อุปสรรคของ Cypto – SEC สหรัฐฯ ขวากหนามสำคัญของ Crypto
ตลอดหนึ่งปีที่ผ่านมา ธนาคารกลางสหรัฐฯหรือ FED ได้ดำเนินการใช้นโยบายการเงินแบบเคร่งครัดด้วยการขึ้นดอกเบี้ยมาอย่างต่อเนื่องเป็นปัจจัยหลักที่กดดันราคาสินทรัพย์อื่นๆไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้น ทองคำหรือ Bitcoin
แต่หลังจากที่อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯเริ่มลดลงต่อเนื่องประกอบกับความเสี่ยงในแง่ของสถาบันการเงินภายในประเทศ FED จึงได้เริ่มปรับนโยบายการเงิน เริ่มที่จะเข้าสู่ภาวะผ่อนคลายมากขึ้น ทำให้หุ้นเทคโนโลยีและราคาทองคำปรับตัวขึ้นได้
อย่างไรก็ตาม นายณพวีร์ พุกกะมาน นักลงทุนและผู้ก่อตั้ง Creative Investment Space (CIS) สถาบันให้ความรู้ด้านนวัตกรรมการลงทุนรูปแบบใหม่ ให้ความเห็นว่า ราคา Bitcoin ที่แม้ว่าจะฟื้นตัวขึ้นมาได้ แต่ตลาดคริปโตในภาพรวมยังถือได้ว่าอยู่ในภาวะซึมต่อเนื่อง โดยเฉพาะ Altcoin ที่ยังฟื้นตัวกลับมาได้ไม่เท่ากับ Bitcoin
ปัจจัยสำคัญที่กดดันตลาดคริปโตจึงไม่น่าจะเป็นนโยบายการเงินของ FED แต่น่าจะเป็นนโยบายการกำกับดูแลตลาดคริปโตของ SEC หรือคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ มากกว่า
โดย JP Morgan ได้ออกบทวิเคราะห์ว่าการที่รัฐบาลสหรัฐฯ ยังไม่ได้มีการออกกฎหมายเกี่ยวกับคริปโต ที่มีความชัดเจน โดยเฉพาะการตีความว่าเหรียญใดมีลักษณะคล้ายหลักทรัพย์ ได้ส่งผลต่อสภาพคล่องซื้อขายในตลาดคริปโต และกดดันให้บริษัทด้านคริปโตต้องย้ายออกไปต่างประเทศ ขณะเดียวกันความไม่ชัดเจนในแง่กฎหมายและการกำกับดูแลที่เข้มงวดทำให้นักลงทุนสถาบันเลือกที่จะลงทุนในทองคำมากกว่า Bitcoin
ยังมีข้อมูลสนับสนุนด้วยว่าปริมาณการซื้อขายในตลาด Spot บน Binance ที่เป็น Exchange รายใหญ่ที่สุดในเดือนเมษายนลดลงกว่า 48% ขณะที่ตลาดคริปโตทในภาพรวมมีมูลค่าซื้อขายลดลงประมาณ 40% ซึ่งเป็นระดับที่ต่ำที่สุดเป็นอันดับสองนับตั้งแต่ปี 2021
เช่นเดียวกับจำนวนเหรียญ Stablecoin บนศูนย์ซื้อขายแบบ Centralized Exchange ลดลงสู่ระดับต่ำสุดตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2021 โดยอยู่ที่ 22,060 ล้านดอลลาร์ ซึ่งลดลงมากกว่าครึ่งหนึ่งนับตั้งแต่ทำสถิติสูงสุดที่ 44,000 ล้านดอลล่าร์ในกลางเดือนธันวาคมปี 2022
สาเหตุหลักมาจากความกังวลในด้านกฎหมายที่กำกับ Stablecoin รวมถึงความเชื่อมั่นถึงเสถียรภาพของเหรียญจากวิกฤติธนาคารในสหรัฐฯที่เกิดขึ้น ส่งผลให้จำนวน Stablecoin ถูกผลิตออกมาลดลงจนส่งผลต่อตลาดคริปโตในภาพรวม
สรุปก็คือความเข้มงวดและไม่ชัดเจนของกฎหมายด้านคริปโตของสหรัฐฯเป็นแรงกดดันต่อตลาดคริปโตในภาพรวม เนื่องจากเม็ดเงินลงทุนหลักในตลาดคริปโตตอนนี้ยังอยู่ในฝั่งสหรัฐฯเป็นหลัก เมื่อเกิดความไม่ชัดเจนจึงทำให้นักลงทุนชะลอการลงทุนออกไป และผู้ประกอบการบางรายอย่าง Coinbase ก็มีความคิดที่จะขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่มเติม
ปัจจัยหลักที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนตลาดคริปโตในระยะยาวอย่างการอนุมัติกองทุน ETF ที่เน้นลงทุนในตลาด Spot ของ Bitcoin ก็มีโอกาสสูงที่จะเลื่อนการพิจารณาอนุมัติออกไปซึ่งน่าจะทำให้ตลาดคริปโตยังอยู่ในภาวะซึมต่อไป
การที่ตลาดจะกลับมาคึกคักได้อาจต้องรอจนกฎหมายและการกำกับดูแลของ SEC สหรัฐฯมีความชัดเจนและไม่เข้มงวดมากจนเกินไป น่าจะทำให้เม็ดเงินฟันด์โฟลว์หันมาลงทุนในคริปโตมากขึ้นซึ่ งสอดคล้องกับนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายซึ่งเราอาจได้เห็นการที่ FED จะลดดอกเบี้ยในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ซึ่งจะเป็นการเริ่มต้นขาขึ้นรอบใหม่ของคริปโตใน Bull Run รอบหน้าได้
บทความโดย: Pedro – ณพวีร์ พุกกะมาน