(Jul 19) สหรัฐเสียชีวิตจากโควิด-19 ทะลุ 140,000 รายแล้ว ขณะ"ทรัมป์"ลั่นไม่บังคับสวมหน้ากากอนามัย: ข้อมูลจากศูนย์วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมเชิงระบบ (CSSE) แห่งมหาวิทยาลัยจอห์น ฮอปกินส์ เผยว่า ยอดผู้เสียชีวิตจากการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ พุ่งทะลุ 140,000 รายแล้ว
ณ เวลา 20.50 น. ตามเวลาท้องถิ่นในวันเสาร์ (07.50 น. ของวันอาทิตย์ตามเวลาไทย) สหรัฐมียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 สะสมอยู่ที่ 140,103 ราย ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อสะสมอยู่ที่ 3,706,927 ราย
รัฐนิวยอร์กยังคงเป็นรัฐที่มีผู้ติดเชื้อและผู้เสียชีวิตมากที่สุดในประเทศ โดยมีจำนวนผู้ติดเชื้อรวม 406,305 ราย เสียชีวิต 32,478 ราย ขณะที่แคลิฟอร์เนีย ฟลอริดา และเท็กซัส ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแพร่ระบาดแห่งใหม่ มีผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 7,802, 4,895 และ 3,927 ราย ตามลำดับ
ขณะที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เปิดเผยในระหว่างการให้สัมภาษณ์กับรายการฟ็อกซ์ นิวส์ ซันเดย์ ว่า เขาจะไม่ออกคำสั่งบังคับให้ประชาชนทั่วประเทศสวมหน้ากากอนามัย โดยให้เหตุผลว่าต้องการให้ประชาชนมีเสรีภาพ
ผมไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวที่ว่าหากทุกคนสวมหน้ากาก ทุกอย่างก็จะหายไป" ปธน.ทรัมป์กล่าว หลังจากที่นายคริส วอลเลซ ผู้ประกาศข่าว ยกข้อมูลจากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (CDC) ที่ระบุว่าสหรัฐจะควบคุมไวรัสได้หากประชาชนทุกคนสวมหน้ากากอนามัย
ทรัมป์กล่าวว่า "ดร. แอนโทนี ฟอชี เคยกล่าวว่าไม่ต้องสวมหน้ากาก นายแพทย์ใหญ่ของเราก็เคยบอกว่าไม่ต้องสวมหน้ากาก ทุกคนบอกว่าไม่ต้องสวมหน้ากาก แต่อยู่ดีๆ ทุกคนก็บอกว่าเราต้องสวมหน้ากากอนามัย และอย่างที่คุณทราบ หน้ากากก็ทำให้เกิดปัญหาได้เช่นกัน แต่ถึงจะพูดอย่างนั้น ผมก็เป็นคนหนึ่งที่เชื่อในการสวมหน้ากากอนามัย ผมคิดว่าหน้ากากนั้นดี"
ที่ผ่านมาทรัมป์ปฏิเสธการสวมหน้ากากอนามัยมาโดยตลอด โดยอ้างว่าตนมีสุขภาพแข็งแรง และได้รับการตรวจโรคโควิด-19 อยู่เป็นประจำ ซึ่งล้วนมีผลออกมาเป็นลบ
อย่างไรก็ดี ทรัมป์ปรากฏกายพร้อมสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะเป็นครั้งแรกขณะเดินทางเยือนศูนย์การแพทย์ทหารแห่งชาติวอลเตอร์ รีด (WRNMMC) ในเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ เมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา
Source: อินโฟเควสท์ แปลและเรียบเรียงโดย ปนัยดา ปัทมโกวิท