ท่ามกลางภาวะสงครามและวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในปีที่ผ่าน ทำให้ธนาคารกลางทั่วโลกต่างมีแนวโน้มสำรองทองคำกันมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากเงินสกุลต่างๆ ส่งผลให้ราคาทองพุ่งทำนิวไฮ ไม่อาจคาดเดาได้ว่าจะสิ้นสุดเท่าใด แล้วทำไมทองคำสำรองถือว่ามีความสำคัญมากในฐานะทุนสำรองระหว่างประเทศและประเทศไหนบ้างถือครองทองคำสำรองมากที่ในปี 2023 วันนี้จะพามาชวนกันคุยเรื่องนี้กัน
ยาวไป เลือกอ่านได้เลย
Toggleความสำคัญของทองคำกับเศรษฐกิจทั่วโลก
หากกล่าวถึงความต้องการทองคำโดยรวมของตลาดโลก ถือว่าเป็นสินทรัพย์ 1 ใน 5 เลยทีเดียวที่เป็นความต้องการจากธนาคารกลางทั่วโลก เพราะทองคำที่มีอยู่อย่างจำกัด ทำให้ความต้องการซื้อมากกว่าความต้องขาย (Demand and Supply) บวกกับหลายธุรกิจต่างต้องใช้ทองคำเพื่อขับเคลื่อนไปข้างหน้า ไม่ว่าจะเป็น อัญมณี เทคโนโลยี และอื่นๆ อีกมากมาย ถึงแม้ว่าบางธุรกิจจะมีอัตราส่วนความต้องการทองคำน้อยลงมาบ้างแล้วก็ตาม แต่ทองคำก็ยังถือว่าเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากที่สุดเมื่อความเชื่อมั่นของผู้คนในด้านเงินตราต่างประเทศน้อยลง
ทำไมธนาคารกลางทั่วโลกถึงต้องสะสมทองคำสำรอง
ก่อนอื่นต้องเข้าใจกันก่อนว่าธนาคารกลางของทุกประเทศจะต้องมีทุนสำรองระหว่างประเทศ เพื่อเป็นหลักประกันความเชื่อมั่นให้ประเทศ โดนทุนสำรองนี้จะถูกนำมาใช้ในยามฉุกเฉิน เช่น ชดเชยการขาดดุลการชำระเงินหรือนำไปใช้ในการแทรกแซงค่าเงินในนโยบายอัตราแลกเปลี่ยน
ทำไมต้องมีกองทุนรวมทองคำไว้ในพอร์ต
นอกจากข้อดีของทองคำที่เห็นได้อย่างชัดอย่าง”การเก็งกำไร” แล้ว การมีกองทุนทองคำถือว่าเป็นการ “กระจายความเสี่ยง” ให้กับพอร์ต จะช่วยลดความผันผวนให้กับพอร์ตเพื่อเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ ได้ เนื่องจากทองมีความผันตรงหรือความสัมพันธ์ในทิศทางเดียวกับตลาดหุ้นค่อนข้างน้อยหรือสวนกับราคาตลาดหุ้น จากคำกล่าวที่ว่า “ เมื่อตลาดหุ้นและค่าเงินตรามีความเชื่อมั่นมากขึ้น ถึงแม้ราคาทองคำจะลดลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น” ดังนั้นการมีทองคำไว้ในพอร์ตในสัดส่วนพอดีจะช่วยกระจายความเสี่ยงในพอร์ตที่มีหุ้นได้ ทำให้ผลตอบแทนของพอร์ตมีความเสถียรมากขึ้น ผันผวนน้อยลง ตอบโจทย์การลงทุนในระยะยาว
สาเหตุที่ทองคำมักไม่เคลื่อนที่ตามตลาดหุ้น เพราะทองคำเป็นสินทรัพย์มีมูลค่าในตัวเองอยู่แล้ว รวมถึงการขุดแร่ทองคำทั่วโลกยังมีอย่างจำกัด ความหายากและกรรมวิธีในการสกัดค่อนข้างยุ่งยาก ทำให้ราคาทองคำมีอัตราแนวโน้มค่อนข้างเสถียร ไม่ว่าช่วงเวลาไหนทองก็ยังเป็นโลหะมีค่าที่คนต้องการอยู่เสมอ ทำให้ถูกเรียกว่า สินทรัพย์หลบภัย (Safe Haven)
ทุนสำรองระหว่างประเทศ ประกอบไปด้วย
- ทองคำ
- สิทธิพิเศษถอนเงิน (Special Drawing Rights : SDR)
- สินทรัพย์ที่ต้องส่งสมทบกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF)
- สินทรัพย์ที่เป็นเงินตราต่างประเทศ
ทองคำถูกจัดเป็นสินทรัพย์หนึ่งที่ได้รับคัดเลือกให้อยู่ในทุนสำรองระหว่างประเทศ โดยธนาคารกลางให้เหตุผลดังนี้
1. สร้างจุดสมดุลในเงินสำรองเงินตราต่างประเทศ
โดยธนาคารกลางครอบครองทองคำ เพื่อบริหารความเสี่ยงจากการถือครองสกุลเงินต่าง ๆ โดยการถือครองทองคำทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศมีความเสถียรมากขึ้น โดยเฉพาะช่วงเศรษฐกิจตกต่ำ ภาวะสงครามต่างๆ ถือว่าเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ความเสี่ยงด้านเครดิตหรือความเสี่ยงดานคู่ค้า ทำให้เป็นแหล่งทุนสำรองที่ได้รับความเชื่อในประเทศต่างๆ
2. ป้องกันความเสี่ยงจากเงินสกุลท้องถิ่น
- ทองคำเป็นสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยงด้านเงินสกุลท้องถิ่น เมื่อมูลค่าเงินสกุลท้องถิ่นลดลงในช่วงเกิดภาวะเงิน
3. สร้างความเสถียรในพอร์ตการลงทุน
ราคาทองคำมีความสัมพันธ์ตรงกันข้ามกับเงินดอลลาร์ ซึ่งเป็นสกุลเงินหลักที่ธนาคารโลกมีไว้ในทุนสำรองระหว่างประเทศ เมื่อเงินสกุลดอลล่าร์มีมูลค่าลดลง ส่งผลให้ราคาทองคำสูงขึ้นตามเงินเฟ้อที่เกิดขึ้น ช่วยให้ปกป้องธนาคารกลางเผชิญกับความผันผวนของทุนสำรองระหว่างประเทศได้
เหตุผลใดทำให้ธนาคารกลางเพิ่มหรือลดทองคำสำรอง
ธนาคารกลางแต่ละประเทศมีการกักตุนทองคำสำรองในปริมาณที่แตกต่างกัน ซึ่งการปรับเพิ่มหรือลดทองคำสำรองในแต่ละครั้งนั้น มาจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- สภาวะเศรษฐกิจระดับในประเทศ ภูมิภาค และทั่วโลก
- วิกฤตและความขัดแย้งในประเทศ ภูมิภาค และโลก
- แนวโน้มราคาทองคำ
ตัวอย่างเช่น ในช่วงสิ้นปี 2565 ที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน หลายประเทศทั่วโลกได้เผชิญสู่สภาวะเงินเฟ้อและสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครนมาอย่างต่อเนื่อง ทำให้หลายประเทศมีการปรับเพิ่มอัตราทองคำสำรองในพอร์ต โดยสภาทองคำโลก (WGC) ให้ข้อมูลว่า แบงค์จีนได้แห่ซื้อทองคำสูงถึง 2,010 ตัน แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 2,264 ตัน โดยเพิ่มขึ้นจากปีที่แล้ว ถึง 254 ตัน หรือคิดเป็นสัดส่วนราว 1 ใน 4 ของแบงก์ชาติทั่วโลกที่ซื้อทอง 1,037 ตันในปี 2566
โดยในปี 2567 แม้ว่าราคาจะสูงขึ้นทำสถิติใหม่ All-time high ทุกเดือน แต่แบงค์ชาติจีนก็ยังคงเข้าซื้อทุกเดือน เฉพาะต้นเดือนแรก ก็ซื้อไปประมาณราว 22 ตันแล้ว
10 อันดับประเทศที่มีทองคำสำรองมากที่สุดในโลก 2566
1. สหรัฐฯ
ปริมาณทองคำสำรอง 8,133.46 ตัน เทียบกันอัตราส่วนทุนสำรองทั้งหมด 68.69%
2. เยอรมนี
ปริมาณทองคำสำรอง 3,354.89 ตัน เทียบกันอัตราส่วนทุนสำรองทั้งหมด 68.16%
3. อิตาลี
ปริมาณทองคำสำรอง 2,451.84ตัน เทียบกันอัตราส่วนทุนสำรองทั้งหมด 65.37%
4. ฝรั่งเศส
ปริมาณทองคำสำรอง 2,436.8 ตัน เทียบกันอัตราส่วนทุนสำรองทั้งหมด 66.97%
5. รัสเซีย
ปริมาณทองคำสำรอง 2,326.52 ตัน เทียบกันอัตราส่วนทุนสำรองทั้งหมด 24.90%
6. จีน
ปริมาณทองคำสำรอง 2,068.36 ตัน เทียบกันอัตราส่วนทุนสำรองทั้งหมด 3.90%
7. สวิตเซอร์แลนด์
ปริมาณทองคำสำรอง 1,040.00 ตัน เทียบกันอัตราส่วนทุนสำรองทั้งหมด 6.57%
8. ญี่ปุ่น
ปริมาณทองคำสำรอง 845.97 ตัน เทียบกันอัตราส่วนทุนสำรองทั้งหมด 4.28%
9. อินเดีย
ปริมาณทองคำสำรอง 794.62 ตัน เทียบกันอัตราส่วนทุนสำรองทั้งหมด 8.66%
10. เนเธอร์แลนด์
ปริมาณทองคำสำรอง 612.45ตัน เทียบกันอัตราส่วนทุนสำรองทั้งหมด 57.66%
สำหรับประเทศไทยมีปริมาณการถือครองทองคำสำรองในปริมาณ 244.16 ตัน เมื่อเทียบกันอัตราส่วนทุนสำรองทั้งหมด 6.14% ทำให้อยู่อันดับที่ 22 ของประเทศที่มีทองคำสำรองมากที่สุด และยังสูงที่สุดในประเทศใน ASEAN ด้วย
สรุป
เปลี่ยนแปลงจากปีที่ผ่านมามากนัก ซึ่งการเพิ่มหรือลดปริมาณทองคำสำรองจะส่งผลต่อความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนโดยตรง ตลอดจนคู่ค้าและผู้ใช้เงินสกุลต่างๆ ของประเทศ จะเห็นได้ว่าทองคำสำรองมีความสำคัญต่อเศรษฐกิจทั่วโลกอย่างไร ไม่เพียงช่วยรักษาเสถียรภาพให้เกิดสมดุลเงินตราแล้ว แต่ยังช่วยเป็นสินทรัพย์อุ่นใจเมื่อเกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ ทั่วโลกอีกด้วย เพราะฉนั้นแล้ว ลองเช็คราคาทองย้อนหลัง ก่อนทำการลงทุนทุกครั้ง