำให้ประเทศยิ่งแตกแยกในช่วงเวลาที่เหลืออีกไม่กี่วันนี้ แม้จะมีสมาชิกพรรคบางส่วนแสดงความเห็นให้ประธานาธิบดี Trump ลาออก

อย่างไรก็ดี หาก House สามารถลงมติผ่านร่างการถอดถอน ได้ ประธานาธิบดี Trump จะได้ชื่อว่าเป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนแรกที่ผ่านกระบวนการถอดถอนถึง 2 ครั้ง

หลายฝ่ายคาดว่าประธานาธิบดี Trump จะยังไม่ถูกถอดถอนก่อนวันที่ 20 ม.ค. เนื่องจากจะต้องส่งเรื่องให้วุฒิสภา (Senate) ลงมติก่อนซึ่งขณะนี้วุฒิสภาอยู่ระหว่างการปิดประชุมจนถึงวันที่ 20 ม.ค. หรือทาง House อาจยังเลือกไม่ส่งให้ทางวุฒิสภารีบลงมติเนื่องจากต้องการเปิดทางให้ทางวุฒิสภาลงมติรับรองคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ของนาย Joe Biden ว่าที่ประธานาธิบดีก่อนก็เป็นได้

อนึ่ง มีรายงานว่าจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่ Capitol Hill เมื่อสัปดาห์ก่อนส่งผลให้ธนาคารและบริษัทขนาดใหญ่หลายราย อาทิ JP Morgan, Citigroup, Blue Cross Blue Shield insurance group, Marriot International Inc, Ford และ Dow ตัดสินใจหยุดให้การสนับสนุนด้านการเมืองผ่านโครงการ PAC donations เป็นการชั่วคราว โดยเฉพาะการบริจาคให้สมาชิกสภา congress ที่คัดค้านการรับรองผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีของ electoral college

ด้านตลาดหลักทรัพย์ปรับลดลงจากระดับสูงเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ก่อน โดยเป็นผลจากความกังวลในแง่ของ valuation เป็นหลัก ท่ามกลางอัตราดอกเบี้ยที่ปรับสูงขึ้น และสถานการณ์การแพร่ระบาดที่รุนแรงขึ้น โดยดัชนี S&P 500 ปรับลดลงสุทธิร้อยละ 0.66 นำโดยการปรับลดลงในกลุ่ม Consumer Discretionary (-1.89%) และ Communication Services (-1.77%) ซึ่งได้รับปัจจัยลบจากการที่จะถูกกำกับดูแลมากขึ้นหลังการปิดบัญชีใช้งานของประธานาธิบดี Trump ทางด้านดัชนีค่าเงินดอลลาร์ (DXY) ปรับเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่สาม โดยเพิ่มขึ้นสุทธิร้อยละ 0.49 ขณะที่อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ เคลื่อนไหวในกรอบแคบ โดยปรับเพิ่มขึ้น 1-3 bps เมื่อเทียบกับสิ้นสัปดาห์ก่อนหน้า นำโดยการปรับเพิ่มขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรระยะ 10 ปี ซึ่งปิดที่ร้อยละ 1.14

Source: BOTSS

ติดไม้ buy อยู่ 1.222 เด้งมาซักหน่อยพอให้คัทเถอะนะะะ   

อ้างจาก: mrTbag ที่ 12, มกราคม  2021, 05:24:29 PM
ติดไม้ buy อยู่ 1.222 เด้งมาซักหน่อยพอให้คัทเถอะนะะะ   

ใจได้จริงๆครับ

อ้างจาก: admin ที่ 12, มกราคม  2021, 05:30:52 PM

อ้างจาก: mrTbag ที่ 12, มกราคม  2021, 05:24:29 PM
ติดไม้ buy อยู่ 1.222 เด้งมาซักหน่อยพอให้คัทเถอะนะะะ   

ใจได้จริงๆครับ

ใจมันไปแล้วครับ แต่มือมันปิดไม่ทัน 

  จะขึ้นมาไหมน้ออออ

อ้างจาก: mrTbag ที่ 12, มกราคม  2021, 05:49:42 PM

อ้างจาก: admin ที่ 12, มกราคม  2021, 05:30:52 PM

อ้างจาก: mrTbag ที่ 12, มกราคม  2021, 05:24:29 PM
ติดไม้ buy อยู่ 1.222 เด้งมาซักหน่อยพอให้คัทเถอะนะะะ   

ใจได้จริงๆครับ

ใจมันไปแล้วครับ แต่มือมันปิดไม่ทัน 

เป็นผมนี่คัตไว

อ้างจาก: n1335 ที่ 12, มกราคม  2021, 05:52:15 PM
จะขึ้นมาไหมน้ออออ

ดูเหงาๆ ไม่มีแรง

ผลทดลองในบราซิลชี้ วัคซีนโควิดของซิโนแวค มีประสิทธิภาพต่ำกว่า 60%

สำนักข่าวรอยเตอร์ส รายงานผลทดลองทางคลินิกของวัคซีนต้านโควิด-19 โคโรนาแวค (CoronaVac) โดยบริษัทซิโนแวค (Sinovac) บริษัทด้านชีวเวชภัณฑ์ของจีน ซึ่งทำการทดลองระยะท้ายในประเทศบราซิล พบว่าประสิทธิภาพในการป้องกันการติดเชื้อของวัคซีน นั้นน้อยกว่า 60%

รอยเตอร์ส ระบุว่าสำนักข่าว UOL สื่อท้องถิ่นของบราซิล เป็นผู้เปิดเผยรายงานผลทดลองดังกล่าว โดยอ้างข้อมูลจาก 2 บุคคลที่เห็นผลการทดลอง ซึ่งชี้ว่าประสิทธิภาพวัคซีนโคโรนาแวค นั้นอยู่ที่ราว 50% ถึง 60%

ด้านศูนย์ชีวการแพทย์ สถาบันบูตันตัน ในนครเซาเปาโล ซึ่งเป็นหุ้นส่วนของ Sinovac ในการผลิตวัคซีนโควิด-19 ในบราซิล เตรียมที่จะเปิดเผยข้อมูลประสิทธิภาพวัคซีนในวันนี้ (12 มกราคม) ก่อนขออนุมัติการใช้งานในกรณีฉุกเฉินจากหน่วยงานกำกับดูแลวัคซีนของบราซิล

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้  Sinovac เคยเปิดเผยผลทดลองขั้นต้น จากการทดลองวัคซีนโคโรนาแวค ในคนที่ประเทศตุรกี พบว่ามีประสิทธิภาพป้องกันการติดเชื้อได้สูงถึง 91.25%

ขณะที่ประเทศไทยนั้น เพิ่งดำเนินการจัดซื้อวัคซีนโควิด-19 ในระยะเร่งด่วนจากซิโนแวค เป็นจำนวน 2 ล้านโดส วงเงิน 1,228 ล้านบาท โดยคาดว่าจะได้รับล็อตแรกจำนวน 200,000 โดสในเดือนกุมภาพันธ์นี้

จาก: News.ch7

(Jan 12) รายงานจาก 2 สถาบันวิจัยของเยอรมนีระบุว่า Brexit ได้ส่งผลให้ความน่าสนใจของสหราชอาณาจักรลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ สหรัฐฯ เป็นประเทศที่มีความน่าสนใจลงทุนมากที่สุด:

รายงานของ Foundation for Family Businesses สถาบันวิจัยอิสระจากเยอรมนี ระบุว่า Brexit ส่งผลให้ความน่าสนใจของสหราชอาณาจักรลดลงอย่างมีนัยสำคัญในสายตาของเหล่านักลงทุน แต่ถือว่ายังคงอยู่ในตำแหน่งที่ดีหากจัดอันดับเทียบกับประเทศพัฒนาแล้วด้วยกัน โดยความน่าสนใจของสหราชอาณาจักรได้ตกลงมาอยู่ในอันดับที่ 2 ตามหลังอันดับ 1 คือสหรัฐฯ ภายใต้ผลสำรวจล่าสุดของสถาบัน ซึ่งในรายงานระบุว่า "Brexit has been a major liability for the U.K.,"

ด้านรายงานของ ZEW research institute สถาบันวิจัยเศรษฐกิจของเยอรมนี ระบุในทิศทางเดียวกันว่า หากพิจารณาปัจจัยสนับสนุนการดำเนินธุรกิจ ได้แก่
1) taxation
2) labor costs
3) productivity and human capital
4) regulation
5) financing
6) infrastructure and institutions และ
7) energy จะพบว่า ความน่าสนใจลงทุนของสหราชอาณาจักรลดลงมากที่สุดหากเทียบกับประเทศอื่นๆ ภายใต้การสำรวจ โดยเฉพาะประเด็น "Brexit-related uncertainties" ที่ได้ส่งผลกระทบรุนแรงต่อปัจจัยด้าน financing และ ​​infrastructure and institutions

ทั้งนี้ รายงานของ ZEW research institute ระบุว่า สหรัฐฯ ถือเป็นประเทศที่มีความน่าสนใจลงทุนมากที่สุด โดยได้รับปัจจัยบวกจากประเด็นด้าน regulation, financing, energy, labor costs, productivity และ human capital โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัจจัยด้าน regulation, financing และ energy ที่ถือว่าอยู่ในระดับ "outstanding performance" อย่างไรก็ตาม เรื่อง taxation ยังคงเป็นจุดอ่อนสำหรับสหรัฐฯ

Source: BOTSS

(Jan 12) เยอรมนีละเมิดข้อตกลงของสหภาพยุโรปที่ไม่อนุญาตให้ประเทศสมาชิกทำการจัดหาวัคซีน Covid-19 จากบริษัทรายเดียวกับที่สหภาพยุโรปทำการเจรจา:

เยอรมนีได้ละเมิดข้อตกลงของสหภาพยุโรปที่ไม่อนุญาตให้ประเทศสมาชิกทำการจัดหาวัคซีน Covid-19 จากบริษัทรายเดียวกับที่สหภาพยุโรปทำการเจรจา เพื่อป้องกันการแข่งขันด้านราคา และต้องการช่วยเหลือประเทศที่มีกำลังซื้อน้อย โดยทางสหภาพยุโรปจะทำหน้าที่เป็นผู้จัดสรรวัคซีนให้แต่ละประเทศสมาชิกตามความเหมาะสม ซึ่งในเบื้องต้นสหภาพยุโรปได้จัดซื้อวัคซีนจากบริษัท Pfizer และ Biontech แล้ว 200 ล้านโดส ในเดือน พ.ย. 2020 ขณะที่เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2021 ทางสหภาพยุโรปประกาศว่า มีแผนที่จะซื้อวัคซีนดังกล่าวเพิ่มเติมอีก 400 ล้านโดส

รัฐบาลเยอรมนีได้ตกลงซื้อวัคซีน Covid-19 จากบริษัท Pfizer ซึ่งพัฒนาร่วมกับ Biontech บริษัทสัญชาติเยอรมนีโดยตรงเพิ่มอีก 30 ล้านโดส หลังจากในเดือน ก.ย. 2020 เยอรมนีไม่สามารถโน้มน้าวให้สหภาพยุโรปซื้อวัคซีนจากบริษัท Pfizer และ Biontech เพิ่มอีก 100 ล้านโดส ได้

ขณะที่รัฐบาลเยอรมนีถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่มีความสามารถในการจัดหาวัคซีนให้เพียงพอต่อประชาชนของตนเอง ทางรัฐบาลจึงเจรจาซื้อวัคซีนเพิ่มเติมกับ Pfizer และ Biontech ซึ่งเป็นบริษัทที่ทางรัฐบาลเยอรมนีได้ให้เงินช่วยเหลือจำนวน 375 ล้านยูโร เพื่อส่งเสริมการวิจัยและพัฒนาวัคซีน Covid-19 ในช่วงที่ผ่านมา

Source: BOTSS

กราฟ เหงาแท้ วันนี้

ญี่ปุ่นพบไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ มาจากผู้ที่เดินทางจากบราซิล ยืนยันไม่เหมือนกับไวรัสกลายพันธุ์ที่พบในอังกฤษและแอฟริกาใต้ที่กำลังระบาดหนักในตอนนี้

วันที่ 12 มกราคม 2564 เว็บไซต์ The Japan Times สื่อญี่ปุ่นรายงานว่า กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นออกมายืนยันเมื่อวันอาทิตย์ (10 ม.ค.) ว่า ทางการญี่ปุ่นพบไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ โดยมีลักษณะแตกต่างจากไวรัสโควิด-19 ที่กลายพันธุ์ในอังกฤษและแอฟริกาใต้ที่กำลังระบาดอยู่ในตอนนี้

รายงานระบุว่า ไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ที่ญี่ปุ่นตรวจพบ มาจากนักเดินทาง 4 คนที่มาจากรัฐอามาโซนัส (Amazonas state) ของบราซิล ทั้งหมดเดินทางถึงโตเกียวที่สนามบินฮาเนดะเมื่อวันที่ 2 มกราคมที่ผ่านมา โดยในจำนวนนี้ 3 คนมีอาการป่วย ได้แก่ ผู้ชายช่วงอายุ 40-49 ปี หายใจติดขัด , ผู้หญิงช่วงอายุ 30-39 ปีมีอาการปวดหัวและเจ็บคอ และวัยรุ่นชายมีไข้ ส่วนผู้หญิงวัยรุ่นอีก 1 คนที่เดินทางมาพร้อมกันมีเชื้อไวรัสกลายพันธุ์แต่ไม่มีอาการป่วย

รัฐบาลญี่ปุ่นเปิดเผยว่า ทั้ง 4 คนถูกตรวจพบเชื้อโควิด-19 ที่สนามบิน ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำเชื้อไปวิเคราะห์และพบว่าเป็นเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ที่มีความแตกต่างจากสายพันธุ์อังกฤษและแอฟริกาใต้ ซึ่งในตอนนี้อยู่ระหว่างศึกษาฤทธิ์ของไวรัสกลายพันธุ์สายพันธุ์ใหม่ รวมถึงประสิทธิภาพของวัคซีนต่อต้านเชื้อกลายพันธุ์นี้ด้วย

ขณะที่รัฐบาลบราซิลได้ร้องขอข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับไวรัสสายพันธุ์ใหม่จากรัฐบาลญี่ปุ่นแล้ว โดยเบื้องต้นพบว่า ไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่มีวิวัฒนาการกลายพันธุ์ 12 ครั้ง ในจำนวนนี้เป็นการกลายพันธุ์ที่พบในอังกฤษและแอฟริกาใต้

สำหรับสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ในบราซิล ซึ่งเป็นประเทศที่มีผู้ป่วยโควิด-19 สะสมกว่า 8.13 ล้านคน มากที่สุดเป็นอันดับที่ 3 ของโลก และมีผู้เสียชีวิตในบราซิลแล้วกว่า 200,000 คน กำลังเผชิญการระบาดรุนแรง โดยมีการยืนยันพบไวรัสกลายพันธุ์ในสายพันธุ์อังกฤษและแอฟริกาใต้ในบราซิล

ส่วนการระบาดของโรคโควิด-19 ในญี่ปุ่น รัฐบาลเพิ่งตัดสินใจประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในกรุงโตเกียวและ 3 จังหวัดใกล้เคียงเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดที่รุนแรงขึ้น

ที่มา https://www.japantimes.co.jp/news/2021/01/11/national/science-health/new-coronavirus-variant-japan/