รู้หรือไม่ – สหรัฐฯขาดดุลด้านงบประมาณไปราว 1 ล้านล้านดอลลาร์เมื่อปีที่แล้ว
ราคาของโลหะมีค่าในตลาดทั้งทองคำและโลหะเงินถูกเทกระจาดเรี่ยราดไปตลอดทั้งสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยมีหนึ่งในปัจจัยหลักมาจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์ ที่ทำให้เกิดการเทขายหลังดัชนีชี้วัดทางเทคนิคต่าง ๆ ถูกทำลายลงอย่างย่อยยับ
มูลค่าของทองคำร่วงลงมาอยู่ต่ำกว่าระดับ 1,900 ดอลลาร์เมื่อวันพุธ ในขณะที่กราฟของโลหะเงินก็ดิ่งลงต่ำกว่า 24 ดอลลาร์และหลุดมาป้วนเปี้ยนอยู่แถว 22 ดอลลาร์ในวันพฤหัสบดี ก่อนจะไต่ขึ้นมาอยู่ที่ระดับ 23 ดอลลาร์ไปจนจบสัปดาห์
ความผันผวนที่เกิดขึ้นกับโลหะมีค่าและตลาดหุ้นในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ยังมีสาเหตุมาจากความล้มเหลวของสภาคองเกรสและทำเนียบขาวในการหาข้อยุติเกี่ยวกับนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจตัวใหม่
และแม้สหรัฐฯจะยังคงอยู่บนเส้นทางของการฟื้นตัวจากภาวะเศรษฐกิจตกต่ำอย่างรุนแรงในช่วงไตรมาสที่สอง หลังได้รับผลกระทบจากปัญหาโรคระบาด แต่ก็ยังคงห่างไกลจากสถานะก่อนเกิดภาวะวิกฤต
ภายใต้กฎหมาย CARES Act ที่ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามไปเมื่อเดือนมี.ค. ก็ได้ส่งผลให้รัฐบาลวอชิงตันมีตัวเลขขาดดุลงบประมาณไปถึง 3 ล้านล้านดอลลาร์ หลังการเปิดตัวโครงการเยียวยามูลค่า 2.2 ล้านล้านดอลลาร์ ที่รวมถึงนโยบายส่งเช็คไปให้กับชาวอเมริกันส่วนใหญ่
ในขณะที่การเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯกำลังใกล้เข้ามาทุกขณะ การมีปัญหาตัวเลขติดลบในคลังก้อนใหญ่อาจไม่ใช่เรื่องน่าพึงประสงค์ ทรัมป์ มีทางเลือกในการพยายามจำกัดงบก้อนใหม่หรือหาทางโบ้ยไปยังฝ่ายตรงข้ามว่าเป็นผู้ขัดขวางร่างกฎหมายเยียวยา
จากเมื่อวันพฤหัสบดี แนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯและ สตีเวน มนูชิน รมว.คลังสามารถตกลงกันได้ว่า จะเริ่มต้นการเจรจานโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจฉบับที่สองอีกครั้งหลังถูกจับดองมานานหลายเดือน
หากแต่ ทรัมป์ กลับโฟกัสไปที่การแต่งตั้งผู้พิพากษาศาลสูงสหรัฐฯคนใหม่เพื่อแทนที่ รูธ เบเดอร์ กินส์เบิร์ก ที่พึ่งเสียชีวิตจากโรคมะเร็งด้วยวัย 87 ปี และก็ไม่แปลกที่พรรคเดโมแครตจะเชื่อว่าเขาจงใจเตะถ่วงกระบวนการที่หลายฝ่ายกำลังจับตามองอยู่
แต่หากกลุ่มสส.จากเดโมแครตและสว.ของรีพับลิกันรวมถึงฝั่งทำเนียบขาวสามารถหาข้อยุติเกี่ยวกับงบประมาณเยียวยาวก้อนใหม่ได้ ก็อาจจะช่วยเพิ่มแรงหนุนให้กับตลาดหุ้นและอสังหาริมทรัพย์ได้เป็นการชั่วคราว
หากแต่ในระยะยาวกำลังซื้อของสกุลเงินหลักในประเทศก็ถูกคาดหมายว่ามีแต่จะลดลง หลังธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ยืนยันการปรับลดค่าของดอลลาร์จากการตั้งเป้าที่จะรักษาระดับอัตราดอกเบี้ยใกล้ศูนย์ต่อไปอีกอย่างน้อย 3 ปี
ตลอดปีที่ผ่านมาเราได้เห็นอุปทานที่สูงขึ้นภายในตลาดทองคำและเงินของสหรัฐฯ ทั้งการขาดตลาดของเหรียญอเมริกันอีเกิ้ลและเหรียญยอดนิยมอื่น ๆ แม้จะมีทิศทางหยุดชะงักไปช่วงหนึ่งจากราคาของทองคำและเงินที่พุ่งสูงขึ้น
เป็นเรื่องปกติที่ปริมาณความต้องการของเหรียญและเครื่องประทองคำจะฟื้นตัวกลับมาได้ไม่ยาก ในขณะที่กลุ่มโลหะสีขาวอย่าง เงิน, แพลทินัม และแพลเลเดียม ต่างกำลังได้รับแรงสนับสนุนจากอุปสงค์ของสายงานด้านอุตสาหกรรม
ในขณะที่แรงกระตุ้นใหญ่สำหรับการลงทุนที่กำลังจะเกิดขึ้นก็น่าจะมาจากการเลือกตั้งปธน.สหรัฐในช่วงต้นเดือนพ.ย. แต่ผลกระทบในระยะยาวที่มีต่อทองคำและเงินจะมาจากความคาดหวังของอัตราเงินเฟ้อที่แปรเปลี่ยนจากความสงสัยไปเป็นความกลัว
เนื่องจากนักลงทุนเป็นจำนวนมากต่างยังคงกังขาว่า Fed จะสามารถบรรลุเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อที่ 2% ได้เมื่อไร และหากพวกเขาเริ่มหวาดผวาเกี่ยวกับทิศทางของอัตราเงินเฟ้อขึ้นเมื่อใด ราคาของโลหะมีค่าก็จะทะยานขึ้นอีกในฐานะทรัพย์สินปลอดภัยเมื่อนั้น
นอกจากนี้ด้วยการปรับตัวของราคาลงในช่วงที่ผ่านมา ยังเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะเริ่มสะสมทองคำหรือเงินเข้ามาเพิ่มในพอร์ตของพวกเขา และนั่นยังเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับกลุ่มนักลงทุนรายย่อยโดยเฉพาะกับโลหะเงินในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา
References :
https://www.fxstreet.com/analysis/why-did-precious-metals-get-clobbered-this-week-202009251553