ไม่มีใครต้องการจ่ายเงินเพิ่มสำหรับสิ่งของที่จำเป็น และนั่นจึงทำให้การดีดตัวขึ้นของอัตราเงินเฟ้อกลายเป็นข่าวร้ายมาตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา แต่โดยพื้นฐานแล้วภาวะเงินเฟ้อก็สามารถกลายเป็นเรื่องดีสำหรับชาวอเมริกันในระดับรากหญ้าได้
เหตุผลก็เพราะค่าจ้างที่กำลังขยับตัวสูงขึ้น และไม่เพียงแต่จะเป็นเรื่องดีที่เกิดขึ้นกับกลุ่มคนทำงาน แต่มันยังทำให้พวกเขามีเงินมากขึ้นสำหรับการชำระหนี้ โดยเฉพาะในกรณีของหนี้จากการจำนอง เนื่องจากอัตราชำระหนี้ต่อเดือนที่ยังคงเดิมแต่มูลค่าของตัวบ้านกลับขยับสูงขึ้น
ในทางตรงกันข้ามก็มีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่สูญเสียผลประโยชน์จากดัชนีราคาที่สูงขึ้น ซึ่งก็คือกลุ่มผู้มีอันจะกินที่ครอบครองพันธบัตรรัฐบาลอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ปัญหาก็คือทุกคนจะไม่รู้สึกถึงผลกระทบดังกล่าวในทันทีทันใด
ผลประโยชน์ของภาวะเงินเฟ้อที่จะเกิดขึ้นในทันทีต่อผู้คนทั่วไปจะเป็นอะไรที่สัมผัสได้น้อยกว่าผลเสีย โดยผู้คนจะรู้สึกเคร่งเครียดไปกับบิลค่าใช้จ่ายของกินของใช้และค่าน้ำมันเชื้อเพลิง ในขณะที่สิ่งที่สัมผัสได้น้อยกว่าแต่ยังคงมีนัยสำคัญก็คือภาระหนี้ที่ลดลง
ในอีกความหมายหนึ่งก็คือต้นทุนของการจดจำนองยังคงอยู่ในระดับคงที่ ในขณะที่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันกลับสูงขึ้น แม้มันอาจไม่ใช่เหตุการณ์ที่ประจวบเหมาะกันอย่างลงตัว เนื่องจากค่าแรงจะไม่ขยับขึ้นในทันทีด้วยภาวะเงินเฟ้อ แต่มันก็จะเพิ่มขึ้นในท้ายที่สุด
โดยส่วนใหญ่แล้วการจำนองมักจะอยู่ในรูปแบบของสินเชื่อที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ระยะเวลา 30 ปี ซึ่งส่งผลให้เกิดภาระหนี้แก่ชาวอเมริกันที่กลายเป็นสถิติสูงสุดในปัจจุบันด้วยตัวเลข $15 ล้านล้าน
ในขณะที่ค่าแรงกำลังขยับตัวขึ้นตามราคาก็ส่งผลไปถึงมูลค่าที่แท้จริงของหนี้ที่กำลังลดลง ผลประโยชน์ดังกล่าวยังมีผลเช่นเดียวกับสินเชื่อเพื่อการศึกษาที่ได้จากภาครัฐ ซึ่งจะอยู่ในรูปแบบของอัตราดอกเบี้ยคงที่เช่นกัน
อย่างไรก็ตามหนี้ทั้งหมดก็ไม่ได้ลดลงตามภาวะเงินเฟ้อ โดยอัตราดอกเบี้ยของบัตรเครดิตซึ่งส่วนใหญ่ไม่ได้มีเรตคงที่มีการดีดตัวขึ้นในปีก่อนด้วยอัตราเฉลี่ย 17.13% และอยู่ต่ำกว่าสถิติสูงสุดตลอดกาลจากเมื่อปี 2019 ที่ 17.14% เพียงเล็กน้อย
ในขณะเดียวกันคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ต้องใช้ชีวิตจากรายได้แบบคงที่ เช่น ผู้ที่เกษียณแล้ว ซึ่งเป็นกลุ่มที่จะไม่ได้รับผลประโยชน์จากค่าแรงที่สูงขึ้นตามการปรับตัวของตลาดแรงงาน ก็จะต้องเผชิญกับปัญหาจากราคาที่สูงขึ้น
และยังมีกลุ่มผู้ที่ถือครองพันธบัตรซึ่งมักจะเป็นครอบครัวที่มีสินทรัพย์มากกว่า $1 ล้าน นั่นเป็นเพราะว่าโดยพื้นฐานแล้วพวกเขาคือผู้ที่ปล่อยเงินกู้ให้กับรัฐบาล และจะได้รับผลตอบแทนกลับมาเป็นเงินที่มีอำนาจซื้อลดลง
แม้จะมีแง่มุมในด้านจิตวิทยาที่เหนียวแน่นเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อ แต่ก็ยังเป็นเรื่องยากในการนิยามผู้แพ้และผู้ชนะอย่างชัดเจน เพราะแม้ในขณะที่ค่าแรงกำลังเพิ่มสูงขึ้นและแนวโน้มของการจ้างงานก็ดูเข้มแข็ง ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ก็ยังได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจ
1 ใน 4 ของผู้ตอบแบบสำรวจกล่าวถึงภาวะเงินเฟ้อว่าได้ส่งผลกระทบต่อมาตรฐานการครองชีพที่ย่ำแย่ลง และมีถึงครึ่งหนึ่งที่ได้ให้ความเห็นว่า อัตราเงินเฟ้อน่าจะทำให้รายได้ที่พวกเขาได้รับเพิ่มขึ้นตลอดปีที่ผ่านมาไร้ความหมายไป
References :