ขึ้นมาเยอะละ
ต้องถึงเวลาลงแล้วหล่ะ
ไป tp2 วันนี้เลยยยย

ตามเคย..GU ไปก่อนละนะ..EU ลีลาจัดยัง ยังไม่ไปอีก..

Stop loss อย่างไวเลย ฮะ วันนี้

อ้างจาก: admin ที่ 19, ตุลาคม  2020, 06:33:37 PM
Stop loss อย่างไวเลย ฮะ วันนี้

เศร้าา แต่ก็ขึ้นมาเยอะแล้วนะคะแอด
Sell ช่วงไหนได้อีกบ้างคะ

  น้องจะลงมาได้ไหมคะแอด

อ้างจาก: Saiias ที่ 19, ตุลาคม  2020, 06:57:09 PM

อ้างจาก: admin ที่ 19, ตุลาคม  2020, 06:33:37 PM
Stop loss อย่างไวเลย ฮะ วันนี้

เศร้าา แต่ก็ขึ้นมาเยอะแล้วนะคะแอด
Sell ช่วงไหนได้อีกบ้างคะ

stop loss แล้วลง ได้

ที่ แข็งค่า วันนี้คือ มีข่าว ว่าจะมาคุยกับ เรื่อง brexit อีกรอบเลยเป็นข่าวดี
https://www.forexfactory.com/news/1034393-brexit-uk-eu-agree-next-joint

https://www.forexfactory.com/news/1034370-feds-powell-fed-has-not-made-a-decision

ข่าว Powell 19.00 ไม่มีผลกับตลาดเลย นะครับเป็นการพูดทั่วไป

EU GU ตกลงว่า จะลง หรือจะบินคะนี่ ลงไหวไหมคร๊าาาาา...

อ้างจาก: Lil Mayfly ที่ 19, ตุลาคม  2020, 10:22:33 PM
EU GU ตกลงว่า จะลง หรือจะบินคะนี่ ลงไหวไหมคร๊าาาาา...

ถ้ายังไม่ 1.1835 ก็ยังลงได้ครับ ตรงนั้นแนวต้านสุดท้าย ของขาลงล่ะครับ

(Oct 19) 'ไอเอ็มเอฟ' ส่งเสียงเตือน ระวัง! ตลาดหุ้นปรับตัวรุนแรง : ปรากฏการณ์ที่ตลาดหุ้นสหรัฐปรับตัวขึ้นมาค่อนข้างมาก ท่ามกลางวิกฤตเศรษฐกิจร้ายแรง อันเนื่องจากการระบาดของไวรัสโควิด-19 สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจแท้จริงที่อ่อนแอถึงขั้นติดลบ ทำให้ "โทเบียส เอเดรียน" ผู้อำนวยการฝ่ายตลาดทุนและตลาดเงิน ของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกมาเตือนว่า ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า ตลาดหุ้นอาจปรับตัวลงแรง ถ้าหากวิกฤตไวรัสยังคงอยู่และเศรษฐกิจฟื้นตัวช้ากว่าที่คาด

เอเดรียนชี้ว่า ขณะนี้เกิดความไม่สอดคล้องกันระหว่างตลาดเงิน-ตลาดทุนกับกิจกรรมเศรษฐกิจ กล่าวคือราคาหุ้นของบริษัทจดทะเบียนปรับขึ้นต่อเนื่อง ในขณะที่กิจกรรมเศรษฐกิจอ่อนแอและมีความไม่แน่นอน โดยดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับขึ้นมาราว 8% ตั้งแต่ต้นปีนี้ ส่วนดัชนีแนสแดค ซึ่งเป็นดัชนีหุ้นเทคโนโลยีปรับขึ้นเกิน 30% จะเห็นได้ว่าตลาดหุ้น-ตลาดเงินมีผลประกอบการโดดเด่นมาก ทั้งที่เกิดการระบาดของไวรัส

ผู้อำนวยการตลาดเงิน-ตลาดทุนไอเอ็มเอฟระบุว่า ปัจจุบันสินทรัพย์หลายอย่างรวมทั้งราคาหุ้นบางเซ็กเมนต์มีราคาเกินตัว และท่ามกลางวิกฤตไวรัสเช่นนี้ ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับเศรษฐกิจ การที่ตลาดหุ้นฟื้นตัวก็ต้องยอมรับว่ามีส่วนช่วยรักษาการเติบโตของเศรษฐกิจ และทำให้เศรษฐกิจกลับมาได้ แต่การที่ราคาหุ้น
และสินทรัพย์ยังขยับขึ้นไปเรื่อย ๆ ก็มีความเปราะบางต่อข่าวร้าย เกิดความเสี่ยงที่จะปรับตัวอย่างรุนแรงเมื่อมีข่าวร้ายมากระทบ หรือไม่ก็จะเกิดความผันผวนเป็นระยะ ตราบใดที่นักลงทุนเชื่อว่าตลาดจะยังได้รับประโยชน์จากมาตรการสนับสนุน เศรษฐกิจจากภาครัฐและธนาคารกลาง ราคาสินทรัพย์จะปรับตัวขึ้นต่อไป แต่ถ้ามีข่าวร้าย เช่น การฟื้นตัวของเศรษฐกิจล่าช้ากว่าคาด ตลาดอาจปรับตัวแรงดังกล่าว

ไม่เพียงไอเอ็มเอฟเท่านั้นที่มองเห็นความไม่สอดคล้องกันระหว่างตลาดกับภาวะเศรษฐกิจ แต่ "แกรี่ ชิลลิ่ง" นักวิเคราะห์ที่มีชื่อเสียงในการทำนายการถดถอยของตลาดหุ้น เคยประเมินเอาไว้ก่อนหน้านี้ว่า ตลาดหุ้นปีหน้าอาจปรับตัวลง 30-40% แบบเดียวกับที่เคยเกิดขึ้น

ในทศวรรษ 1930 ซึ่งโลกเกิดภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ ถ้าหากนักลงทุนเริ่มตระหนักว่าเศรษฐกิจจะใช้เวลาในการฟื้นตัวนานกว่าที่คาดไว้ชิลลิ่งบอกว่าประวัติศาสตร์อาจซ้ำรอยได้ เพราะการฟื้นตัวของตลาดหุ้นสหรัฐในครั้งนี้มีลักษณะคล้ายกับเมื่อปี 1929 โดยครั้งนั้นในช่วงแรกหลังเกิดวิกฤต ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปรับลงรุนแรง แต่ไม่นานก็พุ่งขึ้นมาได้ เพราะหวังว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวได้ในเวลาไม่นาน แต่เมื่อนักลงทุนเห็นภาพชัดเจนแล้วว่าเศรษฐกิจมีความเสียหายรุนแรงแค่ไหน ดัชนีก็กลับมาร่วงลงอย่างรุนแรง

วันเดียวกัน "ไอเอ็มเอฟ" ได้แถลงคาดการณ์เศรษฐกิจโลกปรับปรุงใหม่ล่าสุด โดยปรับให้ดีขึ้นจากคาดการณ์เมื่อเดือน มิ.ย.เล็กน้อย จากเดิมที่ประเมินว่าจะติดลบราว -4.9 % ในปีนี้ เป็นติดลบน้อยลงที่ -4.4% เนื่องจากเศรษฐกิจของประเทศพัฒนาแล้ว รวมทั้งจีนในไตรมาส 2 เติบโตดีกว่าคาด และมีสัญญาณฟื้นตัวเร็วขึ้นในไตรมาส 3 ส่วนปีหน้าเศรษฐกิจโลกจะสามารถกลับมาเป็นบวก แต่ไอเอ็มเอฟได้ปรับลดคาดการณ์ลงจากเดิมที่เชื่อว่าจะเติบโตได้ 5.4% ปรับลงเหลือ 5.2% เนื่องจากการฟื้นตัวของทั่วโลกเกิดความไม่สม่ำเสมอและไม่แน่นอน

ไอเอ็มเอฟระบุว่า ปีนี้คาดว่าเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนาจะหดตัว -3.3% แต่บางประเทศ เช่น อินเดีย น่าจะหดตัวเกิน -10% ขณะที่สหรัฐจะติดลบราว -4.3% แต่อังกฤษ ฝรั่งเศส อิตาลี และ
สเปน จะติดลบราว -10% ดังนั้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกจึงไม่มีอะไรรับประกันในขณะที่ไวรัสยังระบาดอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ ไอเอ็มเอฟกระตุ้นให้รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ยังคงใช้นโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจต่อไป เพื่อป้องกันความเหลื่อมล้ำด้านกระจายรายได้ แม้ว่าหนี้สาธารณะจะเพิ่มขึ้น ซึ่งในประเทศพัฒนาแล้ว หนี้สาธารณะจะขึ้นไปแตะ 125% ของจีดีพีภายในปลายปีหน้า ส่วนประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่จะขึ้นไปแตะ 65% ของจีดีพี เหตุที่ไอเอ็มเอฟไม่กังวลเรื่องหนี้สาธารณะมากนัก เป็นเพราะอัตราดอกเบี้ยต่ำมาก และการที่ปีหน้าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวก็จะช่วยให้รัฐบาลจ่ายหนี้ใหม่ได้

คอลัมน์ ชีพจรเศรษฐกิจโลก  โดย นงนุช สิงหเดชะ

Source: ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

(Oct 19) รัฐบาลญี่ปุ่นไม่ร่วมสังฆกรรมสหรัฐ กีดกันบริษัทจีนร่วมทำเครือข่าย5จี : ญี่ปุ่นแจ้งสหรัฐแล้ว จะไม่เข้าร่วมกับแผนการของสหรัฐที่จะไม่ให้บริษัทจีนเข้าร่วมทำเครือข่ายโทรคมนาคม แต่จะยังคงร่วมมือกับสหรัฐในด้านอื่น ๆ ต่อไป ขณะเดียวกันญี่ปุ่นจะมีมาตรการตอบโต้ของตนเองในกรณีที่มีความกังวลเรื่องความมั่นคง
         
หนังสือพิมพ์โยมิอูริ รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาโดยอ้างแหล่งข่าวหลายรายว่า ญี่ปุ่นได้แจ้งแก่สหรัฐแล้วว่ารัฐบาลโตเกียวจะไม่เข้าร่วมกับแผนการของรัฐบาลวอชิงตันที่จะไม่ให้บริษัทจีนร่วมทำเครือข่ายโทรคมนาคม แต่ญี่ปุ่นจะมีมาตรการตอบโต้ของตนเองในกรณีที่มีความกังวลเกี่ยวกับปัญหาความมั่นคง แต่รัฐบาลโตเกียวจะร่วมมือกับสหรัฐต่อไป
         
กระทรวงการต่างประเทศของสหรัฐได้เผยแพร่แผนการที่มีชื่อว่า "เครือข่ายสะอาด" (Clean Network) เมื่อเดือนสิงหาคม ซึ่งได้เรียกร้องไม่ให้บริษัทโทรคมนาคม ผู้ให้บริการคลาวด์ และแอปพลิเคชันมือถือที่มีต้นกำเนิดจากจีน เกี่ยวข้องกับเครือข่ายโทรคมนาคมของประเทศ
         
สหรัฐกำลังกดดันพันธมิตรให้ห้ามบริษัทหัวเหว่ยเข้าไปเกี่ยวข้องกับเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ 5จี ด้วยเหตุผลความมั่นคง
         
โยมิอูริ รายงานว่า ไมค์ พอมเพว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ได้พูดถึงแผนการเรื่อง "เครือข่ายสะอาด" เมื่อได้พบกับโตชิมิตสึ โมเตกิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของญี่ปุ่นที่กรุงโตเกียวเมื่อต้นเดือนนี้
         
ตามรายงานของโยมิอูริ ญี่ปุ่นแจ้งแก่สหรัฐว่ารัฐบาลโตเกียวไม่สามารถเข้าร่วมกรอบการทำงานที่ไม่รวมบางประเทศได้ แต่จะพิจารณาใหม่หากแผนการในขณะนี้ของสหรัฐมีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ
         
คัตสุโนบุ คาโตะ หัวหน้าคณะรัฐมนตรี ซึ่งเป็นโฆษกของรัฐบาลญี่ปุ่น ได้ตอบรายงานของโยมิอูริว่า เขาเข้าใจว่าไม่มีการแลกเปลี่ยนความเห็นเกี่ยวกับแผนการ "เครือข่ายสะอาด" ในระหว่างที่มีการประชุมระหว่างพอมเพวและโมเตกิ แต่สหรัฐได้อธิบายถึงความพยายามโดยรวมเกี่ยวกับความมั่นคงทางไซเบอร์
         
คาโตะ กล่าวว่า ญี่ปุ่นต้องการร่วมมือกับสหรัฐต่อไปในด้านความมั่นคงทางไซเบอร์และญี่ปุ่นจะดำเนินมาตรการเพื่อให้มีความปลอดภัยทางไซเบอร์ ด้วยการดำเนินมาตรการเพื่อลดความเสี่ยงของซัพพลายเชนเมื่อมีการจัดหาอุปกรณ์สื่อสารและข้อมูล
         
ในขณะนี้ ประเทศที่ได้ห้ามบริษัทจีนจัดเตรียมอุปกรณ์เครือข่ายโทรคมนาคม 5จี เพราะมีความกังวลเรื่องความมั่นคงคือ สหรัฐ ออสเตรเลีย ไต้หวัน และเวียดนาม และคาดว่าอังกฤษก็จะห้ามเช่นกันหลังจากที่มีการต่อต้านจากสมาชิกรัฐสภา
         
อย่างไรก็ดี ยังคงมีอีกหลายประเทศที่ยังคงดำเนินงานร่วมกับหัวเหว่ยในฐานะที่เป็นตัวเลือกสำหรับโครงการเครือข่ายไร้สาย 5จี และโครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้อง

Source:  ข่าวหุ้น

ปอนด์ดีดตัวเทียบดอลลาร์,ยูโร ขานรับความหวังอังกฤษ-อียูบรรลุข้อตกลงการค้า

ปอนด์ดีดตัวขึ้นเทียบดอลลาร์และยูโร ขานรับความหวังที่ว่าอังกฤษจะสามารถบรรลุข้อตกลงการค้ากับสหภาพยุโรป (EU)

ณ เวลา 22.10 น.ตามเวลาไทย ปอนด์แข็งค่า 0.61% สู่ระดับ 1.2990 ดอลลาร์ และปรับตัวขึ้น 0.01% สู่ระดับ 0.907 เทียบยูโร



นายมารอส เซฟโควิช รองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป (EC) ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ EU กล่าวว่า EU ยังคงต้องการทำข้อตกลงการค้ากับอังกฤษ

"EU พร้อมที่จะเจรจาจนถึงนาทีสุดท้ายเพื่อประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ซึ่งข้อตกลงนี้จะต้องเป็นธรรมสำหรับทั้ง EU และอังกฤษ โดยเราจะไม่ลงนามในข้อตกลงซึ่งจะทำให้เราเสียเปรียบ" นายเซฟโควิชกล่าว
นายเซฟโควิชกล่าวก่อนหน้านี้ว่า EU จะไม่เป็นฝ่ายที่ยกเลิกการเจรจาการค้ากับอังกฤษ แม้ว่าอังกฤษผลักดันร่างกฎหมาย Internal Market Bill ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภา

ทางด้านนายมิเชล บาร์นิเยร์ หัวหน้าผู้แทนเจรจาการค้าฝ่าย EU จะสนทนาทางโทรศัพท์กับนายเดวิด ฟรอส ผู้แทนเจรจาฝ่ายอังกฤษในวันนี้ เพื่อวางกรอบการเจรจาในรอบต่อไป



ทั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายได้เริ่มเจรจาข้อตกลงการค้าตั้งแต่เดือนมี.ค. หลังจากที่อังกฤษได้แยกตัวออกจากการเป็นสมาชิก EU เมื่อวันที่ 31 ม.ค. โดยหวังที่จะบรรลุข้อตกลงการค้าก่อนที่ช่วงเปลี่ยนผ่านตามสนธิสัญญาการแยกตัวของอังกฤษออกจาก EU (Brexit) จะสิ้นสุดลงในปลายปีนี้ ซึ่งหากทั้งสองฝ่ายไม่สามารถบรรลุข้อตกลง อังกฤษจะออกจาก EU โดยไม่มีการทำข้อตกลง (no-deal Brexit) และจะต้องทำการค้ากับ EU ตามเงื่อนไขขององค์การการค้าโลก (WTO)

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

#ซื้อทอง
#กองทุนทองคำ

รายงานการถือครองทองคำแท่ง ของกองทุน SPDR Gold Share 20 ตุลาคม 2563

🏆🏆 #SPDR อัพเดททองคำแท่ง  💹+0.29ตัน
ทองคำแท่ง รวมในคลัง SPDR 💹+ 1272.85ตัน

เดือนนี้ ตุลาคม  2563 เพิ่มขึ้น 💹+3.96ตัน
ปีนี้ 2563 เพิ่มขึ้น 💹+379.60ตัน

#เครื่องมือช่วยเทรดทองคำ
#ราคาทอง วันนี้ ราคาทองย้อนหลัง กราฟราคาทองคำ คลิกที่ นี่ : : https://bit.ly/2KCAAWV
#อัพเดทการซื้อขายทองคำ ของ SPDR Gold  ที่ลิ้งนี้ : : https://bit.ly/2KE162k

#ทองคำ,#ทองคำแท่ง,#กองทุนทองคำ,#ซื้อทอง,#spdrgoldtrust,#gold,#goldtrust,#goldshare,#ราคาทองคำ

TRADERIDER.COM