ผู้บริโภคชาวจีนมีการใช้จ่ายที่ลดลงสำหรับสิ่งของจำเป็นในชีวิตประจำวันที่เป็นแบรนด์จากต่างประเทศระหว่างช่วงภาวะวิกฤตของ COVID-19 ในขณะที่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในเมืองเล็ก ๆ กลับมีความเต็มใจในการใช้จ่ายสูงกว่าประชากรในเมืองใหญ่
ข้อมูลดังกล่าวเป็นรายงานที่ถูกนำเสนอโดยบริษัทที่ปรึกษา Bain & Company และบริษัทวิเคราะห์ข้อมูล Kantar Worldpanel ที่สะท้อนให้เห็นถึงอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจที่เริ่มมีการชะลอตัวให้เห็นก่อนเกิดปัญหาโรคระบาด
เมื่อพิจารณาในหมวดหมู่สินค้าอุปโภคบริโภคจากรายงาน China Shopper Report ที่ทั้ง 2 บริษัทจัดทำขึ้นมาตลอดระยะเวลา 10 ปีก็พบว่า ยอดขายของแบรนด์จากต่างประเทศลดลง 4.1% ในปีก่อน ในขณะที่ราคาเฉลี่ยขยับตัวขึ้น 1%
จึงกลายเป็นผลลัพธ์ที่ชี้ว่า แบรนด์ของต่างประเทศมีมูลค่าลดลง 3.1% โดยเปรียบเทียบกับแบรนด์ภายในประเทศที่มีมูลค่าลดลงเพียง 0.5% และสะท้อนให้เห็นถึงแรงสนับสนุนที่มาจากระบบซัพพลายเชนในท้องถิ่นของจีน
ภาวะวิกฤตของ COVID-19 กลายเป็นตัวขัดขวางระบบซัพพลายเชนทั่วโลก จากมาตรการควบคุมต่าง ๆ ของรัฐบาลที่หยุดยั้งกิจกรรมทางเศรษฐกิจและการเดินทางระหว่างประเทศ ในขณะที่จีนเองก็มีการตั้งข้อจำกัดสำหรับชาวต่างชาติที่จะเดินทางเข้ามาในประเทศ
นอกจากนี้ยังมีปัญหาความขัดแย้งทางการเมือง เช่นกระแสแบนเสื้อผ้าของ H&M ในเดือนมี.ค.จากประเด็นการบังคับใช้แรงงานในเขตซินเจียง ซึ่งรวมถึง Nike และ Adidas ที่ถูกกระแสต่อต้านจากผู้บริโภคชาวจีนด้วยประเด็นเดียวกัน
ในรายงานยังกล่าวถึงสาเหตุที่ทำให้ยอดใช้จ่ายโดยรวมสำหรับสินค้าอุปโภคบริโภคลดลงกว่า 1% ภายในเขตเมืองใหญ่ เช่น ปักกิ่ง ซึ่งตรงกันข้ามกับผลลัพธ์ที่สูงขึ้นในเขตเมืองขนาดเล็กเนื่องจากการขยายตัวของจำนวนประชากรในเขตพื้นที่
จากสภาพปกติที่ผู้คนในเขตชนบทมีการเดินทางที่น้อยกว่า จึงทำให้พวกเขามีผลกระทบจากการระบาดของโรค COVID-19 น้อยลงตามไปด้วย และทำให้ปริมาณการซื้อของครัวเรือนเติบโตขึ้นโดยไม่มีปัญหาการติดขัดจากเชื้อไวรัสมารบกวน
แต่จากการวิเคราะห์รายละเอียดของข้อมูลก็พบว่า หลาย ๆ แบรนด์สามารถค้นหาตลาดใหม่ได้จากพื้นที่ที่ด้อยพัฒนาของจีน ในขณะที่แนวโน้มการช็อปปิ้งออนไลน์ก็ยังสามารถดึงดูดกลุ่มลูกค้าสูงวัยที่อาศัยอยู่นอกเขตเมืองใหญ่
ในรายงานยังกล่าวว่า การปลุกกระแสทางอินเตอร์เน็ตและการไลฟ์ขายสินค้ามีแนวโน้มที่จะสร้างอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่องมาจากปีที่แล้วด้วยยอดรวม 2 ล้านล้านหยวน ($3.13 แสนล้าน) สำหรับมูลค่าสินค้ารวมในปีนี้
อย่างไรก็ตามผู้บริโภคชาวจีนเป็นจำนวนมากยังคงรู้สึกฝืนใจที่จะใช้จ่ายในระดับเดียวกับเมื่อช่วงก่อนเกิดภาวะวิกฤต เมื่อพิจารณาถึงดัชนียอดขายปลีกที่ลดลงในปีก่อน ในขณะที่ปริมาณการใช้จ่ายของผู้บริโภคก็ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เอาไว้ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา
จากการเติบโตที่ซบเซาก็ส่งผลให้รัฐบาลของจีนพยายามกระตุ้นการบริโภคด้วยโปรโมชั่นพิเศษในเดือนพ.ค. ซึ่งทำให้เกิดยอดธุรกรรมที่มีมูลค่ารวม 4.82 ล้านล้านหยวน และถือเป็นอัตราที่พุ่งขึ้น 22.8% จากเมื่อหนึ่งปีก่อนหน้านั้น
References :