กองทุน SPDR Gold Shares

ประจำวันที่

เวลา ครั้งที่ ก่อนหน้า ถือล่าสุด เปลี่ยนแปลง
- - - - -
รวมวันนี้-
เดือนนี้ - : 
ปีนี้  : 
*หน่วยตัน
*อ้างอิงจาก SPDR Gold Share

ราคาทองตามประกาศสมาคมค้าทองคำ

ประจำวันที่ ครั้งที่ เวลา น.

ชนิดทองคำ รับซื้อ ขายออก
ทองคำแท่ง 96.5% - -
ทองรูปพรรณ 96.5% - -
รวมวันนี้-
เปลี่ยนแปลงล่าสุด-
*หน่วยเงินบาท
*ราคาอ้างอิงล่าสุดจากสมาคมค้าทองคำ

🍎🍎🍎 วิเคราะห์ กราฟ EUR/USD ศุกร์ 23 ตุลาคม 2563 มีเป้าหมายก็ลงไปให้สุดเทรน🚴‍♀🚴‍♀🚴‍♀

  • 88 replies
  • 16,836 views
*

admin

  • 84,261
อ้างจาก: Lil Mayfly ที่ 23, ตุลาคม  2020, 10:17:52 PM
อ้างจาก: TwoP ที่ 23, ตุลาคม  2020, 10:10:07 PM
อ้างจาก: Lil Mayfly ที่ 23, ตุลาคม  2020, 10:07:42 PM
อ้างจาก: TwoP ที่ 23, ตุลาคม  2020, 09:53:37 PM
ไม่อยากจะพูดให้เสียน้ำใจเลยนะคะ! แต่ eu gu พิรี้พิไรมากพี่เอ้ย
ดูพี่ทองสิคะเค้าไปไหนต่อไหนแล้ว รีบกว่านี้!!! แรงกว่านี้อีก!!!
Hulk 1** Hulk 1** Hulk 1** Hulk 1** Hulk 1**
เรารีบปิดตอนลงเต็มๆแท่ง..ได้จาก GU เกือบๆ เท่าทองเลยนะคะ.. xc4*
คุณพี่เหมือนเกิดมาเพื่อมีเซนส์ในสิ่งนี้นะคะ
น้องลอกวิธีคุณพี่ทีไร น้องล้างพอร์ตตลอด
วาสนาเราไม่เท่ากัน
cheetah* cheetah*
ก่อนหน้านี้ เราก็ล้างบ่อยนะ..เพราะถือรอไป รอมา นี่แหละ แล้วใช้ Lot ใหญ่ OVT ตลอด เพราะโลภ อยากได้มากๆ..เลยตอนนี้ใช้ แค่ที่เห็นในรูป พอกราฟบวกเต็มๆแท่งเมื่อไหร่ จะได้แค่ไหนก็ช่าง ปิดเลย กราฟจะเท จะไหลก็ต้องตัดใจ ไม่เสียคาย..ได้ตามเป้าเท่าที่ควรจะได้ พอเลยค่ะ.. xc8* xc8* อ่้อ มีอีกอย่างนะคะ เราจะตัดทิ้งเลย ถ้ารู้ว่าผิดทาง ไม่มัวเสียดาย ไม่ถือไว้นานค่ะ ไม่เคยมีการติดเหว ติดดอย สำหรับเรา..อันนี้จริงๆ เทรดมาไม่เคยมีเลยค่ะ... xc8*

คนมีกำไรเขาคุยกัน
"เอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะไปเอาชนะตลาด"

*

PoNgPk

  • 6,490
นายฌ็อง กัสแต็กซ์ นายกรัฐมนตรีฝรั่งเศส ประกาศเมื่อช่วงค่ำวันพฤหัสบดีให้ขยายคำสั่งเคอร์ฟิวเพิ่มอีก 38 ภูมิภาค ซึ่งจะส่งผลกับประชาชนมากกว่า 46 ล้านคน จากประชากรทั้งหมด 67 ล้านคน

คำสั่งเคอร์ฟิวดังกล่าวจะเริ่มมีผลตั้งแต่วันศุกร์นี้เป็นต้นไป โดยประชาชนห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 21.00 น. - 6.00 น. โดยมีผลตั้งแต่เที่ยงคืนของวันศุกร์นี้ เป็นเวลาอย่างน้อย 6 สัปดาห์

โดยก่อนหน้านี้ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ฝรั่งเศสได้ประกาศเคอร์ฟิวใน 8 ภูมิภาค

ทั้งนี้ ฝรั่งเศสรายงานผู้ติดเชื้อรายวันพุ่งขึ้นในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา และจำนวนผู้ติดเชื้อใหม่ทำสถิติสูงสุดอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดในวันพฤหัสบดี มีผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก 41,661 ราย ซึ่งเป็นสถิติใหม่ ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมขณะนี้อยู่ที่ 999,043 ราย



ขณะที่ผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 เพิ่มขึ้น 162 รายในวันพฤหัสบดี ทำให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ 34,210 ราย

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท
TRADE RIDER

*

PoNgPk

  • 6,490
ไอเอชเอส มาร์กิต/ซีไอพีเอส เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและบริการเบื้องต้นของสหราชอาณาจักร ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.9 ในเดือนต.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน จากระดับ 56.5 ในเดือนก.ย.

ดัชนี PMI เดือนต.ค. ยังคงอยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหราชอาณาจักรยังคงมีการขยายตัว แต่ในอัตราที่ชะลอลง

สำหรับดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น ปรับตัวลงสู่ระดับ 53.3 ในเดือนต.ค. จากระดับ 54.1 ในเดือนก.ย.

ส่วนดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น ปรับตัวลงสู่ระดับ 52.3 ในเดือนต.ค. จากระดับ 56.1 ในเดือนก.ย.



คริส วิลเลียมสัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ที่ไอเอชเอส มาร์กิต กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรชะลอตัวลงในเดือนต.ค. สู่ระดับอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ที่การฟื้นตัวจากการล็อกดาวน์โควิด-19 ทั่วประเทศได้เริ่มต้นขึ้น ซึ่งไม่น่าแปลกใจที่ภาคธุรกิจบริการและภาคการขนส่งจะได้รับผลกระทบมากที่สุด โดยบริษัทต่างๆ รายงานว่า ความต้องการใช้บริการปรับตัวลดลงเนื่องจากมาตรการล็อกดาวน์ครั้งใหม่ และลูกค้าหลีกเลี่ยงการใช้บริการเนื่องจากกังวลเกี่ยวกับการแพร่ระบาด ท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อที่กลับมาเพิ่มสูงขึ้นอีก

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท
TRADE RIDER

ยังมีหวังอยู่มิคะ  xz55**

*

admin

  • 84,261
อ้างจาก: Saiias ที่ 24, ตุลาคม  2020, 12:16:49 AM
ยังมีหวังอยู่มิคะ  xz55**

คงต้องรอ วีคหน้าแล้วครับ
pig 1** pig 1**
"เอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะไปเอาชนะตลาด"

*

admin

  • 84,261
#Spdrขายทองต่อเนื่อง4วัน
#เดือนตุลาคมติดลบ

รายงานการถือครองทองคำแท่งของกองทุน SPDR Gold Share  24 ตุลาคม 2563

🏆🏆 #SPDR อัพเดททองคำแท่งลดลง🔻🔻-1.75ตัน

ทองคำแท่ง รวมในคลัง SPDR 🔻+1263.80 ตัน

เดือนนี้ ตุลาคม  2563 เพิ่มขึ้น  🔻-5.09 ตัน
ปีนี้ 2563 เพิ่มขึ้น 💹+370.55ตัน

#เครื่องมือช่วยเทรดทองคำ
#ราคาทอง วันนี้ ราคาทองย้อนหลัง กราฟราคาทองคำ คลิกที่ นี่ : : https://bit.ly/2KCAAWV
#อัพเดทการซื้อขายทองคำ ของ SPDR Gold  ที่ลิ้งนี้ : : https://bit.ly/2KE162k


#ทองคำ,#ทองคำแท่ง,#กองทุนทองคำ,#ซื้อทอง,#spdrgoldtrust,#gold,#goldtrust,#goldshare,#ราคาทองคำ #traderider

TRADERIDER.COM
"เอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะไปเอาชนะตลาด"

ตื่นมา EU ไม่ไปไหนเลยแถมแอบขึ้นอีก An2

เช้ามา ดูกราฟแล้วรู้สึกได้ว่าคิดถูกมากๆ เหมือนจะโชคดีที่ได้พอควรแล้วปิดเก็บกำไรไม่ถือต่อ.. xc4*

อ้างจาก: silverza ที่ 24, ตุลาคม  2020, 07:54:42 AM
ตื่นมา EU ไม่ไปไหนเลยแถมแอบขึ้นอีก An2

xc8* xc8* xc8*...นี่คือเหตุผลหนึ่งในหลายเหตุผลที่ทำให้เราเปลี่ยนแผนมาเป็นแบบปิดเก็บเลยเมื่อได้กำไรพอควรหรือตามเป้า...
อดทน ใจเย็น รอเป็น เห็นกำไร
" อยากให้พอร์ตใหญ่ ใจต้องนิ่ง.."

*

PoNgPk

  • 6,490
ทางสหรัฐฯประกาศเตรียมส่งเรือลาดตระเวนของหน่วยยามฝั่งเข้าพื้นที่มหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก (ติดกับทะเลจีนใต้) เพื่อตอบโต้กิจกรรมทางทะเลของจีน โดยสหรัฐฯชี้ว่ากิจกรรมดังกล่าว "ทำลายความมั่นคงและมุ่งร้าย" ในภูมิภาคนี้
.
หน่วยยามฝั่งของสหรัฐฯจะเป็น "เครื่องมือที่สามารถตอบสนองอย่างรวดเร็วในพื้นที่สำคัญทางยุทธศาสตร์ในแปซิฟิกตะวันตก" ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติของทำเนียบขาวกล่าว
.
เขาระบุว่า "สหรัฐฯเป็นมหาอำนาจในมหาสมุทรแปซิฟิก" ดังนั้น "การประมงที่ผิดกฎหมายและไร้การควบคุมของจีน รวมไปถึงการคุกคามจากเรือลาดตระเวนของจีนในเขตเศรษฐกิจพิเศษของประเทศอื่นๆในอินโด-แปซิฟิก" จะต้องถูกยับยั้ง เขายังกล่าวต่อว่า "จีนคุกคามอธิปไตยของเราตลอดจนอำนาจอธิปไตยของเพื่อนบ้านในมหาสมุทรแปซิฟิกของเรา และเป็นอันตรายต่อเสถียรภาพในภูมิภาคนี้"
.
สหรัฐฯยังได้ประณาม "พฤติกรรมที่ไม่ดีของจีน" ในทะเลจีนใต้ตลอดช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาโดยกล่าวหาว่ากองทัพจีนจมเรือประมงเวียดนาม คุกคามเรือน้ำมันและก๊าซของมาเลเซีย และนำกองเรือประมงของจีนเข้าสู่เขตเศรษฐกิจพิเศษของอินโดนีเซีย เป็นต้น
.
และเมื่อเดือนที่แล้วอินโดนีเซียได้ทำการประท้วง หลังจากเรือลาดตระเวนชายฝั่งของจีนเดินทางเข้าไปในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของตน ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างน่านน้ำของตนเองและน่านน้ำสากลที่อินโดนีเซียอ้างสิทธิแต่เพียงผู้เดียวในการพัฒนาทรัพยากรธรรมชาติ (เคสนี้ที่แอดเคยทำข่าวไปก่อนหน้านี้ครับ ที่มีเรือลาดตระเวนของจีนมาโผล่ใกล้ปากทางเข้าอ่าวไทย)
.
สหรัฐฯชี้ว่าจีนอ้างสิทธิ์เกือบทั้งหมดของทะเลจีนใต้เป็นของตน ซึ่งต่างจากทางเวียดนาม มาเลเซีย ไต้หวัน และฟิลิปปินส์ที่ยังอ้างสิทธิ์ในส่วนของทะเลที่อยู่ใกล้ชายฝั่งมากที่สุด และกองทัพเรือสหรัฐฯจะดำเนินการในสิ่งที่เรียกว่า "เสรีภาพในการเดินเรือ" ในพื้นที่พิพาทดังกล่าว
.
เพื่อให้ท่านไม่พลาดทุกสิ่งที่น่าสนใจจากเพจ Thailand State กด Like 👍 เพจและตั้งค่า See First ⭐️ เพื่อติดตามข้อมูลดีๆได้เลยครับ
.
Source : https://www.aljazeera.com/news/2020/10/24/us-to-base-coast-guard-ships-in-western-pacific-to-tackle-china
TRADE RIDER

*

PoNgPk

  • 6,490
(Oct 25) "เฟด" ขึ้นดอกเบี้ยเร็ว-หยวนแข็ง ถ้า "ไบเดน" ชนะเลือกตั้ง : การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 3 พ.ย.นี้ ที่มีแนวโน้มว่า "โจ ไบเดน" จากพรรคเดโมแครต จะชนะ "โดนัลด์ ทรัมป์" ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดมากที่สุดครั้งหนึ่งของการเลือกตั้งสหรัฐโดยเฉพาะนักลงทุน เพราะอย่างน้อยนโยบายเศรษฐกิจบางอย่างของไบเดนจะต่างไปจากรัฐบาลทรัมป์ค่อนข้างแน่ โดยเฉพาะเรื่องภาษี

"จิม แครอน" ผู้จัดการพอร์ตการลงทุนของมอร์แกน สแตนลีย์ อินเวสต์เมนต์ แมเนจเมนต์ ประเมินว่าหากเกิดปรากฏการณ์ "คลื่นสีน้ำเงิน" ซึ่งหมายถึง โจ ไบเดน ชนะเลือกตั้ง และเดโมแครตสามารถกวาดที่นั่งข้างมากได้ทั้ง 2 สภา สิ่งที่จะตามมาก็คือการเพิ่มมาตรการการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบรุนแรงจากไวรัสโควิด-19 ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตของเศรษฐกิจไปได้เรื่อย ๆ ไม่เพียงแค่ปี 2021 แต่อาจส่งผลไปถึงปี 2022 ด้วย

เมื่อผลจากมาตรการกระตุ้น สามารถรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจไปได้ยาวถึงปี 2022 ก็มีความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเร็วกว่ากำหนด จากเดิมที่ประเมินกันว่าวิกฤตเศรษฐกิจร้ายแรงครั้งนี้เฟดจะไม่ขึ้นดอกเบี้ยอีกเลยเป็นเวลา 3 ปี และคาดว่าจะไปขึ้นอีกครั้งในช่วงปี 2024-2025 ก็อาจร่นเวลาเร็วขึ้นเป็น 2023-2024

"อย่างไรก็ตาม การชนะของพรรคเดโมแครต ก็อาจไม่ได้ดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐทั้งหมด เพราะยังมีหลายคำถามเกี่ยวกับนโยบายภาษีของพรรค และกฎระเบียบต่าง ๆ ที่อาจก่อให้เกิดความไม่แน่นอนขึ้นได้"

นักลงทุนจำนวนไม่น้อย เกรงว่าหากไบเดนชนะ อาจมีการขึ้นภาษี ทั้งภาษีเงินได้สำหรับคนรวยไปถึง 60% ภาษีกำไรจากการขายหุ้น และออกกฎระเบียบควบคุมต่าง ๆ เคร่งครัดขึ้น อันจะทำให้บริษัทขนาดใหญ่มีกำไรลดลง และสุดท้ายเศรษฐกิจเติบโตน้อยลง

ภายหลังเกิดวิกฤตเศรษฐกิจจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 เดโมแครตเป็นพรรคที่ต้องการให้มีการใช้งบฯมากถึง 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ อัดฉีดเข้าสู่ระบบเศรษฐกิจ ในขณะที่พรรครีพับลิกันซึ่งเป็นรัฐบาลเห็นว่าควรใช้เพียง 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้การอนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ล่าช้าอยู่ในขณะนี้ ดังนั้นนักลงทุนจึงคาดหมายว่าหากเดโมแครตชนะเลือกตั้ง จะมีการออกมาตรการการคลังเพิ่มเติมมากกว่ารีพับลิกัน

ด้านนักวิเคราะห์ของสวิสแบงก์ ลอมบาร์ด โอดิเยร์ ระบุว่า หากไบเดนชนะอาจหมายถึง "เงินหยวน" ของจีนจะแข็งค่าขึ้น เพราะถึงแม้เดโมแครตจะมีนโยบายแข็งกร้าวต่อจีนไม่ต่างจากรีพับลิกัน แต่วิธีการของไบเดนจะใช้เหตุผลมากกว่าในแง่การค้ากับจีน ดังนั้นจะช่วยลดความไม่แน่นอนทางการค้าลงไปได้

อีกประการหนึ่งไบเดนเคยตำหนิทรัมป์ที่เปิดสงครามการค้าจีนว่าการขึ้นภาษีสินค้าจีนสร้างความเดือดร้อนให้กับธุรกิจและผู้บริโภคอเมริกัน ถึงแม้จะไม่คาดหมายว่าเมื่อไบเดนชนะแล้ว จะมีการลดภาษีสินค้าจากจีนอย่างรวดเร็ว แต่เมื่อใดที่มีการลดภาษี ค่าเงินหยวนอาจจะแข็งไปถึงระดับ 6.50 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ

ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เงินหยวนแข็งค่ามาโดยตลอด หากนับจากเดือน พ.ค. แข็งค่าแล้ว 6% "ซิม โมห์ ซิยง" นักวิเคราะห์ของแบงก์ ออฟ สิงคโปร์ บอกว่า เงินหยวนยังสามารถแข็งค่าขึ้นได้อีกเพราะเศรษฐกิจจีนกลับมาฟื้นตัวเร็วกว่าประเทศอื่น มีภาพรวมสดใสกว่าเศรษฐกิจสหรัฐและยุโรป เป็นไปได้ที่จะแข็งค่าไปถึง 6.55 หยวนต่อดอลลาร์ภายใน 1 ปี

อย่างไรก็ตาม มีความเสี่ยงอยู่อย่างหนึ่งสำหรับเงินหยวนก็คือ หากข้อตกลงการค้าเฟส 1 ที่สหรัฐและจีนเซ็นไปก่อนหน้านี้เกิดล่มขึ้นมา ก็อาจทำให้เกิดข้อพิพาทด้านภาษีขึ้นมาใหม่ และจีนอาจตอบโต้ผ่านนโยบายค่าเงิน ดังจะเห็นได้จากเมื่อเร็ว ๆ นี้ธนาคารกลางจีนส่งสัญญาณไม่สบายใจต่อค่าเงินหยวนที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็ว

คอลัมน์ ชีพจรเศรษฐกิจโลก: นงนุช สิงหเดชะ

Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
TRADE RIDER

*

PoNgPk

  • 6,490
(Oct 25) ผู้ว่าแบงก์ชาติคนใหม่: 'สาดกระสุนไม่แม่นยำอาจมีผลลบ. : คุณเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยคนใหม่ มีประสบการณ์แก้วิกฤติจากเหตุการณ์ "ต้มยำกุ้ง" ปี 2540 มาแล้วมาเจอกับวิกฤติโควิด-19 มีอะไรที่เป็นบทเรียนจากครั้งนั้นนำมาใช้ได้บ้างหรือไม่
         
แต่บทสรุปที่ชัดเจนสำหรับคุณเศรษฐพุฒิ จากที่ให้สัมภาษณ์นิตยสาร "BOT พระสยาม" ของแบงก์ชาติเองนั้น อย่างน้อยก็มีหนึ่งเรื่องคือ
         
"...บทเรียนที่ผมได้เรียนรู้จากปี 40 คือ การแก้ปัญหาจากภาครัฐ เราจะทำมากเกินไปไม่ได้ เพราะภาครัฐมีความสามารถในการจัดการที่จำกัดและลดลงด้วยในปัจจุบัน รวมถึงนโยบายที่มีต้นทุนและผลข้างเคียง หากสาดกระสุนไปโดยขาดความแม่นยำอาจกลายเป็นผลลบ เพราะเมื่อถึงคราวจำเป็นแล้วอาจไม่เหลือกระสุนให้ใช้ ซึ่งหากสังคมขาดความเชื่อมั่น ก็จะทำให้องค์กรที่มีหน้าที่กำกับดูแลและออกนโยบายทำงานยากขึ้นหลายเท่าเช่นกัน..."
         
การรับหน้าที่เป็นเบอร์หนึ่งของธนาคารกลางจึงเป็นเรื่องท้าทายสำหรับเขา
         
ประสบการณ์ที่ McKinsey และธนาคารโลกน่าจะช่วยให้ ดร.เศรษฐพุฒิต่อยอดงานที่แบงก์ชาติได้
         
อีกทั้งที่เคยเป็นหนึ่งในคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และเคยอยู่ในคณะกรรมการ ธปท.ด้วย
         
ย่อมทำให้ผู้ว่าการท่านใหม่เข้าใจถึงความท้าทายในการทำงานของคนแบงก์ชาติได้ดีพอสมควร
         
เขาบอกว่า"ลักษณะโดดเด่นที่เหมือนกันของคนแบงก์ชาติและธนาคารโลก คือมีความเป็น technocrat หมายถึงละเอียด เชี่ยวชาญ ลงลึกรู้จริง แต่เพราะเรามีเวลาและข้อมูลที่จำกัด โดยเฉพาะในยามที่เราต้องเร่งเยียวยาแก้ไข จึงเป็นไปไม่ได้ที่เราจะทำทุกอย่างให้สมบูรณ์เต็ม 100% ได้ทั้งหมด ยกตัวอย่างสมัยผมทำงานที่ธนาคารโลก รายงานบางอย่างก็รู้สึกเหมือนเป็นข้อมูลเชิงลึกที่ทำเพื่อเก็บไว้มากกว่าที่จะเป็นประโยชน์ในวงกว้าง จึงเป็นสิ่งที่น่าเสียดาย
         
ดร.เศรษฐพุฒิบอกว่า การทำสิ่งที่ถูกต้องและให้ถูกเวลาจึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
         
"ผมเรียกว่า getting the right things right หากเปรียบเทียบให้เห็นภาพคนแบงก์ชาติไม่ใช่นักวิจัยที่อยู่ในห้องแล็บ แต่ผมมองว่าเราคือหมอที่มีคนไข้ที่รอการรักษาและเราจะต้องทำอะไรบางอย่าง เราเป็นหน่วยงานที่ต้องผลิตนโยบายที่ work และใช้ได้จริง แต่ไม่ได้ผลิต work of art"
         
เขาบอกด้วยว่า
         
"วิกฤติปี 40 อาจจะเป็นเรื่องที่กระทบกับความรู้สึกของคนแบงก์ชาติมากกว่า เพราะเกิดกับสิ่งที่อยู่ในความดูแล เช่น สถาบันการเงิน ทุนสำรองระหว่างประเทศ ซึ่งครั้งนั้นยังพอมีตำรา มีเครื่องมือที่ช่วยแก้ไข แต่ครั้งนี้เกิดจากปัจจัยภายนอกที่ลุกลามและส่งผลกระทบเชื่อมโยงถึงกันหมดทั้งโลก ในครั้งนี้จึงหนักกว่าปี 40 ซึ่งแก้ได้ยากกว่า เพราะผลกระทบกระจายเป็นวงกว้างและลงลึกไปถึงผู้ประกอบการและประชาชนจำนวนมาก อีกทั้งความคาดหวังจากภายนอกต่อแบงก์ชาติสูงขึ้นและบางอย่างก็อยู่นอกเหนือความสามารถของเราเองด้วยซ้ำ ครั้งนี้จึงเป็นปัญหาที่ไม่มีทางแก้ใดทางแก้หนึ่งเป็นสูตรสำเร็จต้องอาศัยความเข้าใจและความร่วมมือจากหลายฝ่าย ซึ่งเราต้องสื่อสารให้เข้าใจว่าความท้าทายนี้หนัก ยาก  ยาวนาน แต่แก้ได้ เพียงแต่ต้องใช้เวลา..."
         
มีคำถามว่าทำไมจึงตัดสินใจเลือกเรียนเศรษฐศาสตร์ตั้งแต่ปริญญาตรีจนจบปริญญาเอก?
         
ดร.เศรษฐพุฒิจบปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ (เกียรตินิยมสูงสุด) จาก Swarthmore College  สหรัฐอเมริกา และปริญญาโท ปริญญาเอกด้านเศรษฐศาสตร์ จาก Yale University สหรัฐอเมริกา สามารถพูดได้ 3 ภาษา คือ ไทย อังกฤษ และฝรั่งเศส
         
"ผมเองก็ไม่แน่ใจนักว่าจุดเริ่มต้นเกิดขึ้นเมื่อไหร่ เพราะตอนเด็กๆ ผมไม่ใช่เด็กเรียนและดูจะสนใจกีฬามากกว่าด้วยซ้ำ วิชาที่ชอบในตอนนั้นจะเป็นแนววิทยาศาสตร์ ชีววิทยา และคณิตศาสตร์ จนกระทั่งตอนที่ย้ายไปเรียนที่ฝรั่งเศสในวิชาประวัติศาสตร์ยุโรป ยอมรับเลยว่าอาจารย์สอนเก่งมาก เขาไม่ได้สอนให้เราท่องจำแต่เป็นการวิเคราะห์ ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ผมเริ่มสนใจวิชาที่เป็นแนวสังคมศาสตร์ ประกอบกับความชอบคณิตศาสตร์เป็นพื้นฐาน จึงทำให้ตัดสินใจเรียนเศรษฐศาสตร์ในที่สุด"
         
หลังจากจบการศึกษาก็เริ่มทำงานที่ต่างประเทศ"ผมเริ่มต้นการทำงานที่ McKinsey ที่ New York ซึ่งช่วยหล่อหลอมทัศนคติและวิธีการทำงานให้ผมจนกระทั่งทุกวันนี้ เรื่องแรกคือวัฒนธรรมการ debate คือหากต้องการจะระดมความคิดกัน ไม่สำคัญว่าจะอยู่ในตำแหน่งอะไร เป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ หน้าที่ของเราคือการถกเถียงกันเพื่อปิดช่องว่าง และให้แน่ใจว่าเราได้ผลงานที่ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้กับลูกค้า
         
เรื่องที่สองคือ โครงสร้างองค์กรที่มีความยืดหยุ่นสูง ทำให้สามารถเลือกใช้คนจากทุกทีมได้ โดยคำนึงถึงความเหมาะสมและประโยชน์กับงานมากที่สุด ไม่ต้องยึดติดกับโครงสร้างหรือสายงาน ภาษาที่  McKinsey ใช้คือ 'one firm concept'
         
ซึ่งหมายถึงรูปแบบการทำงานที่เป็นมาตรฐานเดียวกัน ทำให้เราไม่หลงทาง มีแนวทางที่ชัดเจน  และไม่ว่าจะทำงานที่สหรัฐฯ ญี่ปุ่น หรือสาขาใด เราก็สามารถต่องานกันได้เหมือนพูดเข้าใจในภาษาเดียวกัน"
         
พอรับตำแหน่งใหม่ได้ไม่ถึงเดือน ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยก็แถลงเปิดแนวคิดและทิศทางของการทำงาน
         
จะได้ว่าต่อในสัปดาห์หน้าครับ.

คอลัมน์ กาแฟดำ

Source: Thaipost
TRADE RIDER

*

PoNgPk

  • 6,490
(Oct 25) การโต้วาทีครั้งสุดท้ายระหว่างประธานาธิบดี Trump และอดีตรองประธานาธิบดี Biden จบลงในคืนวานนี้โดยที่มิได้ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อผล poll, betting odd และการเคลื่อนไหวของตลาดการเงิน

การโต้วาทีครั้งสุดท้ายระหว่างประธานาธิบดี Trump และอดีตรองประธานาธิบดี Biden จบลงเมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมาโดยที่มิได้ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญต่อผล poll, betting odd และการเคลื่อนไหวของตลาดการเงิน แต่ด้วยรูปแบบการโต้วาทีที่เข้มงวดขึ้นเรื่องการแบ่งเวลาที่เท่าเทียมกันได้ทำให้เห็นความแตกต่างด้านวิสัยทัศน์ อุดมการณ์ และแนวนโยบายของผู้สมัครทั้งสองมากกว่าในการโต้วาทีครั้งแรก โดยเฉพาะในประเด็นที่มีความสำคัญต่อการตัดสินใจลงคะแนนอย่างเรื่อง มาตรการป้องกันและรับมือการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 นโยบายสาธารณสุข ความเหลื่อมล้ำจากความแตกต่างด้านเชื้อชาติ แนวคิดต่อนโยบายค่าแรงขั้นต่ำ

นอกจากนี้ ผู้สมัครทั้งสองยังได้แสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับการบริหารประเทศในภาพใหญ่อย่างเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การค้าระหว่างประเทศ และนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งแนวนโยบายยังคงสอดคล้องกับที่ทั้งคู่ได้เคยหาเสียงมาโดยตลอด แนวนโยบายของนาย Biden ยังคงเน้นบทบาทของรัฐในการจัดการปัญหาต่าง ๆ มากกว่าเมื่อเทียบกับของประธานาธิบดี Trump

1. นโยบายด้านสาธารณสุข: นาย Biden ยังเห็นต่างจากประธานาธิบดี Trump ในประเด็นเรื่องการรับมือกับ COVID-19 โดยมองว่าการแพร่ระบาดของโรค COVID-19 ไม่ใช่เรื่องที่จะจัดการด้วยการ "เรียนรู้ที่จะอยู่กับมัน" แต่ต้องมีมาตรการการเว้นระยะห่างทางสังคมและการรณรงค์ให้สวมหน้ากากอนามัยอย่างเคร่งครัด ทั้งยังต้องอาศัยเงินสนับสนุนจากภาครัฐเพื่อให้สถานศึกษาและสถานประกอบการสามารถกลับมาดำเนินการได้อย่างปลอดภัย มิเช่นนั้นอาจจะมีจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วได้

ส่วนประเด็นเรื่องนโยบายสาธารณสุขในระยะยาว ประธานาธิบดี Trump ยังคงยืนกรานว่าระบบ private insurance นั้นมีประสิทธิภาพมากเพียงพอและหากได้รับเลือกตั้งในสมัยหน้าก็จะเดินหน้าผลักดันการลดค่าเบี้ยประกันและราคายา ส่วนนาย Biden เน้นว่าการได้รับรักษาพยาบาลเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ทุกคนควรได้รับอย่างทั่วถึง โดยจะรักษา Affordable Care Act ไว้และจะผลักดัน "Bidencare Public Option" ซึ่งจะรองรับการรักษาพยาบาลคนที่ไม่สามารถลงทะเบียนใน Medicaid ในรัฐที่เป็น non-expansive state ได้

ขณะที่ expansive state จะได้สิทธิในการโยกพลเมืองส่วนที่เพิ่มขึ้นเข้ามาอยู่ใต้โครงการ Bidencare Public Option นี้ได้เช่นกัน ซึ่งจะทำให้มีระบบที่รับประกันว่าทุกคนจะเข้าถึงประกันสุขภาพได้ทั่วถึงกว่าในปัจจุบัน แต่ประธานาธิบดี Trump มองว่าแนวนโยบายดังกล่าวไม่ต่างจากแนวคิดแบบสังคมนิยม และพยายามโจมตีนโยบายของนาย Biden ว่าเอียงซ้ายมากเกินไป

2. นโยบายการต่างประเทศ เศรษฐกิจ และพลังงาน: แม้ว่าประธานาธิบดี Trump จะพยายามชูผลงานการระงับการยิงขีปนาวุธของเกาหลีเหนือและความสำเร็จในการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพื่อปกป้องอุตสาหกรรมในประเทศ แต่นาย Biden กลับมองว่าปัญหาที่แท้จริงจะยังไม่ได้รับการแก้ไข หากเกาหลีเหนือยังไม่ยุติการทดลองอาวุธนิวเคลียร์ในประเทศ ประกอบกับมองว่าการดำเนินนโยบายการต่างประเทศควรเสริมสร้างสัมพันธ์อันดีกับประเทศพันธมิตรมากกว่า

นอกจากนี้ นาย Biden มองว่าการขึ้นภาษีไม่ใช่ทางแก้ที่เหมาะเนื่องจากจะทำให้เกิดการผลักภาระในการจ่ายภาษีไปยังผู้บริโภคในประเทศเอง อย่างไรก็ดี การสนับสนุนการเปลี่ยนโครงสร้างการผลิตในประเทศให้พึ่งพาอุตสาหกรรมน้ำมันลดลงที่นาย Biden เสนอในส่วนหนึ่งของการแสดงวิสัยทัศน์ในประเด็นเรื่องสิ่งแวดล้อมนั้น อาจทำให้นาย Biden สุ่มเสี่ยงที่จะเสียคะแนนในรัฐที่พึ่งพาการผลิตน้ำมันและเป็น swing states อย่าง Texas, Pennsylvania และ Ohio

ทั้งนี้ ในการโต้วาทีครั้งนี้นับว่านาย Biden สามารถแสดงวิสัยทัศน์ในการบริหารประเทศได้เต็มที่มากกว่าเมื่อเทียบกับประธานาธิบดี Trump ซึ่งเน้นที่การโจมตีที่ตัวนาย Biden เป็นหลักและทำให้ไม่ได้ใช้เวลาในการแจกแจงรายละเอียดนโยบายด้านต่าง ๆ ของตนเองเท่าที่ควร แต่ก็นับว่าประธานาธิบดี Trump มีการเตรียมตัวเรื่องข้อมูลสถิติมาดีกว่าในการโต้วาทีครั้งแรก

ผลการสำรวจความเห็น และ betting odd ภายหลังการโต้วาทีไม่ได้เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งหลังจากนี้จะมีเวลาเหลือเพียง 10 วันจนถึงวันเลือกตั้ง ( 3 พ.ย.) โดยในขณะนี้มีผู้ลงคะแนนทางไปรษณีย์แล้วกว่า 50 ล้านคน จากจำนวนผู้มีสิทธิใช้เสียงกว่า 257 ล้านคน

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญประเมินว่าการนับคะแนนบัตรลงคะแนนทางไปรษณีย์จำนวนมากอาจมีผลต่อคะแนนที่ขึ้นนำหรือตามของผู้สมัครแต่ละรายในช่วงแรก และทำให้ไม่สามารถฟันธงได้แน่ชัดในช่วงแรกว่าใครเป็นผู้ชนะหรือที่เรียกว่า Red-Blue Mirage โดย swing state ที่คาดว่าจะมีการนับคะแนนจากการลงคะแนนทางไปรษณีย์ได้เร็ว ได้แก่ Pennsylvania ซึ่งให้ส่งกลับบัตรเลือกตั้งเร็วกว่ารัฐอื่น รวมทั้งยังมีรัฐ Florida และ North Carolina ที่ให้มีการเริ่มนับคะแนนมาแล้วเป็นเวลาหลายสัปดาห์ก่อนหน้าวันเลือกตั้งใหญ่

นอกจากนี้ยังมี Pennsylvania, Michigan และ Wisconsin ที่เพิ่งจะให้เริ่มมีการนับคะแนนทางไปรษณีย์ก่อนหน้าวันเลือกตั้งใหญ่ โดยอ้างอิงจากผลสำรวจคะแนนนิยมใน swing states ในตอนนี้ก็อาจทำให้เห็นว่านาย Biden มีคะแนนขึ้นนำในชั่วโมงแรกๆ หลังปิดหีบ และอาจจะเริ่มเห็นคะแนนของประธานาธิบดี Trump ตีตื้นขึ้นมา ก่อนที่จะเห็นคะแนนของนาย Biden เพิ่มขึ้นตามการทยอยนับคะแนนในรัฐ swing states อื่น ๆ

Source: BOTSS
TRADE RIDER

อรุณสวัสดิ์ค่าาาา..แอดมินและทุกท่าน.. **Hea** **Hea** **Hea**
ไม่รู้จะรีบร้อนไปไหน..ทอง New low แต่มืดเลย..เสียดายตื่นไม่ทันตลาดเปิด.. xc8* xc8*
อดทน ใจเย็น รอเป็น เห็นกำไร
" อยากให้พอร์ตใหญ่ ใจต้องนิ่ง.."

*

admin

  • 84,261
อ้างจาก: Lil Mayfly ที่ 26, ตุลาคม  2020, 05:59:04 AM
อรุณสวัสดิ์ค่าาาา..แอดมินและทุกท่าน.. **Hea** **Hea** **Hea**
ไม่รู้จะรีบร้อนไปไหน..ทอง New low แต่มืดเลย..เสียดายตื่นไม่ทันตลาดเปิด.. xc8* xc8*
สวัสดี ครับผม

มาไวเคลมไวจริงๆ
))/* g*/- ))/*
"เอาชนะใจตัวเองให้ได้ ก่อนที่จะไปเอาชนะตลาด"

 

XM Global Limited