เชื้อไวรัส COVID-19 สายพันธุ์เดลต้าคือหนึ่งในโรคระบบหายใจที่มีการติดเชื้อกันมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา ตามการเปิดเผยของดร. โรเชลล์ วาเลนสกี ผอ.ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) เมื่อวานนี้
ไวรัสสายพันธุ์ดังกล่าวสามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็วและเป็นวงกว้าง เนื่องจากผู้ที่ติดเชื้อสายพันธุ์เดลต้าจะมีจำนวนของไวรัสแฝงตัวอยู่ในส่วนโพรงจมูกสูงกว่าการติดเชื้อด้วยสายพันธุ์ดั้งเดิมถึง 1,000 เท่า
ดร. โรเชลล์ กล่าวย้ำว่าสายพันธุ์เดลต้ามีความสามารถในการแพร่ระบาดได้ดีกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ ก่อนหน้านี้ และมันยังเป็นเชื้อไวรัสเกี่ยวกับระบบหายใจที่มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดเท่าที่เธอเคยพบเห็นมาตลอดอายุการทำงานร่วม 20 ปี
ไวรัสสายพันธุ์เดลต้ากำลังแพร่ระบาดอยู่ในสหรัฐฯอย่างรวดเร็ว โดยคิดเป็นสัดส่วนถึง 83% ของเคสที่เกิดขึ้นจนถึงขณะนี้ ซึ่งเป็นอัตราที่พุ่งขึ้นจากสัดส่วน 50% ของสัปดาห์แรกในเดือนก.ค.
ในขณะที่ยอดเฉลี่ย 7 วันของผู้ติดเชื้อรายใหม่ยังเพิ่มขึ้น 53% จากสัปดาห์ก่อนด้วยตัวเลข 37,647 รายต่อวัน จำนวนผู้ที่ต้องรักษาตัวในโรงพยาบาลก็เพิ่มขึ้น 32% ด้วยตัวเลข 3,500 รายต่อวัน และยอดผู้เสียชีวิต 240 รายต่อวันที่ขยับขึ้น 19% จากสัปดาห์ก่อน
ดร. โรเชลล์ กล่าวต่อไปว่า เชื้อไวรัสกำลังแพร่กระจายอย่างเต็มที่ภายในเขตมลรัฐที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำ ในขณะที่พื้นที่ที่มีอัตราการฉีดวัคซีนสูงก็จะพบเห็นการแพร่กระจายของเชื้อที่อยู่ในระดับต่ำ
3 รัฐที่มีอัตราการฉีดวัคซีนต่ำอย่างฟลอริดา, เท็กซัส และมิสซูรีครองสัดส่วนยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ทั่วประเทศถึง 40% โดยเฉพาะฟลอริดาเพียงรัฐเดียวก็มียอดผู้ติดเชื้อรายใหม่คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของสหรัฐฯถึง 2 สัปดาห์ติดต่อกัน
นอกจากนี้ในรายงานล่าสุดยังระบุว่า จำนวนผู้ป่วยด้วยโรค COVID-19 ที่ต้องรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลทั่วประเทศถึง 97% ก็คือผู้ที่ยังไม่ได้รับวัคซีน เช่นเดียวกับ 99.5% ของผู้ที่เสียชีวิตก็คือกลุ่มคนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนเช่นกัน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาอัตราการฉีดวัคซีนในสหรัฐฯเคยขยับขึ้นไปแตะจุดพีคที่ระดับสูงกว่า 3 ล้านเข็มต่อวันในเดือนเม.ย. ก่อนที่จะเริ่มลดระดับลงในช่วงที่ผ่านมาจนอยู่ที่ประมาณ 530,000 เข็มต่อวัน ตามการเปิดเผยข้อมูลของ CDC
หลุยส์เซียน่า, อาร์คันซอ, มิสซูรี และฟลอริดา คือรัฐที่มีรายงานยอดเฉลี่ยของผู้ติดเชื้อรายใหม่ต่อจำนวนประชากรในพื้นที่สูงที่สุดเมื่อสัปดาห์ก่อน โดยตัวเลขทั้งหมดนั้นอยู่ในอัตราที่สูงกว่าค่าเฉลี่ยของทั้งประเทศอย่างน้อย 2 เท่า
ยังมีความพยายามผลักดันจากภาคเอกชน โดย แอนโทนี สการามุชชี อดีตผอ.ฝ่ายสื่อสารของทำเนียบขาวที่ปัจจุบันกลายเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทกองทุนเฮดจ์ฟันด์ SkyBridge Capital ได้มีคำสั่งให้พนักงานในออฟฟิศทุกคนต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนหรือไม่งั้นก็ลาออกไป
ซึ่งเจ้าตัวได้กล่าวย้ำว่า พวกเขาเป็นบริษัทเอกชนหากใครที่คิดจะโต้แย้งกับคำสั่งของเขาก็สามารถไปเจอกันที่ศาลได้ ในขณะที่เขายังเรียกร้องให้ชาวอเมริกันทุกคนเข้ารับการฉีดวัคซีนเพื่อที่ประชาชนทุกคนจะได้ปลอดภัย
References :