รู้หรือไม่ – การเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯในปีนี้ได้ทำลายสถิติการลงคะแนนเสียงล่วงหน้าไปแล้วกว่า 80 ล้านโหวต
ทุก ๆ ครั้งที่ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯกล่าวถึงผลคะแนนของตนเองที่ตามหลัง โจ ไบเดน คู่แข่งจากพรรคเดโมแครตตามผลรายงานของโพลทุกสำนัก เขาก็มักจะกล่าวตอบโต้ข้อมูลเหล่านั้นอยู่เสมอว่าล้วนเป็นข่าวเท็จ
เพราะหากผลโพลถูกต้องทุกครั้ง เหตุใดเขาจึงยังได้ครองตำแหน่งผู้นำของประเทศแทนที่จะเป็น ฮิลลารี คลินตัน หลังจากที่อดีตตัวแทนชิงตำแหน่งปธน.จากพรรคเดโมแครตก็มีคะแนนนำหน้าเขาจากผลสำรวจทั่วประเทศในปี 2016 เช่นกัน
จีงไม่ใช่เรื่องแปลกหาก ทรัมป์ จะคิดว่าสุดท้ายแล้วเขาจะยังได้ครองบัลลังก์ในทำเนียบขาวต่ออีกสมัย อย่างไรก็ตามผู้เชี่ยวชาญด้านการทำสำรวจก็ได้กล่าวไว้ว่า มีเหตุผลดี ๆ หลายข้อที่จะทำให้โพลของปีนี้มีความน่าเชื่อถือกว่าเมื่อปี 2016
จากการพลิกกลับมาเป็นฝ่ายคว้าชัยชนะของ ทรัมป์ เมื่อ 4 ปีก่อน ก็ทำให้นักสำรวจความเห็นประชาชนปรับเปลี่ยนวิธีการการสำรวจในสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงการแบ่งกลุ่มประชากรศาสตร์ให้ดีขึ้น เพื่อหลีกเลี่ยงการได้รับข้อมูลเฉพาะจากกองเชียร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
จากการศึกษาที่ผ่านมาทำให้พบว่า กลุ่มคนขาวที่มีการศึกษาไม่เกินระดับไฮสคูลมักโอนเอียงไปทางฝ่ายรีพับลิกัน จึงให้โพลต่าง ๆ ซึ่งร่วมถึง Reuters/Ipsos ใช้วิธีถ่วงน้ำหนักเรื่องการศึกษาลงไปในผลสำรวจปีนี้
และนั่นก็หมายถึงหากผลสำรวจทำการรวบรวมข้อมูลจากกลุ่มคนขาวที่การศึกษาไม่สูงได้น้อยลง ก็จะทำให้ผลสำรวจของข้อมูลชุดนั้นมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นโดยอัตโนมัติ
เหตุผลสำคัญต่อมาก็น่าจะเป็นเรื่องที่ชาวอเมริกันเป็นจำนวนมากติดปัญหาในการตัดสินใจ เมื่อทั้ง ทรัมป์ และ คลินตัน ต่างไม่ได้รับความนิยมเท่าไรนักในเวลานั้น จนมีรายงานที่ชี้ว่าผู้มีสิทธิโหวตราว 20% ยังไม่ฟันธงว่าจะเลือกใครจนกระทั่งสัปดาห์สุดท้ายก่อนการเลือกตั้งในปี 2016
นั่นยังอธิบายได้ถึงความไม่แน่นอนและความผันผวนที่เกิดขึ้นกับทิศทางการเมืองของสหรัฐฯเมื่อ 4 ปีก่อน จากตัวเลขของผู้ที่คาดว่าจะสนับสนุน คลินตัน จำนวนหนึ่งกลับหายวับไปกับตาก่อนการเลือกตั้งไม่นาน หลังจากที่พวกเขาตัดสินใจได้ว่าจะเลือกตัวแทนจากอีกฝ่าย
หากแต่ในปีนี้จำนวนผู้มีสิทธิโหวตที่ยังไม่ได้ตัดสินใจกลับมีอยู่ไม่มากนัก โดยผลสำรวจล่าสุดของ Reuters/Ipsos ระบุว่า ชาวอเมริกันที่ยังไม่ตัดสินใจว่าจะเลือกใครมีอยู่ไม่ถึง 7% หรือน้อยกว่าครึ่งหนึ่งของตัวเลขเมื่อ 4 ปีก่อน
และจากผลลัพธ์ล่าสุดในโพลยังแสดงให้เห็นถึงเสียงสนับสนุนของ ไบเดน ที่ 52% ในขณะที่ ทรัมป์ มีเพียง 42% เพราะฉะนั้นต่อให้ผู้ที่ยังไม่ได้ตัดสินใจทั้งหมดหันไปเทคะแนนให้ ทรัมป์ ก็ยังไม่น่าจะเพียงพอต่อการทำคะแนนป๊อปปูลาร์โหวตแซงหน้า ไบเดน
นอกจากนี้หลาย ๆ องค์กรยังลงทุนด้านทรัพยากรมากมายไปกับโพลของรัฐโดยเฉพาะภายในพื้นที่ที่มีการแข่งขันกันสูง เช่น Reuters ที่จัดทำ 36 โพลภายใน 6 รัฐสมรภูมิเดือดตั้งแต่วันที่ 7 ก.ย.เป็นต้นมา
แม้การมีโพลเป็นจำนวนมากจะไม่ได้หมายถึงความแม่นยำที่เพิ่มขึ้นเสมอไป แต่มันก็ช่วยทำให้ผู้สำรวจสามารถวิเคราะห์ข้อมูลได้ในช่วงเวลาที่ยาวนานขึ้น และเพิ่มโอกาสให้พวกเขาได้มองเห็นความขัดแย้งต่าง ๆ ภายในชุดข้อมูล
จนถึงขณะนี้โพลของ Reuters/Ipsos ได้ชี้ให้เห็นถึงการแข่งขันที่คู่คี่สูสีกันภายในรัฐแอริโซนา, ฟลอริดา และนอร์ทแคโรไลนา ในขณะที่ ไบเดน ยังรักษาความได้เปรียบอยู่ในรัฐวิสคอนซิน, เพนซิลเวเนีย และมิชิแกน
สุดท้ายแล้วมันอาจจะต้องใช้เวลานานหลายวันหรือหลายสัปดาห์เพื่อที่จะนับคะแนนโหวตทั้งหมด เพื่อที่จะตัดสินว่าเทพีแห่งชัยชนะจะยืนอยู่เคียงข้างใคร
References :