(Jun 9)ความเห็นต่างในบราซิล ตัวการขวางแผนฟื้นเศรษฐกิจ : บราซิลที่เว็บไซต์ Worldometer ระบุว่า มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ต้นตอโรคโควิด-19 นับถึงวันที่ 6 มิ.ย. อยู่ที่ 646,006 ราย ถือเป็นยอดผู้ติดเชื้อสูงสุดอันดับ 2 รองจากสหรัฐ และยอดผู้เสียชีวิตของบราซิลอยู่ที่ 35,047 ราย สูงสุดเป็นอันดับ 3 รองจากสหรัฐ และสหราชอาณาจักร แต่สิ่งที่เป็นปัญหาหนักอกของบราซิล นอกจากจะเป็นยอดผู้ติดโรคโควิด-19 แล้ว ยังมีปัญหาความเห็นไม่ลงรอยกันของคนในรัฐบาลกับประธานาธิบดีฌาอีร์ โบลโซนารู ของบราซิล ที่ทำให้การทำงานด้านต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับมือกับการระบาดของโรคโควิด-19 หรือการพลิกฟื้น เศรษฐกิจหยุดนิ่งอยู่กับที่
หลังเกิดการระบาดของโรคโควิด-19 บราซิลประกาศห้ามคนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศจนถึง 22 มิ.ย.แม้ยังไม่มีมาตรการระงับ/ห้ามการเดินทางเข้าออกประเทศ แต่ก็มีการยกเลิกเที่ยวบินระหว่างประเทศไปยังประเทศต่างๆกว่า90% และไม่ปิดการขนส่งสินค้าทั้งทางบก อากาศ และทางทะเล
มาตรการระดับรัฐคือรัฐบาลท้องถิ่นส่วนใหญ่ รวมทั้งเซาเปาโล ริโอเดอจาเนโร และกรุงบราซิเลีย ยังคงมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมโดยยังคงให้มีการปิดโรงเรียน บริษัท ห้างร้าน สถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งเดิมยกเว้น ร้านอาหาร(แต่ให้ลดจำนวนที่นั่งลง 50%) ซูเปอร์มาร์เก็ต ร้านยา และให้เจ้าหน้าที่ของหน่วยงานต่างๆ สามารถทำงานที่บ้าน ยกเว้นหน่วยงานที่จำเป็นต้องให้บริการประชาชน
โดยตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. เริ่มผ่อนคลายมาตรการให้มีการเปิดธุรกิจบางประเภทในพื้นที่เสี่ยงที่ลดลง เช่น ดีพาร์ตเมนต์สโตร์ ชอปปิงมอลล์สามารถเปิดจำหน่ายได้วันละ 4 ชั่วโมง โดยกิจการจะต้องส่งมาตรการดำเนินการป้องกันการติดเชื้อให้เทศบาลพิจารณาอนุมัติก่อนด้วย
ส่วนผลกระทบต่อเศรษฐกิจ สำนักงานสถิติแห่งชาติบราซิล (ไอบีจีอี) แถลงเศรษฐกิจบราซิลไตรมาส 1 ลดลง 1.5% จากไตรมาสก่อน โดยหลายฝ่ายคาดว่า เศรษฐกิจบราซิลในไตรมาส 2 จะติดลบราว 10% ส่วนการผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือน เม.ย.63 ลดลง 18.8% จากเดือน มี.ค.63 โดยอุตสาหกรรมสำคัญที่ลดลง ได้แก่ รถยนต์(-88.5%) เหล็ก(-28.5%) เครื่องจักรและอุปกรณ์(-30.8%) เครื่องดื่ม(-37.6%) สิ่งทอ(-38.6%)
บราซิลส่งออกสินค้าในเดือน พ.ค.63 มูลค่า 17.9 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 4.2% เทียบกับระยะเดียวกันของปี2562 ขณะที่การนำเข้ามูลค่า 13.4 พันล้านดอลลาร์ ลดลง 1.6% สินค้าที่ส่งออกลดลง ได้แก่สินค้าในภาคอุตสาหกรรม ส่วนสินค้าส่งออกที่ได้รับประโยชน์ได้แก่สินค้าเกษตรกรรม ซึ่งได้รับคำสั่งซื้อจากจีนเพิ่มขึ้น แต่มีแรงงานฆ่าสัตว์ในรัฐริโอ แกรนเด โด ซุลประมาณ 2,400 คน มีการติดโรคโควิด-19 ซึ่งอาจส่งผลให้การผลิตเนื้อสัตว์ลดลง
มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม ประกอบกับการค้าระหว่างประเทศที่ลดลงจากการชะงักงันทางกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั่วโลกส่งผลทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของบราซิลลดลง ทั้งด้านการผลิต การค้า ตลอดจนถึงการขนส่ง โรงงานผลิตสินค้าจำนวนมากต้องปิดลงชั่วคราว ภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนัก ได้แก่ ธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว การค้าและอุตสาหกรรมต่างๆ เช่น อุตสาหกรรมรถยนต์ เป็นต้น
ส่วนภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบไม่มากนัก ได้แก่ ภาคกการเกษตร อาหาร และสินค้าจำเป็นในการครองชีพ
ขณะที่ปัญหาความขัดแย้งระหว่างประธานาธิบดี กับผู้ว่าการรัฐต่างๆนั้น ประธานาธิบดีเห็นว่ามาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมที่รัฐต่างๆนำออกมาใช้ ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจเกิด ความชะงักงัน ในขณะที่ผู้ว่าการรัฐ ส่วนใหญ่ ยืนยันการใช้มาตรการรักษาระยะห่างทางสังคมเป็นเรื่องดี ควรดำเนินต่อไป
ด้านสำนักงานส่งเสริมการค้าใน ต่างประเทศ นครเซาเปาโล คาดว่า เศรษฐกิจของบราซิลจะยังคงชะงักงันต่อไปอีกหลายเดือน ทั้งดีมานต์และซัพพลายในตลาด รวมทั้งระบบโลจิสติกส์ต่างๆลดลงอย่างมาก ซึ่งขณะนี้ส่งผลกระทบต่อการขยายตัวทางเศรษฐกิจการค้าการลงทุนเป็นอย่างมาก
นอกจากจะมีความเห็นไม่ลงรอยกันในรัฐบาลบราซิลแล้ว ประธานาธิบดี โบลโซนารู ของบราซิล ยังมีความขัดแย้งกับองค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ)และประกาศเมื่อวันศุกร์ (5 มิ.ย.) ว่า จะถอนบราซิลออกจากการเป็นสมาชิกของดับเบิลยูเอชโอ หลังจากที่ ดับเบิลยูเอชโอเตือนรัฐบาลประเทศต่างๆ เกี่ยวกับความเสี่ยงในการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ก่อนที่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะชะลอตัวลง
โ
บลโซนารู บอกว่า บราซิลจะพิจารณา ถอนตัวออกจากดับเบิลยูเอชโอ นอกเสีย จากว่า ดับเบิลยูเอชโอจะยุติการเป็นองค์กรทางการเมือง
ขณะที่สื่อสิ่งพิมพ์ชั้นนำของบราซิล รายงานว่า เพียงแค่ 100 วัน นับตั้งแต่ โบลโซนารูระบุว่า โรคโควิด-19 เป็นเพียงแค่ไข้หวัดเล็กน้อยนั้นโรคโควิด-19 ก็คร่าชีวิตชาวบราซิลไปแล้วนาทีละ หนึ่งคน
มาร์กาเร็ต แฮร์ริส โฆษกของ ดับเบิลยูเอชโอ กล่าวว่า กฎเกณฑ์ที่สำคัญในการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ก็คือจำนวนผู้ติดโรคโควิด-19 จะต้องลดลง แต่บราซิลพยายามที่จะยกเลิกมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคม แม้ยอดผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตรายวันพุ่งขึ้นตลอด
การที่โบลโซนารูเพิกเฉยกับ ความเสี่ยงด้านสาธารณสุขจากการแพร่ ระบาดของโรคโควิด-19 และความพยายามที่จะยกเลิกมาตรการกักกันของรัฐ ทำให้เขาถูกวิพากษ์วิจารณ์ในวงการการเมืองบราซิล ซึ่งบางคน กล่าวหาว่า เขาใช้วิกฤตินี้เพื่อบ่อนทำลายสถาบันประชาธิปไตยของประเทศ
แต่ท่ามกลางข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดี โดยสำนักงานเฝ้าระวังสุขภาพแห่งชาติของบราซิล (Anvisa) ระบุว่า รัฐบาลบราซิลอนุญาตให้ทดสอบวัคซีนต้านโรคโควิด-19 ในประเทศ ซึ่งวัคซีน ดังกล่าวพัฒนาโดยมหาวิทยาลัย ออกซฟอร์ด
Anvisa ระบุว่า วัคซีนตัวนี้เป็นหนึ่งในวัคซีนนำร่องสำหรับต่อสู้กับโรคโควิด-19 ซึ่งบราซิลจะเป็นประเทศแรกนอกสหราชอาณาจักรที่มีการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนตัวนี้และการศึกษาประสิทธิภาพของวัคซีนได้รับการสนับสนุนจากกระทรวงสาธารณสุขบราซิล โดยจะดำเนินการทดสอบในกลุ่มอาสาสมัครที่ยังไม่เคยติดเชื้อโรคโควิด-19 มาก่อน ภายใต้การกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุขและสถาบันวิจัยหลายแห่งของบราซิล
วัคซีนนี้ ผ่านการทดลองและใช้ได้ผลกับลิงในห้องวิจัย ขณะนี้ อยู่ระหว่างดำเนินการทดสอบกับ อาสาสมัคร 10,000 คนในสหราชอาณาจักร และเพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพของวัคซีน นักวิทยาศาสตร์ได้ตัดสินใจขยายวงทดสอบไปในบราซิล ซึ่งมียอดผู้ติดโรคโควิด-19 มากเป็นอันดับสองของโลก รองจากสหรัฐ
Source: กรุงเทพธุรกกิจออนไลน์