รู้หรือไม่ – สถิติราคาสูงสุดตลอดกาลของโลหะเงินอยู่ที่ 49.45 ดอลลาร์ต่อออนซ์เมื่อเดือนม.ค.ปี 1980
ในขณะที่ราคาทองคำยังคงเดินหน้าสร้างสถิติสูงสุดขึ้นมาใหม่อย่างต่อเนื่อง แต่นักวิเคราะห์บางคนกลับเชื่อว่า โลหะเงินมีโอกาสที่จะสร้างอัตราการดีดตัวของราคาแซงหน้าสินทรัพย์ขวัญใจของนักลงทุนในปีนี้ไปได้
จากอัปเดตล่าสุดในวันนี้ โลหะเงินสามารถทะยานขึ้นไปแตะที่ระดับ 27 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2013 ท่ามกลางสถานการณ์ด้านเศรษฐกิจที่เปราะบางทั่วโลก และการอ่อนค่าลงอย่างหนักของสกุลเงินดอลลาร์
ทองคำพึ่งสร้างสถิติปิดวันด้วยราคา 2,021 ดอลลาร์ไปหมาด ๆ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายคนเชื่อว่าเหตุการณ์ระเบิดในกรุงเบรุตที่เลบานอนเมื่อคืนที่ผ่านมา มีส่วนผลักดันให้ราคาทองคำขยับขึ้นไปอยู่เหนือระดับ 2,020 ดอลลาร์ได้สำเร็จ
ราคา Spot Gold ในปีนี้ขยับตัวขึ้นมาแล้วกว่า 32% และยังคงอยู่บนเส้นทางที่จะเป็นปีที่ดีที่สุดนับตั้งแต่ปี 1979 ในขณะที่ราคาโลหะเงินก็ทะยานตามขึ้นมาติด ๆ ด้วยอัตราที่สูงเกินกว่า 30% นับตั้งแต่เมื่อช่วงต้นปี
นักวิเคราะห์จากสถาบันการเงิน Deutsche Bank มองว่าราคาของโลหะเงินมีแนวโน้มที่จะเติบโตขึ้นสูงกว่าทองคำ โดยให้เหตุผลถึงระบบเศรษฐกิจโลกที่จะค่อย ๆ กลับเข้าที่เข้าที่อีกครั้ง และจะเป็นการผลักดันให้ภาคอุตสาหกรรมกลับฟื้นตัวขึ้นมา
ในขณะที่โลหะเงินถูกใช้เป็นส่วนประกอบในด้านอุตสาหกรรมเป็นจำนวนมาก ซึ่งจะก่อให้เกิดปริมาณความต้องการเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในช่วงที่โรงงานต่าง ๆ พยายามจะกลับคืนสู่สภาวะปกติ
เหตุผลดังกล่าวยังสอดคล้องกับสิ่งที่นักวิเคราะห์จาก Citigroup ได้เคยกล่าวไว้ในรายงานของเมื่อเดือนที่แล้วว่า กิจกรรมด้านการผลิตจะเป็นตัวผลักดันให้ราคาโลหะเงินพุ่งสูงกว่าเมื่อเทียบกับราคาทองคำ
นอกจากนี้ Credit Suisse ยังเคยคาดการณ์เอาไว้เมื่อช่วงปลายเดือนก.ค.ว่า โลหะเงินมีแนวโน้มที่จะพุ่งขึ้นสูงกว่าระดับ 35 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากทะลุผ่านระดับ 26 ดอลลาร์ขึ้นมาได้ โดยจะมีเป้าหมายสำคัญถัดไปอยู่ที่ประมาณ 30.7 ดอลลาร์
และในกรณีที่ โจ ไบเดน สามารถคว้าชัยชนะในการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯ ก็จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่มีส่วนผลักดันให้ราคาโลหะเงินสูงขึ้นไปอีก ตามความเห็นของนักวิเคราะห์จาก Citigroup
เนื่องจากภายใต้นโยบายของ ไบเดน มีแผนที่จะสร้างรถไฟชานเมือง, รถประจำทาง และยานพาหนะโดยสารที่เน้นใช้พลังงานจากไฟฟ้าหรือพลังงานปลอดมลพิษ รวมถึงแผนการอัปเกรดอาคารที่อยู่อาศัยและสำนักงานต่าง ๆ ให้ทนทานต่อสภาพภูมิอากาศที่แปรปรวนมากขึ้น
ซึ่งในสถานการณ์ที่เกิดการบูมของงานโครงสร้างพื้นฐาน บ่อยครั้งที่โลหะเงินจะมีราคาสูงขึ้นกว่าพวกกลุ่มโลหะหนักที่มีราคาแพงกว่า ในขณะที่มันยังมีความจำเป็นอย่างยิ่งจากการผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงการเป็นส่วนประกอบทางอิเล็กทรอนิกส์ของระบบเครือข่าย 5G
อย่างไรก็ตาม ทั้งทองคำและเงินต่างก็มีแนวโน้มที่จะราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยนโยบายผ่อนคลายทางการเงินของแต่ละประเทศที่นำออกมาใช้ในการรับมือกับผลกระทบจากโรคระบาด ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ทำให้ราคาทองคำพุ่งสูงขึ้น
โดยปกติแล้วทองคำกับเงินดอลลาร์มักจะมีทิศทางที่สวนกัน และจากการที่ดอลลาร์อ่อนค่าลงอย่างหนักเมื่อเทียบกับสกุลเงินอื่น ๆ ก็ส่งผลให้ราคาทองคำถูกลงในค่าเงินอื่น ๆ จึงทำให้ปริมาณความต้องการเพิ่มมากขึ้นและผลักดันให้ราคาขยับขึ้น
แต่ในขณะที่ราคาทองคำได้ทำลายสถิติสูงสุดดั้งเดิมที่เคยมีไปแล้ว ทางฝั่งโลหะเงินยังมีระยะห่างอีกไกลโขจากสถิติสูงสุดเดิมของตัวเอง นั่นก็อาจจะทำให้หลาย ๆ คนเชื่อว่ายังมีโอกาสอีกมากมายสำหรับการลงทุนไปกับโลหะเงิน
References :