อ้างจาก: Saiias ที่ 21, สิงหาคม  2020, 05:54:12 PM

อ้างจาก: admin ที่ 21, สิงหาคม  2020, 05:40:38 PM
ไหล แล้ว ครับตอนนี้

ถ้า sell ต่อ tp ประมาณไหนดีคะแอด

ตามรูปเลย ครับ เข้า Sell แนว 1.1805-1.1815 TP@1.1740 SL 1.1870

แท่ง H4 แท่งใหม่ จ่อ เขียวมาแล้ว..จะขึ้น หรือจะลง เดี๋ยวคงรู้กัน...

อ้าว แป๊บเดียว แดงซะละ แดงก็ลงไป ไป๊....

กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 4,786 ราย ส่งผลให้ขณะนี้ฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 182,365 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตรายใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีจำนวน 59 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 2,940 ราย



ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงที่สุดในอาเซียน โดยมีจำนวน 6,500 ราย และมีผู้ติดเชื้อจำนวน 149,408 ราย

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

กระทรวงสาธารณสุขอินเดียเปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 68,898 ราย ส่งผลให้ขณะนี้อินเดียมีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 2,905,823 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในเอเชีย และสูงเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากสหรัฐและบราซิล

ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขอินเดียเปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตรายใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีจำนวน 983 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 54,849 ราย

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

อ้างจาก: Lil Mayfly ที่ 21, สิงหาคม  2020, 08:25:20 PM
แท่ง H4 แท่งใหม่ จ่อ เขียวมาแล้ว..จะขึ้น หรือจะลง เดี๋ยวคงรู้กัน...

อ้าว แป๊บเดียว แดงซะละ แดงก็ลงไป ไป๊....

ต้องทุบ ครับ จังหวะนี้

อ้างจาก: PoNgPk ที่ 21, สิงหาคม  2020, 08:26:17 PM
กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมามีจำนวน 4,786 ราย ส่งผลให้ขณะนี้ฟิลิปปินส์มีจำนวนผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 182,365 ราย ซึ่งเป็นจำนวนสูงที่สุดในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (อาเซียน)

ขณะเดียวกัน กระทรวงสาธารณสุขฟิลิปปินส์เปิดเผยว่า ผู้เสียชีวิตรายใหม่จากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 มีจำนวน 59 ราย ส่งผลให้จำนวนผู้เสียชีวิตรวม 2,940 ราย



ทั้งนี้ อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สูงที่สุดในอาเซียน โดยมีจำนวน 6,500 ราย และมีผู้ติดเชื้อจำนวน 149,408 ราย

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

นี้คือข่าวแดงของ2.45ไหมครัย

(Aug 21) รายงานการประชุม ECB ในเดือน ก.ค. 2020 รอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของยูโรโซนต่อไปจนถึงการประชุมรอบเดือน ก.ย. ก่อนที่จะทำการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายผ่อนคลายทางการเงิน : 

รายงานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารกลางยุโรป (ECB) รอบวันที่ 15-16 ก.ค. 2020 ระบุว่า คณะกรรมการฯ ต้องการรอดูสถานการณ์ทางเศรษฐกิจของยูโรโซนต่อไปจนถึงการประชุมรอบเดือน ก.ย. ก่อนที่จะทำการตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายผ่อนคลายทางการเงินที่ดำเนินการอยู่ในขณะนี้ เนื่องจากประเมินว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนจากวิกฤตปัญหาการแพร่ระบาดของเชื้อ COVID-19 ยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่มาก ถึงแม้ว่าตัวเศรษฐกิจในระยะหลังจะเริ่มปรับตัวดีขึ้นก็ตาม

นาย Philip Lane - Executive Board member และ Chief Economist ของ ECB กล่าวในการประชุมว่า ขนาดและแนวทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนยังคงไม่ราบรื่นและยังไม่เป็นไปอย่างเต็มรูปแบบ ขณะที่คณะกรรมการฯ ส่วนใหญ่มองว่า หากรอจนถึงการประชุมรอบเดือน ก.ค. จะทำให้คณะกรรมการฯ สามารถวิเคราะห์ถึงแนวทางการดำเนินนโยบายการเงินและพิจารณาเกี่ยวกับเครื่องมือต่างๆ ที่มีอยู่ ได้ดียิ่งขึ้น รวมถึงอาจมีมุมมองต่อแนวโน้มอัตราเงินเฟ้อในระยะปานกลางได้ชัดเจนมากขึ้นด้วย

คณะกรรมการฯ บางท่าน ประเมินว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของยูโรโซนที่เริ่มดีขึ้น อาจทำให้ ECB ไม่จำเป็นต้องเข้าซื้อสินทรัพย์ภายใต้ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) ที่มีขึ้นเพื่อช่วยประคับประคองเศรษฐกิจภายใต้วิกฤตปัญหาโรคระบาดอย่างเต็มวงเงินที่ 1.35 ล้านล้านยูโร โดยระบุว่า วงเงินดังกล่าวควรเป็นเพียง "ceiling" ไม่ใช่ "target" อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการฯ ส่วนใหญ่ยังคงมองว่า ภายใต้สมมติฐานปัจจุบัน ควรดำเนินการตาม PEPP จนครบตามจำนวน

นาย Lane ระบุว่า แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจยูโรโซนที่ยังมีความไม่แน่นอน จะส่งผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนและการลงทุนภาคเอกชน โดยเฉพาะหลังจากอัตราการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสในยุโรปได้กลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง จนทำให้รัฐบาลบางประเทศสมาชิกต้องประกาศมาตรการควบคุมโรคระบาดที่เข้มงวดมากขึ้น ในขณะเดียวกัน อัตราการว่างงานภายในภูมิภาคได้เริ่มปรับสูงขึ้น ถึงแม้ว่ามาตรการที่ออกมาช่วยเหลือตลาดแรงงานของรัฐบาลประเทศต่างๆ จะยังคงอยู่ อีกทั้ง คาดว่า อัตราการว่างงานมีแนวโน้มจะปรับสูงขึ้นอีก ภายหลังรัฐบาลประเทศสมาชิกเริ่มยุติมาตรการช่วยเหลือดังกล่าว

Source: BOTSS

ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวขึ้นในวันนี้ ขานรับการเปิดเผยตัวเลขเศรษฐกิจที่แข็งแกร่งของสหรัฐ

อย่างไรก็ดี ช่วงบวกในตลาดถูกจำกัดจากความกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งระหว่างทำเนียบขาวและสภาคองเกรสเกี่ยวกับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ รวมทั้งข้อพิพาททางการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ณ เวลา 21.18 น.ตามเวลาไทย ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์อยู่ที่ 27,787.57 จุด บวก 47.84 จุด หรือ 0.17%

ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐ ดีดตัวสู่ระดับ 54.7 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 18 เดือน จากระดับ 50.3 ในเดือนก.ค.



ดัชนี PMI อยู่เหนือระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่า ภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะขยายตัว ทั้งภาคการผลิตและบริการ โดยภาคบริการมีการขยายตัวเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยได้ปัจจัยบวกจากการที่รัฐบาลผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ หลังจากมีการปิดเศรษฐกิจก่อนหน้านี้เพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

นอกจากนี้ ดัชนี PMI ยังได้ปัจจัยหนุนจากการดีดตัวขึ้นของการจ้างงานและคำสั่งซื้อใหม่ รวมทั้งความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจ

ส่วนดัชนี PMI ภาคการผลิตเบื้องต้น อยู่ที่ 53.6 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 19 เดือน จากระดับ 50.9 ในเดือนก.ค.

สำหรับดัชนี PMI ภาคบริการเบื้องต้น อยู่ที่ 54.8 ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 17 เดือน จากระดับ 50.0 ในเดือนก.ค.



สมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติของสหรัฐ (NAR) เปิดเผยว่า ยอดขายบ้านมือสองพุ่งขึ้น 24.7% ในเดือนก.ค. ซึ่งเป็นการทะยานขึ้นมากที่สุดนับตั้งแต่ที่มีการรวบรวมข้อมูลในปี 2511

เมื่อเทียบรายปี ยอดขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 8.7% ในเดือนก.ค.

การพุ่งขึ้นของยอดขายบ้านในเดือนก.ค.ได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ในตลาด, สต็อกบ้านที่ลดลง, อัตราดอกเบี้ยจำนองในระดับต่ำ และราคาบ้านที่ดีดตัวขึ้น

ส่วนสต็อกบ้านในตลาดดิ่งลง 21.1% สู่ระดับ 1.5 ล้านยูนิตในเดือนก.ค.

นอกจากนี้ ราคาเฉลี่ยของบ้านเพิ่มขึ้น 8.5% เมื่อเทียบรายปี สู่ระดับ 304,100 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์



นักลงทุนจับตาการประชุมประจำปีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ที่เมืองแจ็กสัน โฮลในวันที่ 27-28 ส.ค. โดยการประชุมดังกล่าวจะปรับรูปแบบเป็นการเสวนาผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ในหัวข้อ "Navigating the Decade Ahead: Implications for Monetary Policy" ซึ่งถือเป็นการปรับรูปแบบการประชุมครั้งแรกในรอบเกือบ 40 ปี เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ที่ผ่านมา การประชุมที่เมืองแจ็กสัน โฮล ถือเป็นการประชุมที่ได้รับความสนใจไปทั่วโลก ขณะที่ไฮไลท์จะอยู่ที่การกล่าวปาฐกถาของประธานเฟดเพื่อแสดงวิสัยทัศน์เกี่ยวกับนโยบายการเงินของเฟด และแนวโน้มเศรษฐกิจสหรัฐ

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ก้องเกียรติ กอวีรกิติ

(Aug 21) หนี้สาธารณะอังกฤษพุ่งแตะ 2 ล้านล้านปอนด์ : สำนักข่าวรอยเตอร์สรายงานการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจของทางการสหราชอาณาจักร ในวันนี้ (21 ส.ค. 2020) พบว่า หนี้สาธารณะของสหราชอาณาจักรพุ่งเกินระดับ 2 ล้านล้านปอนด์เป็นครั้งแรก เนื่องจากการออกมาตรการต่าง ๆ เพื่อรองรับผลกระทบจากการระบาดของโควิด-19

โดยรายงาน ระบุว่า หนี้สาธารณะที่ไม่นับรวมหนี้สินของธนาคารภาครัฐ ได้เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 2.004 ล้านปอนด์ หรือคิดเป็นสัดส่วน 100.5% ต่อจีดีพี ซึ่งเป็นระดับที่สูงกว่าตัวเลขหนี้ประเทศ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งรัฐบาลเผชิญกับค่าใช้จ่ายจำนวนมหาศาลจากการทำสงคราม

ทั้งนี้ นับตั้งแต่เกิดการระบาดของโควิด-19 พบว่าหนี้สาธารณะของประเทศเพิ่มขึ้นกว่า 200,000 ล้านปอนด์ จากมาตรการเยียวยาต่าง ๆ เช่น การอุดหนุนภาคธุรกิจเพื่อพยุงภาวะการจ้างงาน และการลดภาษี เป็นต้น นอกจากนี้ทางการยังคาดการณ์อีกว่าหนี้สาธารณะจะพุ่งขึ้นแตะระดับ 2.5 ล้านล้านปอนด์ภายในปี 2023 สืบเนื่องจากภาวะวิกฤตจากโควิด-19 ที่ยังคงส่งผลต่อเศรษฐกิจ

Source: ประชาชาติธุรกกิจออนไลน์

(Aug 22) สหรัฐและอียูบรรลุข้อตกลงลดภาษีบางรายการเป็นครั้งแรกในรอบ 20 ปี : นาย Robert Lighthizer, U.S. Trade Representative และนาย Phil Hogan, EU Trade Commissioner บรรลุข้อตกลงการลดอัตราภาษีบางรายการ ซึ่งนับว่าเป็นครั้งแรกในรอบว่า 20 ปีที่ทั้งสองประเทศสามารถบรรลุข้อตกลงการลดภาษีการค้ากันได้

ตามข้อตกลงร่วมกันดังกล่าว ผู้ส่งออกกุ้ง lobster ของสหรัฐฯ จะได้รับการลดภาษีนำเข้าในการส่งออกไปยังประเทศสมาชิกของสหภาพยุโรป ซึ่งนับว่าเป็นผลดีต่อผู้ส่งออกสหรัฐฯ อย่างมาก หลังจากที่ก่อนหน้านี้คู่แข่งอย่างแคนาดาได้แต้มต่อทางภาษีในตลาดยุโรปมากกว่าจากการที่สหภาพยุโรปและแคนาดาสามารถบรรลุข้อตกลงทางการค้าไปก่อนหน้า

ในช่วงที่ผ่านมา ผู้ส่งออกกุ้ง lobster ของสหรัฐฯ ยังต้องเผชิญอุปสรรคทางการค้าและสูญเสียรายได้จากการส่งออกไปยังประเทศจีนมากขึ้น จากการที่อุตสาหกรรมตกเป็นหนึ่งในเป้าการโจมตีในการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนอีกด้วย โดยแม้ผู้แทนการค้าของทั้งสองประเทศจะชูว่าความสำเร็จในการตกลงการค้าดังกล่าวจะปูทางไปสู่การเจรจาข้อตกลงการค้าอื่นๆ ในอนาคต

แต่นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งก็มองว่าความพยายามในการตกลงลดภาษีในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมีแรงผลักดันมาจากการหาเสียงในช่วงก่อนการเลือกตั้ง เนื่องจากรัฐ Maine ซึ่งเป็นที่ตั้งของผู้ส่งออก lobster หลักนั้นเป็นหนึ่งในรัฐที่ Republican หวังจะชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้

Source: BOTSS

นายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) แสดงความหวังว่า การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะสิ้นสุดลงในเวลาน้อยกว่า 2 ปี

นายแพทย์ทีโดรสกล่าวในการแถลงข่าวที่กรุงเจนีวาเมื่อวันศุกร์ (21 ส.ค.) ว่า "เราหวังว่า จะมีเครื่องมือเพิ่มขึ้นอย่างเช่นวัคซีน ซึ่งผมคิดว่า เราจะสามารถยุติการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ได้เร็วว่าวิกฤตไข้หวัดสเปนในปี 1918 (พ.ศ. 2461) ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายล้านคน และใช้เวลาถึง 2 ปีในการยับยั้งการแพร่ระบาด"



นายแพทย์ทีโดรสเตือนว่า "ประเทศต่างๆ ยังคงจำเป็นต้องควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ต่อไปจนกว่าจะมีวัคซีนและการรักษาที่มีประสิทธิภาพ แต่ก็ไม่มีหลักประกันว่า เราจะมีวัคซีนและการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และถึงแม้ว่าเราจะมีวัคซีน วัคซีนก็จะไม่ได้หยุดการแพร่ระบาดด้วยตัวของมันเอง"

COVID-19: WHO จุดประกายความหวังวิกฤตโควิด-19 จะจบในเวลาไม่ถึง 2 ปี
นายแพทย์ทีโดรสระบุว่า ขณะที่โรคโควิด-19 สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายมากกว่าเมื่อ 100 ปีที่แล้ว เนื่องจากโลกมีการเชื่อมโยงกันมากขึ้นในขณะนี้ แต่ความรู้และเทคโนโลยีที่ทันสมัยทำให้มนุษยชาติมีเครื่องมือที่จะหยุดยั้งการแพร่ระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

เขาย้ำว่า ประเทศต่างๆ ควรดำเนินมาตรการด้านสุขภาพที่มีประสิทธิภาพ และประชาชนจำเป็นต้องปรับการใช้ชีวิตประจำวันเพื่อหลีกเลี่ยงการติดเชื้อ



สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ รายงานข้อมูลล่าสุดว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ทั่วโลกทะลุ 22.84 ล้านรายแล้ว และยอดผู้เสียชีวิตทั่วโลกสูงกว่า 7.97 แสนราย

--อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย กัลยาณี ชีวะพานิช

ติดบาย EU 1.1825 กับบาย GJ 139.25 รอเด้งไปปิดได้มั้ยครับแอด หรือควรคัทลอสดีจะได้ตั้งนาฬิกาปลุกตื่นมาคัท

อ้างจาก: northstar ที่ 22, สิงหาคม  2020, 06:03:15 PM
ติดบาย EU 1.1825 กับบาย GJ 139.25 รอเด้งไปปิดได้มั้ยครับแอด หรือควรคัทลอสดีจะได้ตั้งนาฬิกาปลุกตื่นมาคัท

EU ตอนนี้ตั้ง  Stop loss New Low ครับ ถ้า มาได้อีกครั้ง คือไปจริง
GJ ก็เช่นกัน ถ้า ลงมาอีกรอบก็ต้องยอม ครับ

เครียด มวลน้ำไหลเข้าอ่างเขื่อนสามผา ใกล้ถึงจุดสูงสุดที่จะรองรับได้แล้ว

มวลน้ำหลากเข้าอ่างเก็บน้ำเขื่อนสามผา ใกล้ถึงระดับสูงสุด ขณะที่ตอนนี้ น้ำในอ่างเก็บน้ำสูงกว่าคำเตือนอย่างเป็นทางการมาเกือบ 20 เมตรแล้ว ด้านหน่วยบริหารจัดการเขื่อนเร่งระบายน้ำออกสุดกำลัง

เมื่อ 22 ส.ค.63 สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานความคืบหน้าสถานการณ์น้ำท่วมใหญ่ในจีน โดยเฉพาะในมณฑลเสฉวน ที่กำลังทำให้ชาวจีนวิตกกังวล เพราะเขื่อนสามผากำลังเร่งระบายน้ำ หลังรับมีมวลน้ำมหาศาลไหลเข้าสูงสุดเป็นประวัติการณ์ว่า ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำสามผาขึ้นสูง จนใกล้ถึงระดับสูงสุดที่เขื่อนจะรองรับได้

โดยขณะนี้ ระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำสามผา ได้สูงกว่าระดับคำเตือนของทางการมาเกือบ 20 เมตรแล้ว ในขณะที่ อ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ของเขื่อนสามผา ถูกออกแบบให้สามารถรับน้ำได้ที่ระดับความสูง 175 เมตร

ด้านหน่วยบริหารจัดการเขื่อนสามผากำลังพยายามเร่งระบายน้ำออกจากเขื่อน โดยได้เปิดประตูสปิลเวย์ ทางน้ำล้นทุกบาน เพื่อลดระดับน้ำในอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนไม่ให้สูงเกิดกำหนดและล้นสันเขื่อน

จาก:ไทยรัฐออนไลน์

(Aug 22) 'อเมริกา' ยุคหลังทรัมป์ ยังคงไม่ญาติดีกับ 'จีน' : เปิดบทวิเคราะห์ หากโดนัลด์ ทรัมป์ แพ้การเลือกตั้งให้กับโจ ไบเดน ตัวเต็งจากพรรคเดโมแครต ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐและจีนจะดีขึ้นไหม? พร้อมไขประเด็นเหตุใดถึงมีข่าวคราวถึงการแทรกแซงของจีนในการเลือกตั้งครั้งนี้?

ความปั่นป่วนของสหรัฐในวันนี้ วันที่ผู้ติดเชื้อ COVID-19 กัน 5 ล้านคน ตายไปแล้วหลายแสนคน และพลเมืองหลายกลุ่มชนเกลียดชังกันอย่างหนักเมื่อเกิดคดี George Floyd เป็นปัจจัยสำคัญให้คนมองไปไกลถึงยุค Post Trump กันแล้ว สมกับราคาในโพลล์ที่ประธานาธิบดีจอมอื้อฉาวเป็นรองผู้สมัครของพรรคเดโมแครตห่างขึ้นเรื่อยๆ
หลายชาติที่เคยและกำลังได้รับผลกระทบจากนโยบายของ Donald Trump กำลังเชียร์ให้ Joe Biden ชนะเลือกตั้ง พ.ย.2563 ได้เป็นประธานาธิบดีคนใหม่ รวมทั้งจีน ที่ตอนนี้ทรัมป์ใช้เป็นเป้าเบี่ยงประเด็นความล้มเหลวภายในประเทศเล่นงานอย่างหนัก กระนั้นก็ตามเชื่อได้หรือว่าหากทรัมป์ลงจากอำนาจไปแล้ว ความสัมพันธ์จีนจะดีขึ้น ดูทรงแล้วไม่น่าจะเป็นเช่นนั้น

ยุทธศาสตร์กอบกู้คะแนนนิยมที่กำลังตกต่ำของผู้นำชาติด้วยการหาเรื่องทำศึกกับศัตรูต่างแดนนั้นมิใช่เรื่องใหม่ ผู้นำหลายคนเคยทำ แต่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ตัวแปรสำคัญคือประชาชนและเครื่องมือในการรบ และผลที่ออกมาสามารถชี้ชะตาผู้นำได้ เมื่อปี 2525 รัฐบาลทหารของอาร์เจนตินาที่กำลังโดนชาวบ้านประท้วงขอคืนประชาธิปไตย พวกเขากลับไปปลุกกระแสชาตินิยมทวงคืนหมู่เกาะ Folklands จากอังกฤษ ประชาชนเอาด้วยก็จริง แต่กองทัพอาร์เจนตินาต่อกรกับอังกฤษที่มีแสนยานุภาพสูงกว่าไม่ไหว ผลคือรัฐบาลของประธานาธิบดี Leopoldo Galtieri ต้องล่มและคืนอำนาจให้ประชาชน

ช่วงปีนี้ทรัมป์เล่นงานจีนอย่างหนักโดยไม่อ่อนข้อให้ ผิดวิสัยที่เจรจาต่อรองเล่นล่อเอาเถิดอย่าง 3 ปีก่อน ทั้งขึ้นภาษีจริงจัง แบนบริษัท อายัดทรัพย์ ตัดสิทธิฮ่องกง ส่งเรือเข้าทะเลจีนใต้ เดินเกมผูกพันธมิตร ไม่มีช่องให้จีนเจรจาได้เลย ทุกอย่างรวดเร็วและแรง

ทั้งหมดนี้อาจไม่สามารถทำให้รัฐบาลรีพับลิกันทำคะแนนกลับมาได้ชัยในการเลือกตั้งปลายปี แต่สิ่งหนึ่งที่พวกเขาทำให้ทั้งโลกเห็นคือ สหรัฐเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในประเด็นจีนเป็นอย่างมาก ทรัมป์จะทำไม่สำเร็จเลยถ้าในรัฐสภาซึ่งมีศัตรูของเขาอยู่คัดค้านไม่เอาด้วย ราชการเฉยชาหรือคัดง้าง หรือมิตรประเทศโดยเฉพาะในยุโรปนิ่งเฉย แต่ไม่มีใครอุทธรณ์ให้จีนเลย ประเด็นที่สหรัฐยกมาเล่นงานจีนแต่ละอย่างไม่ว่าจะเป็นเรื่องจารกรรมเทคโนโลยี ละเมิดสิทธิฮ่องกงและอุยกูร์ ดูเหมือนจะได้รับการยอมรับโดยดุษณีในหมู่พันธมิตรของรัฐบาลวอชิงตัน

การรุกของสหรัฐต่อจีนนั้นจะค่อยๆ จางหายไป หลังจากได้รัฐบาลนายไบเดนขึ้นมาครองประเทศอย่างเต็มตัวในปีหน้าจริงหรือ นั่นเป็นประเด็นที่จีนหวังมาก จึงมีข่าวว่าจีนแทรกแซงการเลือกตั้งหวังให้ไบเดนโค่นทรัมป์ให้ได้

ข่าวคราวของปีที่แล้วที่ลูกชายไบเดนทำธุรกิจอยู่กับจีน และอดีตของรัฐบาลเดโมแครตยุค Barack Obama ที่ถึงแม้ให้ความสำคัญต่อการย้ายความสนใจมายังเอเชียด้วยนโยบาย Pivot to Asia ก็ยังเน้นการเจรจามากกว่าการรุกบีบคั้นจริงจังต่อบริษัทจีนแบบนี้ แต่ถ้ามองกันอย่างลึกซึ้งเดโมแครตเปลี่ยนความคิดที่จะให้รอมชอมกับจีนแล้วในปีนี้

ทั้งนี้เพราะท่าทีของจีนเองนั่นล่ะที่รุกโลกอย่างมาก สยายปีกท้าทายคุกคามท้าทายผลประโยชน์ของสหรัฐ ไม่หยุดหย่อนจนอเมริกันชนน้อยใหญ่ ตลอดจนมิตรสหายจำนวนมากไม่พอใจ กลายเป็นยืนข้างทรัมป์โดยปริยาย

การที่อเมริกันชนเชื่อว่าจีนปกป้องการแพร่กระจายไวรัส COVID-19 มาจนถึงการเห็นจีนแทรกแซงฮ่องกงและบีฑาอุยกูร์อย่างหนัก ทำให้กระแสความไม่พอใจของชาวอเมริกันต่อจีนในปีนี้สูงขึ้นมากทุกโพลล์ เดโมแครตจึงต้องเปลี่ยนนโยบายที่ดูเหมือนว่าจะอ่อนกับจีนเกินไป และการเปลี่ยนนโยบายหาเสียงนี้เองที่ทำให้ไบเดนซึ่งคะแนนนิยมเป็นรองทรัมป์กลับขึ้นมาแซงนำในเวลานี้

รากฐานเดิมอเมริกันชนไม่พอใจจีนอยู่แล้ว และอาจชนกับจีน จนจีนไม่สามารถมายืนจนถึงจุดนี้ได้ หากเมื่อ 20 ปีก่อนไม่หันเหความสนใจมุ่งไปทำสงครามปราบปรามผู้ก่อการร้ายคลั่งศาสนาอย่างจริงจัง คนอเมริกันจำนวนมากเชื่อว่าวันนี้ที่จีนผงาดอย่างยิ่งใหญ่ก็เพราะสหรัฐละเลยที่จะปกป้องสิทธิทรัพย์ต่างๆ ปล่อยให้จีนล้วงไปต่อยอดทำลายอเมริกา

ฟากฝ่ายเดโมแครตจับกระแสนี้ได้ในปีนี้ นโยบายหาเสียงของฝ่ายไบเดนจึงไม่มีอ่อนให้จีน พวกเขาเรียกร้องเรื่องสิทธิมนุษยชนชาวอุยกูร์ ขายอาวุธให้ไต้หวัน ด่าการกระทำของจีนในฮ่องกง ทั้งยังหาว่าทรัมป์น่ะยังอ่อนเกินไปในนโยบายกับจีนไม่เหมาะสมมีประสิทธิภาพเพียงพอ มัวแต่เน้นผลประโยชน์การค้ามากกว่าผลประโยชน์ของชาติ ของเดโมแครตสิแน่นอนกว่า สหรัฐจะยิ่งใหญ่มั่นคงจริง ไม่ยอมให้จีนละเมิดผลประโยชน์ของสหรัฐได้อีก

ไบเดนที่กำลังนำในเวลานี้จะชนะหรือไม่นั้นเป็นเรื่องหนึ่ง แต่ฝ่ายรีพับลิกันที่คะแนนเสียงเป็นรองนั้นทะยานโจมตีจีนอย่างเต็มที่แล้ว พร้อมทั้งความร่วมมือจากหลายฝ่าย สิ่งเหล่านี้จะไม่ลดลงหลังการเลือกตั้ง ไม่มีฝ่ายใดจะได้เป็นประธานาธิบดี ผู้ที่จะเปลี่ยนกระแสอเมริกันชนได้ก็คือจีน แต่จีนจะทำได้ขนาดไหน เพราะจีนก็อยู่ในสภาวะสุดล้าเหมือนกัน

จีนต้องทะยานต่อเพื่อไม่ให้ปัญหาในประเทศมาทันกินหางของตัว ขณะที่ประเด็นในซินเจียง ฮ่องกง ทะเลจีนใต้ ก็ล้วนเป็นประเด็นของหน้าตาและอธิปไตยที่จีนก็ถอยไม่ได้เหมือนกัน เห็นอย่างนี้แล้วคงจะทราบว่าโลกปี 2564 จะดุเดือดกว่าปีนี้เสียอีก

โดย เรือรบ เมืองมั่น | คอลัมน์มองมุมใหม่