ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ถูกคาดหมายว่าจะเผยคำประกาศครั้งสำคัญ เกี่ยวกับการปรับเปลี่ยนนโยบายทางการเงินภายในคืนวันนี้ ซึ่งจะเป็นการปูทางที่ชัดเจนสำหรับการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเป็นครั้งแรกในปีหน้า
ในแวดวงตลาดการเงินต่างกำลังคาดการณ์ล่วงหน้าว่า Fed จะเร่งปรับลดระดับของโครงการซื้อสินทรัพย์ โดยกระชับกำหนดการเดิมจากเดือนมิ.ย.ให้สิ้นสุดลงภายในเดือนมี.ค. เพื่อเปิดช่องให้ Fed สามารถเริ่มต้นขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้นจากระดับศูนย์
จากผลสำรวจของ Reuters เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจเอกชนคาดหมายถึงการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯที่ระดับเกือบ 4% ในปีหน้า ซึ่งเป็นไปตามความคาดหวังที่ Fed จะเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับปัญหาเงินเฟ้อและเร่งขยับตัวในการยุติโครงการซื้อพันธบัตร
นอกเหนือจากความไม่แน่นอนที่มาจากเชื้อไวรัสสายพันธุ์โอไมครอน อัตราการว่างงานและอัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันก็ยังอยู่ที่ระดับเกินความคาดหมายล่าสุดของ Fed และจะทำให้พวกเขาต้องพยายามไล่ตามไปในทิศทางที่เศรษฐกิจและตลาดกำลังมุ่งหน้าไป
หลายฝ่ายยังเชื่อว่า Fed จะเผยคำทำนายใหม่ที่แสดงถึงโอกาสในการปรับดอกเบี้ย 2-3 ครั้งในปีหน้า และอีก 3-4 ครั้งในปี 2023 ซึ่งก่อนหน้านี้ไม่มีผู้เชี่ยวชาญคนไหนที่มองถึงการปรับอัตราดอกเบี้ยในปี 2022 แม้จะมีเจ้าหน้าที่ของ Fed หลายคนที่คาดหวังเอาไว้อย่างน้อย 1 ครั้ง
หลังการประชุมเป็นเวลา 2 วันที่จะสิ้นสุดลงในช่วงดึกของคืนนี้ Fed น่าจะยังยอมรับถึงเรื่องภาวะเงินเฟ้อว่าไม่ใช่สิ่งที่เกิดเพียงชั่วคราวอย่างที่พวกเขาคาดการณ์ไว้ หลังดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของเดือนพ.ย.ทะยานขึ้น 6.8% และยังมีแนวโน้มที่จะยังทรงตัวอยู่ในเดือนธ.ค.
หัวหน้าฝ่ายจากบริษัทจัดการลงทุน BlackRock ให้ความเห็นว่า การปิดจบโครงการซื้อพันธบัตรให้เร็วขึ้นเป็นการเพิ่มทางเลือกให้กับ Fed ในการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น ซึ่งเขามองว่าไม่ได้เป็นการกระทำที่เร่งรีบเกินไป
เขากล่าวต่อไปว่าจะมีการพิจารณาข้อมูลเพื่อดูช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเริ่มต้น ในขณะที่ Fed ยังสามารถทำความเข้าใจได้มากขึ้นเกี่ยวกับสถานะที่ยืดเยื้อของอัตราเงินเฟ้อ และดูว่าเชื้อไวรัสจะยังคงเป็นความเสี่ยงสำหรับเศรษฐกิจโลกต่อไปในปีหน้าหรือไม่
ในขณะเดียวกันก็มีความคาดหวังว่า Fed จะหันมาแสดงท่าทีในแบบสายเหยี่ยว แต่ เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed อาจจะสงวนคำพูดมากขึ้นในการแถลงการณ์คืนนี้ที่มีกำหนดการเริ่มต้นในเวลาตี 2 ครึ่ง
นักเศรษฐศาสตร์จากบริษัทจัดการลงทุน Dreyfus & Mellon มองว่า การให้เหตุผลเรื่องการเร่งตัดจบโครงการซื้อสิทนทรัพย์จะเป็นไปอย่างกระชับ โดย พาวเวลล์ น่าจะย้ำถึงสถานการณ์ของอัตราเงินเฟ้อและให้เหตุผลเรื่องที่ Fed ยังค่อนค้างจะต้องระมัดระวังอยู่
ปัจจัยสำคัญที่อยู่นอกเหนือความคาดหมายของตลาดคือการที่ Fed จะกล่าวถึงสถานะงบดุลบัญชี ซึ่งเคยอยู่ที่ $4.1 ล้านล้านในเดือนม.ค.ปี 2020 ก่อนที่ภาวะวิกฤตของ COVID-19 จะทำให้ตัวเลขดังกล่าวพุ่งขึ้นไปถึง $8.7 ล้านล้าน
หัวหน้าฝ่ายจาก BlackRock กล่าวว่า มันจะกลายเป็นเรื่องที่น่าเซอร์ไพรส์มากหาก พาวเวลล์ กล่าวถึงประเด็นนี้ พร้อมกับชี้ว่าทางสถาบันไม่ต้องการรักษาระดับของงบดุลในเวลานี้ ซึ่งเขามองว่า Fed มีแนวโน้มที่จะลดยอดตัวเลขงบดุลหลังการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้น
References :