ประธานเฟดประจำเซนต์หลุยส์ระบุ การดำเนินการอย่างเข้มงวดในช่วงแรกอาจนำไปสู่การลดอัตราดอกเบี้ยภายในปี 2023
เจมส์ บูลลาร์ด ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯประจำเซนต์หลุยส์กล่าวว่าธนาคารกลางควรดำเนินการอย่างเข้มงวดในช่วงแรกของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเชิงรุกเพื่อดันอัตราดอกเบี้ยเป็น 3.5% ในช่วงสิ้นปีนี้ ซึ่งหากประสบความสำเร็จจะผลักดันอัตราเงินเฟ้อให้ต่ำลงและสามารถทำได้นำไปสู่การผ่อนคลายนโยบายในปี 2023 หรือ 2024
บูลลาร์ดกล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาว่า “ผมว่าเราควรจะไปถึง 3.5% ภายในสิ้นปีนี้ ซึ่งสูงกว่าที่นักกำหนดนโยบายคนอื่นๆคาดการณ์ไว้ ยิ่งเราดำเนินการอย่างเข้มงวดในช่วงแรกได้มาก และยิ่งเราควบคุมเงินเฟ้อให้อยู่ภายใต้การควบคุมได้มากเท่าไร เราก็จะยิ่งอยู่ในสถาณการณ์ที่ดีขึ้นเท่านั้น ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า อาจจะปี 2023 หรือ 2024 เราอาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพราะเราควบคุมอัตราเงินเฟ้อได้”
บูลลาร์ด ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่เฟดที่สนับสนุนนโยบายที่เข้มงวด ย้ำอีกครั้งว่าเขาสนับสนุนแผนของ ประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครึ่งเปอร์เซ็นต์ในการประชุมคณะกรรมการตลาดกลางแห่งสหพันธรัฐในเดือนมิถุนายนและกรกฎาคม ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะลดอัตราเงินเฟ้อที่ ร้อนแรงที่สุดตั้งแต่ทศวรรษ 1980 เมื่อถูกถามเกี่ยวกับการปรับขึ้นอัตราพื้นฐาน 75 จุด บูลลาร์ดกล่าวว่าประเด็นดังกล่าวไม่สามารถตัดออกจากตัวเลือกได้
บูลลาร์ดกล่าวว่า “เราต้องควบคุมอัตราเงินเฟ้อ และผมคิดว่าเรามีแผนที่ดีที่จะทำเช่นนั้น การปรับอัตราดอกเบี้ยห้าสิบคะแนนพื้นฐานเป็นแผนที่ดีสำหรับตอนนี้ และเราต้องใส่ใจกับข้อมูลเกี่ยวกับเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อ ผมไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาที่ชัดเจนในสถานการณ์นี้ได้ แต่เราจะรอดูว่าจะเป็นยังไงต่อไป”
บูลลาร์ดกล่าวว่าการหดตัวลงของตลาดหุ้นสหรัฐฯไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ และเป็นส่วนหนึ่งในการตอบสนองต่ออัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น ตลาดทรุดตัวต่อไปในวันศุกร์และเข้าสู่ภาวะตลาดหมีในช่วงสั้น ๆ ซึ่งโดยทั่วไปหมายถึงการลดลง 20% โดยดัชนี Nasdaq ซึ่งส่วนใหญ่เป็นหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี ปิดตัวลดลง 29% ในปีนี้
บูลลาร์ดกล่าวว่า “มีการปรับราคาใหม่มากมายในตลาด การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของเฟดมีผลต่อสินทรัพย์ทั้งหมด ซึ่งมีมูลค่าหลายล้านล้านดอลลาร์ทั่วโลก ซึ่งจะต้องถูกปรับราคาใหม่”
บูลลาร์ดยังกล่าวว่าแนวโน้มที่จะเกิดภาวะถดถอยอยู่ในระดับต่ำ เศรษฐกิจโดยรวมมีแนวโน้มที่จะเดินหน้าต่อไป โดยการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศอาจอยู่ที่ 2.5% ถึง 3% และอัตราการว่างงานอาจลดลงต่ำกว่า 3% ภายในสิ้นปีนี้ การเติบโตน่าจะได้รับการสนับสนุนจากการบริโภคที่แข็งแกร่ง เนื่องจากชาวอเมริกันเริ่มออกเดินทางและสัมผัสประสบการณ์มากขึ้นหลังการระบาดใหญ่ของไวรัสโคโรนา
Reference:
https://finance.yahoo.com/news/fed-bullard-says-front-loading-182407464.html
