ถือเป็นอีกหนึ่งภาคธุรกิจที่น่าจับตามองในตลาดหุ้นทั่วโลกสำหรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ที่เติบโตอย่างต่อเนื่องหลังเกิดสถานการณ์ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาหรือโควิด 19 ในขณะที่ธุรกิจอื่น ๆ ได้รับผลกระทบกันไปอย่างถ้วนหน้า เมื่อเป็นเช่นนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่จะส่งผลให้นักลงทุนหันมาซื้อหุ้นอีคอมเมิร์ซกันมากขึ้นจนทำให้เกิดภาวะการซื้อมากเกินไปหรือที่เรียกกันว่า Overbought แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาสำหรับนักลงทุนบางกลุ่มที่ไม่ได้สนใจเรื่องการวิเคราะห์มากนัก พวกเขายังคงมองเห็นโอกาสการเติบโตของอีกหนึ่งธุรกิจอีคอมเมิร์ซเจ้าใหญ่ ที่น่าลงทุนด้วยนั่นก็คือ Alibaba เจ้าตลาดอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่จากจีน แต่ก่อนที่จะตัดสินใจลงทุนดังกล่าว เราก็มีข้อมูลสรุปจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ 3 เจ้าดังอย่าง Alibaba Amazon และ Jd.com ที่จะมาเปรียบเทียบให้ได้ชมกันตามกราฟด้านล่างนี้
สรุปข้อมูลเปรียบเทียบจากสามธุรกิจ E-commerce เจ้าดัง
โดยจากข้อมูลในกราฟดังกล่าวจะเห็นได้ว่า หุ้นของ Alibaba ลดลงไปประมาณ 7% ขณะที่หุ้นของ Amazon เพิ่มสูงขึ้นถึง 27% และ JD.com เพิ่มขึ้นอีก 24%
คราวนี้เรามาดูทางด้านรายได้ของสามธุรกิจนี้กันบ้างดีกว่า อย่างที่รู้กันว่า Amazon ได้รับความนิยมมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาขณะที่ Alibabaและ Jd.com เติบโตเป็นอย่างมากในประเทศจีน หากคิดรายได้เฉลี่ยในช่วงสามเดือนจนถึงเดือนธันวาคม รายได้ของ Amazon จะอยู่ที่ 87.4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่รายได้ของ Alibaba อยู่ที่ 23.2 พันล้านเหรียญสหรัฐ และ JD.com อยู่ที่ 24.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งจากการวิเคราะห์ของเว็บไซต์ MarketWatch ได้เผยว่า จากการดูอัตราส่วนของราคาและกำไรการเติบโตภายใน 5 ปีแล้ว จะเห็นได้ว่าอัตราส่วนของ JD.com อยู่ที่ 0.94 ของ Alibaba จะอยู่ที่ 1.22 และAmazon จะอยู่ที่ 2.21 ซึ่งสรุปได้ว่า หุ้นของ Amazon มีราคาแพงเกินไปหากเทียบกับอัตราการเติบโตของธุรกิจ ขณะที่หุ้นของ Alibaba และ JD.com อยู่ในระดับที่สมเหตุสมผล
ในด้านของอัตราส่วนราคาต่อผลกำไรล่วงหน้า ก็ได้มีการคาดการณ์ไว้เช่นกัน โดยของ JD.com คิดเป็น 35.84 ในขณะที่อาลีบาบาจะอยู่ที่ 23.81 และ Amazon จะอยู่ที่ 66.23
ซึ่งจากกราฟข้างต้น ยังแสดงให้เห็นอีกว่า Alibaba ดิ่งลงไปอยู่ในโซนของการซื้อทำให้เป็นโอกาสดีของนักลงทุนที่จะสามารถซื้อหุ้นของAlibaba ได้ในราคาที่ถูกลงไปอีกด้วย
เมื่อไหร่ที่ควรซื้อหุ้นและควรซื้อหุ้นอย่างไรดี
สำหรับใครที่อยากซื้อหุ้นในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ หุ้นของAlibaba ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจ ส่วนเรื่องระยะเวลาที่เหมาะสมในการซื้อนั้นก็ควรจะรอให้หุ้นลงไปอยู่ในโซนซื้อก่อนจะดีกว่า
แม้ว่าหุ้นของ Alibaba จะเป็นอีกหนึ่งหุ้นที่น่าสนใจในการลงทุน ทั้งเรื่องของราคาหุ้น อัตราส่วนราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิหรือ P/E Ratio ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ถึงความคุ้มค่าในการลงทุนในหุ้นนั้น ๆ รวมถึงการตกอยู่ในโซนซื้อ ที่ทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่สามารถซื้อหุ้นที่มีการเติบโตได้สูงในราคาคุณภาพอีกด้วย แต่ก็ยังมีปัจจัยเสี่ยงภายในประเทศจีนที่อาจส่งผลกระทบต่อหุ้นทั้งหมดที่อยู่ในจีนที่นักลงทุนทั้งหลายต้องคำนึงถึง และแน่นอนว่าการจัดสัดส่วนในการลงทุนของหุ้นต่าง ๆ นั้นก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เหล่านักลงทุนทั้งหลายไม่ควรมองข้าม
ที่มา :
