(Dec 1) รายงานพิเศษ: ใครได้และใครเสียจากวัคซีน? นับตั้งแต่ที่บริษัทไฟเซอร์ และไบโอเอ็นเทค ออกมาประกาศร่วมกันว่า วัคซีนที่บริษัทได้พัฒนา มีประสิทธิภาพในการป้องกันโควิด-19 ได้เกินกว่า 90% ก็มีบริษัทยาอื่น ๆ ออกมาประกาศความสำเร็จตามมาติด ๆ อีกหลายแห่ง ซึ่งส่วนใหญ่อ้างว่ามีประสิทธิภาพเกินกว่า 90% ทั้งสิ้นเช่นกัน พัฒนาการที่ดีเกี่ยวกับวัคซีนทำให้เกิดความหวังมาอย่างต่อเนื่องในเดือนนี้ว่า การระบาดของโควิด-19 ใกล้จะยุติลงแล้ว และแน่นอนว่าจะต้องมีบางภาคที่ได้ประโยชน์และบางภาคต้องเสียประโยชน์เพราะวัคซีน
แม้ว่าจะต้องใช้เวลากว่าที่วัคซีนใหม่จะเริ่มพร้อมจำหน่าย แต่นักวิเคราะห์ก็มองเห็นความชัดเจนว่าวัคซีนกำลังทำให้เกิดความหวังว่าโลกจะกลับสู่ภาวะปกติได้เร็วขึ้น
หลังจากมีการประกาศข่าววัคซีนของบริษัท โมเดอร์นา ในสัปดาห์ที่ผ่านมา งานวิจัยของบริษัท ลิเบอร์รัม ซึ่งเป็นบริษัทวาณิชธนกิจในอังกฤษ ชี้ว่า วัคซีนจะไม่ทำให้ช่วงเวลาที่เราต้องอยู่กับไวรัสและความเสี่ยงของมันยืดเยื้อยาวนานหรือไม่มีที่สิ้นสุดอีกต่อไป
ภาคที่ได้ประโยชน์
ภาคการบินที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากการระบาดของไวรัสโคโรนา จะได้ประโยชน์มากที่สุดจากข่าวดีเรื่องวัคซีน
ในวันที่ 16 พฤศจิกายน เมื่อโมเดอร์นาออกมาแถลงข่าว หุ้นสายการบินในสหรัฐพุ่งขึ้นทันที ยูไนเต็ด แอร์ไลน์ ปรับตัวขึ้น 8.6% ขณะที่อเมริกันแอร์ไลน์และเดลต้า แอร์ไลน์ พุ่งขึ้นประมาณ 6% และหุ้นอินเตอร์เนชันแนล แอร์ไลน์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นเจ้าของบริติช แอร์เวย์ ปรับตัวขึ้น 12.2% หลังจากที่ได้พุ่งขึ้น 40% ไปแล้ว ในวันที่ไฟเซอร์ประกาศก่อนหน้านั้น
นักวิเคราะห์มองว่าการพัฒนาวัคซีนเป็นข่าวดีต่อภาคการบิน เนื่องจากนักลงทุนหวังว่าจะได้เห็นการเดินทางฟื้นตัวกลับมา ทั้งการเดินทางเพื่อทำธุรกิจและเพื่อการพักผ่อน
อย่างไรก็ดี แนวโน้มในระยะยาวที่การเดินทางเพื่อธุรกิจจะฟื้นตัวนั้นยังไม่แน่นอน มีการประเมินว่าดีมานด์ในการเดินทางเพื่อทำธุรกิจอาจจะลดลงเป็นการถาวรถึง 5-20% เนื่องจากบริษัทเริ่มเห็นว่าการเดินทางเพื่อทำธุรกิจมีความจำเป็นน้อยลง
อีกภาคหนึ่งที่อาจได้ประโยชน์จากวัคซีน คือภาคอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์และที่ดิน ภาคนี้ได้รับผลกระทบจากการระบาดของไวรัสโคโรนาและกระแสการทำงานจากบ้าน แต่วัคซีนได้ทำให้มีแนวโน้มว่าประชาชนจะกลับไปทำงานในสำนักงานตามศูนย์กลางของเมืองต่าง ๆ มากขึ้น
หน่วยลงทุน เอ็มไพร์ สเตท เรียลตี้ ทรัสต์ ที่เน้นการลงทุนในสำนักงานและแหล่งค้าปลีกในแมนฮัตตัน พุ่งขึ้นมากกว่า 37% หลังจากที่ไฟเซอร์แถลงความคืบหน้าวัคซีน ขณะที่หุ้นเอสแอล กรีน ซึ่งเป็นแลนด์ลอร์ดเชิงพานิชย์ใหญ่สุดของนิวยอร์ก ปรับตัวขึ้นเกือบ 37%
งานวิจัยของโจนส์ แลง ลาซาล ระบุว่า วัคซีนทำให้เกิดความหวังว่าจะช่วยกำจัดความไม่แน่นอนที่เศรษฐกิจและตลาดอสังหาริมทรัพย์ได้รับ และเมื่อดูจากปฏิกิริยาในตอนแรกของตลาดอสังหาริมทรัพย์จดทะเบียน นักลงทุนกำลังหวังว่าตลาดอสังหาค้าปลีกในยุโรปและสหรัฐ จะได้ประโยชน์มากสุดจากวัคซีน และตามมาด้วยภาคอสังหาสำนักงานและโรงแรม
การกลับสู่ปกติอย่างช้า ๆ น่าจะเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ที่มีอำนาจในการตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นนักลงทุนหรือผู้ครอบครองอสังหาฯ ทำตามแผนที่ได้พักไว้มากขึ้น ซึ่งจะสนับสนุนให้กิจกรรมในภาคอสังหาฯ ฟื้นตัวขึ้น
บริษัทที่เสียประโยชน์
ส่วนบริษัทที่มีแนวโน้มว่าจะเสียประโยชน์จากวัคซีน คือ บริษัทเทคโนโลยีที่ประสบความสำเร็จมาก หุ้นเหล่านี้ได้ดีดตัวแรงในช่วงที่มีการระบาดเมื่อประชาชนใช้เวลาอยู่กับบ้านมากขึ้น แต่ได้ปรับตัวลงรั้งท้ายตลาดนับตั้งแต่มีข่าววัคซีน แม้ว่าหุ้นเทคโนโลยีสามารถรักษาการดีดตัวในปีนี้ได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ก็ได้ปรับตัวลงในระดับหนึ่งหลังจากที่บริษัทยาออกมาอวดสรรพคุณของวัคซีนกันยกใหญ่
อเมซอน ยักษ์ใหญ่อี-คอมเมิร์ซ ซึ่งบริการช้อปปิ้งออนไลน์และบริการวิดีโอสตรีมมิ่ง ได้เป็นสิ่งจำเป็นต่อคนหลายล้านคนตลอดช่วงที่มีการระบาด ได้เห็นราคาหุ้นปรับตัวลงประมาณ 5.1% หลังจากไฟเซอร์แถลงข่าว
ในขณะเดียวกัน ในอีกฟากหนึ่งของมหาสมุทรแอตแลนติก "โอคาโด" บริษัทค้าปลีกของชำออนไลน์ในลอนดอนได้ปรับตัวลง 5.2%
หุ้นอาลีบาบาและเจดีดอทคอมที่ซื้อขายในสหรัฐ ได้ผันผวนในแบบเดียวกันในเดือนนี้ แม้ว่าหุ้นเทคโนโลยีในจีนได้รับผลกระทบเพราะการเข้าแทรกแซงอย่างกะทันหันของทางการจีนต่อการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนเป็นครั้งแรกของบริษัทแอนต์ กรุ๊ป มากกว่าข่าววัคซีน
หุ้นซูม วิดีโอ ซึ่งเป็นบริษัท วิดีโอ คอนเฟอร์เรนซ์ ซึ่งได้กลายเป็นบริษัทดังในปีนี้ ได้ปรับตัวลงถึง 17.4% หลังไฟเซอร์แถลงข่าววัคซีน เนื่องจากว่านักลงทุนจำนวนหนึ่งคาดการณ์ว่าพนักงานจะกลับไปทำงานในสำนักงาน ขณะเดียวกันหุ้นเน็ตฟลิกซ์ ยักษ์ใหญ่สตรีมมิ่งของสหรัฐ ก็ปรับตัวลงถึง 8.6% หลังไฟเซอร์ประกาศความสำเร็จของวัคซีน
อย่างไรก็ดี บริษัทที่อาศัยเว็บเหล่านี้ยังคงปรับตัวขึ้นจนถึงขณะนี้ เนื่องจากว่าก่อนที่จะมีข่าวดีจากไฟเซอร์ หุ้นซูม วิดีโอ ได้พุ่งขึ้นถึง 635% ในปีนี้ ขณะที่อเมซอนได้ปรับตัวขึ้น 79.2% ส่วนเน็ตฟลิกซ์ ปรับตัวขึ้น 59.1%
นักวิเคราะห์บางคนคาดการณ์ว่าพัฒนาการบวกจากวัคซีนอาจทำให้เกิดแรงเทขายหุ้น "stay at home" นานขึ้น
โจฮันนา เคิร์กลันด์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของบริษัทบริหารสินทรัพย์ชโรเดอร์ กล่าวว่า ค่อนข้างเป็นไปได้ที่จะเริ่มมีการสับเปลี่ยนหุ้นครั้งใหญ่ และในที่สุดแล้วเราอาจพบตัวเร่งที่ทำให้นักลงทุนย้ายจากหุ้น "stay at home" ที่ได้ประโยชน์จากมาตรการล็อกดาวน์ ไปเล่นหุ้นฟื้นตัว (recovery stock)
อย่างไรก็ดี มีการคาดการณ์เป็นส่วนใหญ่ว่าจะมีวัคซีนพร้อมใช้ได้อย่างจำกัดก่อนสิ้นปีนี้ และมูดีส์คาดการณ์ว่าวัคซีนจะพร้อมใช้เป็นส่วนใหญ่ในกลางปีหน้า ดังนั้นหุ้นที่คิดว่าอาจจะได้ประโยชน์จากวัคซีนก็อาจจะยังไม่สามารถฟื้นตัวได้มาก ในขณะเดียวกัน หุ้นที่คิดว่าจะเสียประโยชน์ก็อาจจะไม่ถึงกับทรุดไปในพริบตา
... ต้องชั่งน้ำหนักในการลงทุนให้พอเหมาะพอดี
Source: ข่าวหุ้น
