จากคำประกาศเมื่อสัปดาห์ก่อนของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่เตรียมเร่งตัดจบโครงการซื้อสินทรัพย์ ได้ทำให้นักลงทุนแบบดั้งเดิมรู้สึกตื่นเต้นในขณะที่ผู้ฝักใฝ่ในคริปโทเคอร์เรนซีเกิดความกังวลขึ้นมาระดับหนึ่ง
นอกจาก Fed จะตัดสินใจลดระดับของการซื้อพันธบัตรที่ $3 หมื่นล้านต่อเดือน พวกเขายังบอกใบ้ถึงแผนการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นถึง 3 ครั้งในปีหน้า ซึ่งดูเหมือนจะเป็นโมเมนตัมขาขึ้นของเงินดอลลาร์ที่น่าจับตามอง
อันที่จริงตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีปฏิกิริยาตอบสนองด้วยแนวโน้มของตลาดหมีตั้งแต่ก่อนหน้าการประชุมนโยบายของ Fed โดยเฉพาะจากค่าดัชนี Fear and Greed Index ที่ชี้ถึงบรรยากาศในการซื้อขาย Bitcoin ว่าตกไปอยู่ในโซนหวาดกลัวอย่างเต็มที่
นักลงทุนต่างหวาดผวากันไปล่วงหน้าเนื่องจากความคาดหวังถึงการปรับอัตราดอกเบี้ยเร็วขึ้นกว่าที่เคยคาดการณ์เอาไว้ ในขณะที่ยังมีข่าวลือสะพัดเกี่ยวกับการปรับลดโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE ในระดับสูงกว่าที่เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้
แม้ผลลัพธ์จากการประชุมจะเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงและไม่ได้มีเนื้อหาใหม่เพิ่มเติมนอกเหนือไปจากการขยับไทม์ไลน์ให้เร็วขึ้น แต่ก็ถือเป็นการชี้นำว่าเศรษฐกิจของสหรัฐฯกำลังมีความเข้มแข็งขึ้น และอาจหมายถึงแนวโน้มขาลงของคริปโตก็จะยังคงอยู่ต่อไป
BTC และสินทรัพย์ดิจิทัลอื่น ๆ ยังคงมีความผันผวนและสร้างความเสี่ยงแก่นักลงทุน ซึ่งจากบรรยากาศโดยรวมก็น่าจะทำให้มูลค่าของตลาดยังคงลดลงต่อไปอีก โดยยังขึ้นอยู่กับ Fed ว่าจะทำตามสัญญาของการปรับอัตราดอกเบี้ยได้ในปีถัด ๆ ไปหรือไม่
จนถึงขณะนี้ราคาของ BTC ยังคงอยู่ต่ำกว่าระดับ $50,000 ด้วยแนวโน้มของราคาในรอบสัปดาห์ที่ระดับ -0.5% ซึ่งถือว่าเล็กน้อยเมื่อเทียบกับรูปแบบตามธรรมชาติของตลาดคริปโตที่มีความผันผวนในระดับสูง
อย่างไรก็ตามจนถึงขณธนี้ดูเหมือนจะยังไม่มีโมเมนต์ที่ชี้ไปถึงทิศทางขาขึ้นออกมาให้เห็นเลยเช่นกัน แม้จะมีผลการวิจัยที่เผยว่าปริมาณ 90% ของ BTC ที่มีอยู่ทั้งหมดได้ถูกขุดขึ้นมาภายในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาแล้วก็ตาม
แม้ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์อันไม่แน่นอนในตลาด เช่น เหตุการณ์ปราบปรามเหมือง BTC ขั้นเด็ดขาดในจีนเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา แต่สกุลเงินคริปโตยอดนิยมอันดับ 1 ก็ผ่านช่วงเวลาอันเลวร้ายและกลับมาได้อย่างเข้มแข็งขึ้น
ในขณะที่ระบบเครือข่ายและเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องก็ยังคงความสมเหตุสมผลและมีความมั่นคง ในขณะที่หลายฝ่ายอ้างว่าระบบนิเวศของมันยังมีการเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งขึ้น เพื่อการก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาถดถอยที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราว
แต่คำถามสำคัญก็คือจากท่าทีที่แข็งกร้าวของ Fed จะทำให้ผู้คนมีแนวโน้มที่จะเทขาย BTC มากขึ้นหรือไม่ ในขณะที่บางคนอาจชื่นชอบช่วงเวลาเช่นนี้โดยมองไปถึงโอกาสของการเข้าซื้อสินทรัพย์ดิจิทัลในราคาที่ได้เปรียบ
ทั้งนี้กระแสข่าวของ Fed มีแนวโน้มที่จะส่งผลกระทบในระยะสั้น แต่หากมองไปถึงผลลัพธ์ในระยะยาวหลังจากความกลัวที่ไร้เหตุผลต่าง ๆ เริ่มลบเลือนไป ก็น่าจะเป็นผลดีต่อตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมากกว่า
References :
https://finance.yahoo.com/news/federal-curtails-economic-stimulus-plans-160423401.html