Search

ราคาทองคำวันนี้ ตามประกาศสมาคมค้าทองคำ

ประจำวันที่ 00 x.x. 00
ครั้งที่ 0

ราคาทองคำแท่ง 96.5%

ราคาเปิดราคาล่าสุดเปลี่ยนแปลง
00,00000,000
0
(0)
หน่วย THB บาทอัปเดตล่าสุด 00 x.x. 00 เวลา 00:00 น.

ทองรูปพรรณ 96.5%

ราคาเปิดราคาล่าสุดเปลี่ยนแปลง
00,00000,000
0
(0)
หน่วย THB บาทอัปเดตล่าสุด 00 x.x. 00 เวลา 00:00 น.
ดูราคาทองเพิ่มเติม

สิ่งที่คุณอาจสนใจ

[widget_lastupdate_spdr]

โบรกเกอร์ที่แนะนำ

Recommend Broker

“ไบเดน”จะเป็นผู้สร้างความเข้มแข็งให้กับเศรษฐกิจสหรัฐฯได้ดีกว่า”ทรัมป์”?

รู้หรือไม่ – โจ ไบเดน จะกลายเป็นปธน.สหรัฐฯที่อายุมากสุดหากชนะการเลือกตั้งในเดือนพ.ย.นี้

เป็นเวลานานกว่า 6 เดือนแล้วที่สหรัฐฯถูกการระบาดของโรค COVID-19 เข้าเล่นงานจนสภาพเศรษฐกิจพังยับเยิน แถมแรงงานชาวอเมริกันถึง 1 ใน 5 ก็ต้องตกอยู่ในสภาพเคว้งคว้าง พร้อมกับความหวังที่ยังคงเลือนรางว่าทุกอย่างจะกลับมาดีในเหมือนเดิม

ในขณะที่การเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯกำลังใกล้เข้ามา ผู้คนต่างกำลังชั่งใจว่าปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ หรืออดีตรองปธน. โจ ไบเดน ใครจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าในการนำพาเศรษฐกิจของประเทศให้กลับมาเข้ารูปเข้ารอยได้โดยเร็วอีกครั้ง

สำหรับแผนการของ ทรัมป์ คงไม่มีอะไรมากไปกว่าการเดิมพันเพิ่มไปเป็นเท่าตัวกับนโยบายส่วนใหญ่ในสมัยแรกของตนเอง ด้วยความมั่นใจที่ว่าจะสามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจได้เหมือนตอนที่เข้ามารับตำแหน่งในปี 2016

แต่หากพิจารณาตามความเป็นจริงแล้วเศรษฐกิจของสหรัฐฯก็ไม่ได้มีอะไรที่เสียหายมากนักก่อนที่เขาจะได้เป็นปธน. โดยเฉพาะในช่วง 3 ปีสุดท้ายของ บารัค โอบาม่า ที่อัตราการว่างงานในประเทศยังมีระดับต่ำกว่าช่วง 3 ปีแรกในสมัยของ ทรัมป์ เสียอีก

และการกล่าวอ้างถึงความสำเร็จของตนเองในเรื่องของตลาดหุ้นที่ยังสามารถทรงตัวอยู่ได้ ทั้ง ๆ ที่ควรจะยกเครดิตส่วนใหญ่ให้กับธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จากการตัดสินใจหั่นอัตราดอกเบี้ยลงมาอยู่ในระดับใกล้ศูนย์

ทรัมป์ ยังคงเชื่อมั่นว่านโยบายของเขาจะประสบความสำเร็จต่อไป และมันก็คงเป็นเรื่องไม่ยากสำหรับการคาดเดาไปถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังการครองตำแหน่งในสมัยที่สองของเขา ซึ่งจะรวมไปถึงนโยบายการปรับลดภาษี

สงครามการค้าระหว่างจีนจะยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องของกำแพงภาษี และเส้นทางต่อจากข้อตกลงทางการค้าเฟสที่ 1 ที่ยังดูไร้อนาคต หลังจากที่ ทรัมป์ คอยจ้องจะเล่นงานแต่ประเทศที่ทำให้พวกเขาขาดดุลการค้า

นโยบายกีดกันการอพยพเข้ามาในสหรัฐฯก็เป็นอีกปัญหาใหญ่ เนื่องจากจะส่งผลกระทบในระยะยาวทั้งต่อปัญหาด้านกำลังคนและโดยเฉพาะด้านผลิตภาพ เนื่องจากผู้ที่อพยพเข้ามามีแนวโน้มจะเป็นผู้ที่พร้อมรับความเสี่ยงในการเริ่มต้นบริษัทและการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ

ข้ามมาทางฝั่ง ไบเดน ที่ยืนยันว่าจะใช้นโยบายหลายอย่างที่ตรงกันข้ามกับ ทรัมป์ หนึ่งในนั้นคือการพยายามจะผลักดันจีนให้ปฏิบัติตามกฎหมายด้านการค้าระหว่างประเทศ โดยจะผ่านแนวทางการร่วมมือกับองค์การการค้าโลก (WTO) และยุทธศาสตร์ระดับพหุภาคีอื่น ๆ

ไบเดน ยังกล่าวถึงความเป็นไปได้ในการกลับมาเข้าร่วมความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก (TPP) ที่จะต้องมีการปรับเปลี่ยนในบางส่วน หลัง ทรัมป์ เป็นผู้ออกคำสั่งพาประเทศถอนตัวออกมาตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งใหม่ ๆ

ไบเดน ยังเตรียมจะสานต่อข้อกฎหมายจากสมัย โอบาม่า ในการสร้างบรรทัดฐานและมอบสิทธิให้กับผู้อพยพ โดยเฉพาะกลุ่มดรีมเมอร์ (Dreamers) ซึ่งหมายถึงคนหนุ่มสาวจำนวนมากที่เดินทางเข้าประเทศอย่างผิดกฎหมายพร้อมครอบครัวตั้งแต่ยังเด็ก

เพื่อที่จะตอบรับแผนการดังกล่าว ไบเดน ประกาศกร้าวว่าจะมีการลงทุนจากภาครัฐเป็นจำนวนมากไปกับระบบโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งยังจะรวมไปถึงพลังงานสะอาด การพัฒนาและวิจัยเกี่ยวกับระบบเครือข่าย 5G และเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์

โดยแหล่งที่มาของงบเหล่านี้ ไบเดน มีแผนที่จะเพิ่มภาษีกับบริษัทใหญ่ ๆ และกลุ่มผู้ที่มีรายได้สูงซึ่งสวนทางกับแนวทางปรับลดภาษีของ ทรัมป์ ที่พยายามโฆษณาเอาไว้ว่าจะช่วยเพิ่มการลงทุนให้กับภาคธุรกิจ

อย่างไรก็ตามนโยบายของ ไบเดน จะนำมาซึ่งการขาดดุลงบประมาณของประเทศเพิ่มขึ้น และอาจส่งผลให้มีการขยับอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น ซึ่งจะกลายเป็นตัวขัดขวางผลประโยชน์จากการใช้จ่ายเพิ่มขึ้นของภาครัฐ

แต่ปัญหาดังกล่าวจะยังไม่เกิดขึ้นในเร็ววันนี้ เพราะหาก ไบเดน ได้เป็นปธน.สหรัฐฯ เขาจะต้องสานต่อภาวะเศรษฐกิจที่กำลังประสบปัญหาผู้ว่างงานในระดับสูง ซึ่งจะทำให้ Fed ยังคงมุ่งมั่นที่จะรักษาอัตราดอกเบี้ยในระดับใกล้ศูนย์เอาไว้ไปอีกยาว ๆ

ขณะนี้เป็นช่วงเวลาที่สหรัฐฯจะต้องยอมทนรับกับสภาพขาดดุลด้านงบประมาณต่อไป เพื่อที่จะนำเศรษฐกิจกลับมาสู่สถานะของการจ้างงานอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งโดยเร็วที่สุด

 

References :

https://edition.cnn.com/2020/10/01/perspectives/economy-biden-trump/index.html

Relate Post