กลุ่มผู้ร่างกฎหมายของสหรัฐฯเตรียมการซักฟอกธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และกระทรวงการคลังเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อ และความเป็นไปได้ของผลกระทบจาก COVID-19 สายพันธุ์โอไมครอนในคืนวันนี้
เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed และ เจเน็ต เยลเลน รมว.คลังสหรัฐฯมีกำหนดการจะเข้าพูดคุยกับคณะกรรมาธิการวุฒิสภาด้านการธนาคารตั้งแต่ช่วง 4 ทุ่มของวันนี้เพื่อหารือเกี่ยวกับการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ก่อนจะพบกับกลุ่มสส.ที่เป็นคณะกรรมาธิการด้านการเงินในวันพรุ่งนี้
ทั้ง 2 คนต่างเปิดเผยการเตรียมตัวของคำให้การตั้งแต่ช่วงเย็นของวันนี้ โดย พาวเวลล์ มองไปถึงอัตราการเติบโตที่ 5% ของปีนี้ แต่ก็ชี้ไปถึงความเสี่ยงในทิศทางขาลงต่อกิจกรรมทางเศรษฐกิจและตลาดแรงงานจากเชื้อโคโรน่าไวรัสสายพันธุ์ใหม่
ในขณะที่ เยลเลน ได้ย้ำเตือนไปถึงเหล่าสมาชิกในรัฐสภาว่า ความล้มเหลวในการบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับเพดานหนี้อาจส่งผลกระทบอันเลวร้ายต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ
ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นจนเป็นสถิติสูงสุดในรอบ 31 ปี แต่ธนาคารกลางยังคงให้คำมั่นว่าจะรักษาอัตราดอกเบี้ยเอาไว้ที่ระดับต่ำใกล้ศูนย์ไปจนกว่าตลาดแรงงานจะฟื้นตัวจากการถูกคุมคามด้วยปัญหาโรคระบาดตั้งแต่ปีก่อน
ปัจจุบันอัตราการว่างงานในสหรัฐฯยังคงอยู่ที่ 4.6% และภาคธุรกิจต่าง ๆ ยังคงขาดแคลนลูกจ้างที่เป็นพนักงานประจำอยู่เกือบ 5 ล้านคนเมื่อเทียบกับตอนก่อนเกิดภาวะวิกฤต
ในเดือนนี้ Fed ยังจะเริ่มลดระดับมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจของโครงการซื้อพันธบัตรที่อัตรา $1.2 แสนล้านในแต่ละเดือน ซึ่งเริ่มต้นมาตั้งแต่ช่วงต้นปี 2020 โดยจะทยอยลดลงไปจนกว่าจะถึงเดือนมิ.ย.ปีหน้า
แต่ด้วยค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันที่สูงขึ้นอย่างรวดเร็วทั้งจากอาหาร, เชื้อเพลิง และค่าที่พักอาศัย ก็ทำให้ Fed เปิดเผยว่าอาจเร่งอัตราการลดระดับของโครงการซื้อสินทรัพย์ เพื่อเปิดโอกาสสำหรับการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นเร็วกว่าที่คาดไว้ในปีหน้าหากมีความจำเป็น
หน่วยงานสาธารณสุขของสหรัฐฯกำลังเร่งตรวจสอบอัตราการแพร่ระบาดและความอันตรายของโอไมครอน รวมถึงประสิทธิภาพในการป้องกันของวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบัน ในขณะที่ยังมีการออกมาตรการแบนการเดินทางจากบางประเทศในแถบแอฟริกาทางตอนใต้
จนถึงขณะนี้ไวรัสสายพันธุ์เดลต้าคือสิ่งที่สร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐฯตลอดช่วงหน้าร้อนที่ผ่านมา ด้วยการชะลอตัวของการจ้างงานท่ามกลางความหวาดกลัวของการติดเชื้อ และทำให้เกิดปัญหาคอขวดในระบบซัพพลายเชนจนส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น
พาวเวลล์ ได้กล่าวไว้ในการเตรียมตัววันนี้ว่า มันเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาถึงระยะเวลาและผลที่ตามมาจากปัญหาในระบบซัพพลายเชน แต่ก็ดูเหมือนว่าปัจจัยต่าง ๆ ที่คอยผลักดันระดับอัตราเงินเฟ้อให้สูงขึ้นจะยังคงอยู่ต่อไปจนถึงปีหน้า
ในขณะที่ความกังวลเกี่ยวกับผกระทบจากไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนก็อาจทำให้ผู้คนรู้สึกไม่เต็มใจในการทำงานที่ต้องพบปะกับผู้อื่น ซึ่งจะส่งผลให้เกิดการชะลอตัวในตลาดแรงงานและสร้างปัญหาติดขัดในระบบซัพพลายเชนต่อไปอีก
References :