รู้หรือไม่ – เมื่อปี 2016 ก็เคยมีนักเศรษฐศาสตร์ 790 คนร่วมลงนามในจดหมายเปิดผนึกเพื่อต่อต้าน ทรัมป์
นักเศรษฐศาสตร์กว่า 700 ซึ่งรวมถึงบรรดาผู้ที่คว้ารางวัลโนเบลมาได้รวมกัน 7 ครั้งได้ออกมากล่าวเตือนถึงการครองตำแหน่งปธน.สหรัฐฯของ โดนัลด์ ทรัมป์ อีกสมัยว่า จะสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่องต่อประเทศในหลาย ๆ ด้าน
มีการร่วมเขียนจดหมายเปิดผนึกโดยนักเศรษฐศาสตร์ชั้นนำจากหลายสถาบัน ซึ่งรวมถึงผู้ที่เคยได้รับรางวัลโนเบลอย่าง พอล มิลกรอม (2020), โอลิเวอร์ ฮาร์ท (2016) และ อัลวิน โรธ (2012) ร่วมลงนามอยู่ด้วย
“ด้วยเหตุผลต่าง ๆ ที่ระบุไว้ เราขอแนะนำอย่างจริงจังให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้งทำในสิ่งที่ผู้อื่นไม่สามารถทำได้ นั่นก็คือการใช้สิทธิตามระบอบประชาธิปไตยของพวกคุณในการถอดถอน โดนัลด์ ทรัมป์ ออกจากทำเนียบ”
ทางฝั่งคณะเดินเกมหาเสียงของ ทรัมป์ ก็ตอบโต้จดหมายดังกล่าวว่า มันเป็นข้อกล่าวหาที่ปราศจากหลักฐานยืนยันชัดเจน และกลุ่มนักวิชาการฝั่งซ้ายเหล่านี้ก็ไม่ได้เอ่ยเหตุผลซักข้อที่ชี้ว่า โจ ไบเดน จะทำให้เศรษฐกิจของประเทศดีขึ้น
ทรัมป์ ยังอ้างว่า เขาคือตัวแทนที่ดีกว่าสำหรับชาวอเมริกันในด้านเศรษฐกิจ โดยชี้ไปถึงการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯจากก้นหลุม ซึ่งมีความสุ่มเสี่ยงจะเกิดเป็นภาวะเศรษฐกิจตกต่ำเมื่อช่วงปลายฤดูหนาวที่ต่อเนื่องมาจนถึงต้นฤดูใบไม้ผลิที่ผ่านมา
จากข้อความในจดหมายได้กล่าวโจมตี ทรัมป์ ถึงพฤติกรรมที่เห็นแก่ตัวและบุ่มบ่ามระหว่างช่วงภาวะวิกฤตของโรค COVID-19 ทั้งจากการละเลยที่จะสวมใส่หน้ากากและการปฏิบัติตัวตามนโยบาย social distancing แม้ในขณะที่ตัวเองป่วยด้วยโรคนี้
นอกจากนี้ยังมีการเผยแพร่และสนับสนุนวิธีการรักษาโรคที่ยังไม่ผ่านการรับรองและมีโอกาสก่อให้เกิดอันตราย, พยายามลดระดับความรุนแรงของโรคระบาด และยังจัดงานอีเวนต์ที่ไร้การควบคุมจนทำให้เจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวและนายทหารระดับสูงต้องเข้ารับการกักกันโรค
จากจดหมายยังกล่าวถึงผลรายงานที่สรุปว่า ทรัมป์ ยังมีแนวโน้มจะเป็นผู้เผยแพร่ข้อมูลแบบผิด ๆ รายใหญ่เกี่ยวกับโรค COVID-19 และบ่อยครั้งที่เขามักจะลิดรอนความเป็นอิสระและความน่าเชื่อถือของสถาบันด้านสาธารณสุขระดับประเทศ
แม้ ทรัมป์ มักจะเปรียบตัวเองว่าเสมือนเป็นปธน.ที่มีสกิลของ CEO ในด้านการเจรจา หากแต่กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์กลับมองมองว่า การบริหารจัดการที่ขาดความสม่ำเสมอของเขาได้สร้างความเสียหายในหลายแง่มุมต่อภาครัฐมากกว่า
นักเศรษฐศาสตร์ยังให้ความเห็นในด้านการค้าว่า ความวุ่นวายและแนวทางที่ไร้ประสิทธิภาพในการเจรจากลับทำลายความสัมพันธ์กับประเทศคู่ค้า และยังทำร้ายกลุ่มเกษตรกรรวมถึงสร้างปัญหาการหยุดชะงักแก่ซัพพลายเชนทั้งหลาย
ในขณะที่ ทรัมป์ พยายามโฟกัสไปถึงการปลุกชีพให้กับอุตสาหกรรมการผลิตและการค้าให้กับชาวอเมริกัน แต่เขายังคงล้มเหลวที่จะบรรลุเป้าหมายหลักในด้านเศรษฐกิจตามที่เคยให้สัญญาเอาไว้
เพราะจนถึงขณะนี้อุตสาหกรรมการผลิตก็ยังคงเป็นส่วนเล็ก ๆ ในตลาดแรงงานของประเทศ และตัวเลขขาดดุลการค้าระหว่างประเทศก็ยังคงมีปริมาณที่เพิ่มขึ้น
ในจดหมายยังกล่าวทิ้งท้ายถึงรายงานของนักเศรษฐศาสตร์จากสถาบันวิจัย Moody’s Analytics และ Goldman Sachs วาณิชธนกิจระดับโลกที่พึ่งรวบรวมบทสรุปว่า ไบเดน น่าจะเป็นผู้สร้างอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯได้รวดเร็วกว่า
References :
https://edition.cnn.com/2020/10/22/economy/economists-oppose-trump-election/index.html