เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจมากทีเดียว สำหรับด้านเศรษฐกิจของประเทศไทยและทั่วโลก หลังจากเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันอย่างการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา ที่ทำเอาพิษเศรษฐกิจตกต่ำไปตามๆ กัน ซึ่งในบทความนี้เราจะพาไปดูกันว่าเศรษฐกิจไทยจะเดินหน้าต่อไปได้อย่างไร และนักลงทุนไทยจำเป็นต้องรู้อะไรในเดือนกันยายนนี้บ้าง
1. กันยายน เดือนแห่งความหวังของวัคซีนโควิด 19
ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวดีในเดือนกันยายน ที่เรียกได้ว่าเป็นเดือนแห่งความหวัง เนื่องจากมีการรอผลการทดลองการใช้วัคซีนโควิด -19 ในหลายประเทศใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ รัสเซีย และจีน ที่ช่วยให้ผู้คนมีจำนวนการป่วยจากเชื้อดังกล่าวได้น้อยลง อีกทั้งแนวโน้มของเศรษฐกิจในปีนี้ในช่วงเดือนหลัง ยังมีแนวโน้มที่จะค่อย ๆ ดีขึ้นไปได้อีกด้วย ซึ่งในภาพรวมการลงทุนในเดือนกันยายน 2563 นักลงทุนส่วนใหญ่มองเห็นโอกาสในการฟื้นตัวที่ดีขึ้น ทั้งในเรื่องของผลประกอบการที่มีการปรับลดค่า EPS กำไรสุทธิต่อหุ้นให้ลดลง เทียบเท่ากับ 51.61 บาท เทียบกับ 1Q63 ที่เท่ากับ 119.7 และเทียบกับ 2Q62 ที่ระดับ 98.82 บาท ซึ่งในหลาย ๆ บริษัทในหลาย ๆ ประเทศก็ทำการคิดค้นวัคซีนเพิ่มขึ้นมาเป็นจำนวนมาก ก็ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่จะมีผลบังคับใช้ออกมาหลังจากคิดค้นวัคซีนได้ภายในปีนี้
2. เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวดีขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือน กรกฎาคม
ถือเป็นอีกหนึ่งข่าวดีของประเทศที่ที่ล่าสุด ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้มีการอัปเดตถึงสภาวะเศรษฐกิจประจำเดือน กรกฎาคมที่ค่อย ๆ ขับเคลื่อนตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น โดยหน่วยงานและองค์กรณ์ต่าง ๆ มีสัญญาณการขับเคลื่อนที่ดีขึ้นไปตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นทั้งส่วนของภาครัฐและเอกชน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม การขับเคลื่อนตัวของการท่องเที่ยวก็ยังคงไม่ได้ดีขึ้นมากอย่างที่ควรจะเป็น แม้ว่าทางภาครัฐจะมีการกระตุ้นการฟื้นตัวของเศรษฐกิจการท่องเที่ยวมาแล้วหลายทาง และมีการคลายล็อกดาวน์ประเทศบางส่วนที่มีมาตั้งแต่ในช่วงเดือนพฤษภาคม การเบิกจ่ายงบประมาณและการดำเนินงานเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้เป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น และการกระตุ้นเศรษฐกิจและการค้าปลีกทั่วโลก ที่ดูเหมือนจะดำเนินไปในทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งคาดคะเนได้จาก การบริโภคภาคเอกชน ที่ปรับตัวเพิ่มได้ดีขึ้นและมีการว่าจ้างงานที่มาก ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้ในการใช้จ่ายท่องเที่ยวและทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายในประเทศได้มากขึ้น รวมไปถึงมูลค่าการส่งออก ที่เติบโตได้ดีขึ้นตามลำดับอีกทั้งยังมีการใช้จ่ายของภาครัฐที่เติบโตได้ดีขึ้นไปตามลำดับอีกด้วย
3. MAJOR CINEPLEX มีโอกาสเติบโตอีกครั้งในปี 2564
บริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ก็เริ่มฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้นจากภาพยนต์ฟอร์มยักษ์ ที่เริ่มมีการเข้าฉายมากขึ้นฟอรม์ใหญ่ที่เริ่มเข้ามาฉายในโรงภาพยนตร์มากขึ้น และมีจำนวนผู้คนที่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น ซึ่งมีผลมากจากการปิดล็อกดาวน์ภายในประเทศ ซึ่งนักลงทุนหลาย ๆ คนรวมถึงทางตัวบริษัทเองก็คาดว่าผลประกอบการจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม จากการเข้ามาชมภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ที่จะเข้าฉายในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ไม่ว่าจะเป็น Tenet ที่เข้าฉายวันที่ 27 ส.ค. Mulan จะเข้าฉายวันที่ 4 ก.ย. และภาพยนตร์อีกหลายเรื่องที่ต่อคิวรอเข้าฉายไม่ว่าจะเป็น The King’s Man, Wonder Woman 1984 , Black window และนอกจากนี้ยังมีภาพยนตร์ฝั่งไทยที่ได้รับความนิยมอีกมากมายที่รอเข้าคิวให้ได้ชมกันไม่ว่าจะเป็น อีเรียมซิ่ง , My Rhythm และภาพยนตร์ต่าง ๆ ของ GDH ที่พร้อมสร้างความบันเทิงให้กับคนดูอีกมากมาย
ทั้งหมดนี้ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเรื่องการลงทุนและการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในช่วงเดือนกันยายนและผลการคาดการณ์ความเป็นไปได้ในช่วงครึ่งปีหลัง ที่มีแนวโน้มว่าจะเติบโตไปในทิศทางที่ดีขึ้นไปอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตามการเดินหน้าของเศรษฐกิจในด้านการท่องเที่ยวก็ยังไม่เป็นไปในทางที่ดีมากนัก เพราะเนื่องด้วยจำนวนนักท่องเที่ยวยังไม่เปิดให้เข้ามาเท่าเดิมและแหล่งนักท่องเที่ยวต่างชาติถือเป็นอีกหนึ่งกลุ่มนักท่องเที่ยวหลักของประเทศไทย
https://th.investing.com/news/economy/article-28067
