ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) กำลังมองไปถึงการปรับอัตราดอกเบี้ยในสัปดาห์หน้า ซึ่งถือเป็นครั้งที่ 2 ภายในเวลาไม่ถึง 2 เดือน เพื่อถอดถอนโครงการสนับสนุนปัญหา COVID-19 ส่วนใหญ่ หลังอัตราเงินเฟ้อในประเทศพุ่งขึ้นจนกลายเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 30 ปี
อัตราเงินเฟ้อต่างทะยานขึ้นท่ามกลางกลุ่มประเทศที่พัฒนาแล้ว โดยมีแรงผลักดันมาจากราคาพลังงานที่สูงขึ้นและปัญหาติดขัดในระบบซัพพลายเชน แต่เป็น BoE ที่มีการขยับตัวรวดเร็วสุดในบรรดากลุ่มประเทศผู้นำเศรษฐกิจ
นักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่ที่ร่วมตอบแบบสำรวจของ Reuters ในช่วงสัปดาห์ก่อนคาดหวังถึงการปรับอัตราดอกเบี้ยของ BoE ขึ้นจาก 0.25% ไปยัง 0.50% ในวันที่ 3 ก.พ.นี้ ซึ่งจากข้อมูลของเมื่อวานนี้มีการเทน้ำหนักไปถึง 87% สำหรับโอกาสที่จะเกิดขึ้น
ที่ผ่านมา BoE ยังไม่เคยปรับอัตราดอกเบี้ยจากการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินติดกัน 2 ครั้งนับตั้งแต่มิ.ย. 2004 ซึ่งมันอาจส่งผลให้พันธบัตรมูลค่า £8.75 แสนล้านที่ BoE ถือครองอยู่มีมูลค่าลดลง เนื่องจากการลงทุนต่อของสินทรัพย์สิ้นสุดลง
อัตราเงินเฟ้อที่ดีดตัวขึ้นเกินความคาดหมายของ BoE ตลอดในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ถูกมองว่าจะไปถึงจุดพีคที่ระดับเกินกว่า 6% ในเดือนเม.ย. เมื่อราคาควบคุมของพลังงานที่ใช้ในครัวเรือนขยับขึ้นประมาณ 50% หลังการทะยานขึ้นของราคาแก๊สธรรมชาติ
แอนดรูว์ เบลีย์ ผู้ว่าการ BoE ได้กล่าวไว้เมื่อสัปดาห์ก่อนว่า ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้ออาจจะคงอยู่ยาวนานกว่าที่ธนาคารกลางคาดการณ์เอาไว้ในเดือนพ.ย. เนื่องจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครนกำลังส่งผลกระทบต่อราคาฟิวเจอร์สของแก๊ส
เขายังกล่าวถึงเรื่องที่กิจการหลายแห่งกำลังพิจารณาเรื่องการขยับราคาและค่าแรงขึ้นในปีนี้ ด้วยแนวทางที่น่าจะส่งผลต่อการขยับตัวของอัตราเงินเฟ้อให้ลงไปยังเป้าหมายที่ 2% เชื่องช้าลงไปอีกมาก
ทั้งนี้ BoE เตรียมจะเผยแพร่ผลทำนายอัปเดตการเติบโตของเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้อในวันที่ 3 ก.พ. เพื่อขึ้นมาแทนตัวเก่าของเดือนพ.ย.ที่ล้าสมัยไปอย่างรวดเร็ว ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นเกินความคาดหมายและ COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอน
ในเดือนพ.ย. BoE ลดระดับความคาดหวังของตลาดว่าอัตราดอกเบี้ยอาจไปถึงระดับ 1% ในปีนี้ จนกระทั่งล่าสุดอัตราความคาดหวังของเดือนพ.ค.ปีนี้อยู่ที่ 0.75% ซึ่งเป็นระดับเดียวกับช่วงก่อนเกิดวิกฤต COVID-19 และขยับขึ้นไปจนถึง 1.25% ในเดือนพ.ย.
นักเศรษฐศาสตร์ต่างคาดคะเนถึงความเสียหายทางการเงินจากโรคระบาดว่าจะอยู่ในวงจำกัดสำหรับภาคการบริการเป็นส่วนใหญ่ โดยคิดเป็นผลลัพธ์ที่จะเสียหายไปราว 0.5% ของผลผลิตที่เกิดขึ้นในเดือนธ.ค.และม.ค.
ในส่วนของตลาดแรงงานก็มีแนวโน้มที่เข้มแข็งกว่าที่ BoE คาดการณ์ไว้ ด้วยอัตราการว่างงานที่ใกล้กับระดับก่อนเกิดวิกฤต แม้จะมีตัวเลขการจ้างงานที่ยังขาดหายไปราว 600,000 คน เนื่องจากกลุ่มแรงงานสูงวัยบางส่วนเลือกที่จะเกษียณตัวเอง
เมื่อรวมเข้ากับตำแหน่งงานว่างที่สูงขึ้นจนเป็นสถิติก็กำลังเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับแรงกดดันของตลาดแรงงานให้กับ BoE โดยการเปรียบเทียบไปถึงช่วงยุคปี 2010 ที่การเติบโตของค่าแรงเป็นไปอย่างอ่อนแรง แม้ในช่วงที่ราคาน้ำมันพุ่งขึ้นในปี 2011 จนทำให้อัตราเงินเฟ้อสูงกว่า 5%
References :
https://www.reuters.com/world/uk/bank-england-track-second-rate-rise-under-two-months-2022-01-24/