บทสรุป 5 ข้อเกี่ยวกับภาวะการลงทุนในวันจันทร์ที่ 13 เมษายนมีดังต่อไปนี้
ราคาน้ำมันไม่ได้รับแรงกระตุ้นใด ๆ จากการลดกำลังการผลิตน้ำมัน
ตลาดน้ำมันมีความผันผวนหลังจากการเห็นชอบข้อตกลงระหว่างกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมันหรือ OPEC และกลุ่มประเทศพันธมิตรนำโดยรัสเซียเพื่อลดกำลังการผลิตลง 9.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) ตั้งแต่เดือนพฤษภาคมถึงเดือนมิถุนายน คิดเป็น 10% ของกำลังการผลิตทั่วโลก
สัญญาซื้อขายน้ำมันดิบล่วงหน้าสหรัฐ WTI ขยับขึ้น 1.1% อยู่ที่ $23.03 ต่อบาร์เรล เมื่อเวลา 06:11 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (10:11 GMT) จากที่ลงไปต่ำสุดถึง $22.05 ต่อบาร์เรล ขณะที่ สัญญาซื้อขายล่วงหน้าน้ำมันเบรนท์ ขยับลง 0.7% อยู่ที่ $31.25 ต่อบาร์เรล
การลดกำลังการผลิตครั้งนี้อาจมากกว่าสถิติที่เคยมีการตกลงกันเมื่อปี 2008 แต่ก็ยังต่ำกว่าระดับอุปสงค์ที่ลดลงราว 30 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนเมษายนตามที่ Goldman Sachs คาดการณ์ไว้
สัญญาซื้อขายดัชนีล่วงหน้าสหรัฐเตรียมเปิดตัวในแดนลบ
ตลาดหุ้นสหรัฐเตรียมเปิดตัวในแดนลบขณะที่ตลาดเตรียมรับมือกับจุดเริ่มต้นของฤดูกาลการรายงานผลประกอบการ
ในเวลา 06:11 น. ตามเวลามาตรฐานตะวันออก (10:11 GMT) {{8873|สัญญาซื้อขายดัชนี Dow Jones 30 ล่วงหน้า}} ลดลง 338 จุดหรือ 1.4% ที่ 23,283 จุด ส่วน สัญญาซื้อขายดัชนี S&P 500 ล่วงหน้า ลดลง 1.3% และ สัญญาซื้อขายล่วงหน้า Nasdaq 100 ลดลง 1.2%
ธนาคารที่ใหญ่ที่สุดหกแห่งในสหรัฐอเมริกา ได้แก่ JPMorgan Chase (NYSE:JPM), Bank of America (NYSE: BAC) และ Goldman Sachs มีกำหนดการรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ โดยกลุ่มธนาคารเหล่านี้มักเป็นข้อบ่งชี้สำคัญถึงภาวะเศรษฐกิจอย่างเป็นวงกว้างเนื่องด้วยจุดยืนของธนาคารในฐานะศูนย์กลางของระบบทางการเงิน
มีรายงานว่ากลุ่ม G20 เตรียมเสนอแผนพักชำระหนี้
Financial Times รายงานในวันนี้ว่า กลุ่มประเทศ G20 กำลังวางแผนที่จะเสนอแผนพักการชำระหนี้ภาครัฐให้แก่ประเทศต่าง ๆ ที่ยากจนและเป็นหนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการเพื่อช่วยป้องกันวิกฤตทางการเงินในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
แผนการดังกล่าวมีกำหนดการสรุปการประชุมในปลายสัปดาห์นี้ และจะพิจารณาการพักการชำระหนี้ภาครัฐเป็นเวลาหกถึงเก้าเดือน หรืออาจยาวนานจนถึงปี 2021
ความคืบหน้าดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) และธนาคารโลกได้ยื่นอุทธรณ์เมื่อเดือนที่แล้วเพื่อเสนอให้มีการพิจารณาแผนการให้ความช่วยเหลือด้านหนี้สินอย่างเร่งด่วนสำหรับประเทศที่ยากจน เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาหนี้สาธารณะในกลุ่มประเทศเศรษฐกิจเกิดใหม่
"หนทางยังอีกยาวไกล" สำหรับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ
นายนีล คัชคารี ประธานเฟดประจำมินนิอาโปลีสได้กล่าวไว้ว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐจะเป็น "หนทางที่ยาวไกลและยากลำบาก" และเศรษฐกิจบางภาคส่วนของสหรัฐจะต้องปิดตัวลงและเริ่มใหม่เป็นระยะ ๆ
นายคัชคารีกล่าวไว้เมื่อวานนี้ว่า "เราอาจต้องรับมือกับการระบาดแล้วควบคุมได้ แล้วระบาดอีกครั้งและอยู่ในการควบคุมอีกครั้ง เป็นระลอก ๆ เช่นนี้ต่อไปจนกว่าจะมีการพบวิธีการรักษาหรือวัคซีน"
ความคิดเห็นของนายคัชคารีตามมาหลังจากที่ประธานาธิบดีสหรัฐ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ส่งสัญญาณเร่งเร้าให้มีการกลับมาเปิดเศรษฐกิจสหรัฐโดยเร็วที่สุด
ทว่าผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขได้ออกมาเตือนว่ายอดผู้เสียชีวิตในสหรัฐอาจพุ่งขึ้นสูงสุดถึง 200,000 รายในช่วงฤดูร้อน จากเมื่อวานนี้ 21,300 รายหากมีการยกเลิกคำสั่งกักตัวประชาชนซึ่งรัฐบาลได้วางกำหนดการไว้ในสิ้นเดือนนี้
ความคืบหน้าเกี่ยวกับไวรัสโคโรนา
สหรัฐอเมริกา อิตาลี และฝรั่งเศสต่างก็มียอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ที่ลดลงภายในระยะ 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา โดยอิตาลีซึ่งมีอัตราการระบาดสูงสุดในยุโรปก็ได้รายงานยอดผู้เสียชีวิตที่ต่ำสุดในระยะเวลานานกว่าสามสัปดาห์
ยอดผู้ติดเชื้อที่ได้รับการยืนยันในสหรัฐอเมริกาได้พุ่งขึ้นสูงกว่า 555,000 รายในวันนี้ ถือเป็นตัวเลขที่สูงกว่าประเทศอื่น ๆ และยังมียอดผู้เสียชีวิตมากถึง 22,064 ราย โดยจำนวนผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่มาจากรัฐนิวยอร์ก
ทั้งนี้เกาหลีใต้ก็ได้วางแผนที่จะส่งชุดอุปกรณ์เพื่อทำการทดสอบการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ได้มากถึง 600,000 ครั้งไปยังสหรัฐอเมริกาในวันพรุ่งนี้
--เนื้อหาข่าวได้รับการสนับสนุนจากสำนักข่าวรอยเตอร์
เขียนโดย:
Investing.com
