รายได้ของ Apple ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่น่าพึงพอใจ
แม้จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดที่แพร่กระจายไปทั่วโลก ที่ทำให้ร้านค้าปลีกของ Apple ต้องปิดตัวลงชั่วคราว ตามรายงานของBloomberg บริษัท Apple มีรายได้ 58.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว 1% ในช่วงเวลาเดียวกันนี้ อีกทั้งยังได้กำไรต่อหุ้นอีก 2.55 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งถือว่าสูงกว่าการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่คาดเอาไว้ ส่วนหนึ่งก็มาจากการใช้บริการผ่านแอปพลิเคชันต่าง ๆ ของ Apple ไม่ว่าจะเป็น Apple Store, iCloud หรือ Apple Music ที่ทำรายได้พุ่งสูงขึ้นเป็นอันดับต้น ๆ ของApple เลยก็ว่าได้ ขณะที่ยอดขายอุปกรณ์ต่าง ๆ ของApple มีจำนวนลดลง
ด้วยเหตุผลนี้จึงทำให้ Apple หันมาตีตลาดทางด้านบริการของเหล่าอุปกรณ์เหล่านั้นมากขึ้น
ไม่ว่าจะเป็น Apple TV Plus, Apple Arcade, Apple Music และแอปพลิเคชันอื่น ๆ อีกมากมาย เนื่องจากผู้คนส่วนมากจะใช้เวลาอยู่บ้านและทำให้หันมาใช้บริการแอปพลิเคชันเหล่านี้มากขึ้น ส่วนด้านของผลตอบรับก็เป็นไปตามคาดธุรกิจด้านบริการของ Apple ทำรายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ด้วยจำนวน13.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ซึ่งตัวเลขอยู่ที่ 11.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ
Appleยังได้ร่วมมือกับ Google เพื่อสร้างการทำงานร่วมกันระหว่าง Android และ iOS
นอกจากนี้Apple ยังได้ร่วมมือกับ Google เพื่อสร้างการทำงานร่วมกันระหว่าง Android และ iOS ที่จะใช้สำหรับการติดตามข้อมูลผู้ติดเชื้อจากการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา ซึ่งทางผู้พัฒนาแอปพลิเคชันดังกล่าวก็ได้เผยว่าจะสามารถใช้งานระบบได้ในเดือนพฤษภาคมนี้อีกด้วย
แต่ถึงยอดขายในด้านบริการจะดำเนินการไปได้ดีกว่า Apple ก็ยังไม่ล้มเลิกความคิดที่จะปล่อยสินค้าตัวใหม่ออกมา ไม่ว่าจะเป็น MacBook Air และ iPad Pro ที่มาพร้อมMagic Keyboard ที่ช่วยให้ทำงานได้คล่องตัวและมีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังมี iPhone SE รุ่นที่2 ออกมาให้ผู้บริโภคอย่างเราได้หยิบจับเป็นเจ้าของกันอีกด้วย
ส่วนในเรื่องของยอดขายสินค้าตัวใหม่ที่ Apple กำลังจะปล่อยออกมานั้นจะเป็นไปในทิศทางไหน จะดึงยอดขายของAppleให้กลับมาดีเหมือนเดิมได้หรือไม่นั้น ก็เป็นอีกเรื่องที่น่าสนใจที่เราต้องตามดูกันต่อไป
ที่มา: Theverge
รูปภาพ : Istockphoto.com