หนึ่งในหนทางแก้ปัญหาภาวะตึงเครียดจากอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ คือการยกเลิกมาตรการกำแพงภาษีสินค้าจากจีนที่เริ่มต้นขึ้นระหว่างช่วงสงครามการค้า ตามความเห็นของ เจค็อบ ลิว อดีตรมว.คลังของสหรัฐฯเมื่อวานนี้
ลิว กล่าวต่อไปว่า แต่ด้วยสถานะทางการเมืองในปัจจุบันจึงอาจเป็นเรื่องยากที่จะเกิดขึ้น และด้วยความแตกต่างในระดับสูงจากทั้ง 2 ฝ่าย เขาไม่คิดว่าการเจรจาเพื่อแลกเปลี่ยนสิ่งใดสิ่งหนึ่งจะเกิดขึ้น แต่มันควรเป็นการพูดคุยเกี่ยวกับการแข่งขันในระดับที่เท่าเทียม
เขายังมองไว้ตั้งแต่ทีแรกว่าการตั้งกำแพงภาษีจะเป็นวิธีการที่ไม่ประสบผลในการรับมือกับการตีตลาดผู้บริโภคชาวอเมริกัน และในปัจจุบันที่ปัญหาอัตราเงินเฟ้อกลายเป็นประเด็นขึ้นมา การถอดถอนมาตรการดังกล่าวก็จะน่าจะช่วยลดภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯได้
ความสัมพันธ์ระหว่างรัฐบาลวอชิงตันและปักกิ่งเริ่มดำดิ่งลงในปี 2018 เมื่อคณะรัฐบาลของอดีตปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาตรการเก็บภาษีกับสินค้านำเข้าจากจีนที่คิดเป็นมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์ ซึ่งตามมาด้วยการตอบโต้จากจีนในแนวทางเดียวกัน
อัตราภาษีศุลกากรสำหรับสินค้านำเข้าจากจีนตามฐานน้ำหนักโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 19.3% เมื่อช่วงต้นปี 2021 ในขณะที่เรตภาษีที่เก็บกับสินค้าของสหรัฐฯจากอีกฝ่ายอยู่ที่ประมาณ 20.7% ตามข้อมูลในช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกัน
โดยก่อนเกิดสงครามการค้าเมื่อปี 2018 อัตราภาษีโดยเฉลี่ยที่สหรัฐฯเก็บจากสินค้าของจีนอยู่ที่ 3.1% ในขณะที่จีนกำหนดอัตราภาษีสำหรับสินค้านำเข้าจากสหรัฐฯเอาไว้ที่ประมาณ 8%
Moody’s สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือระดับโลกได้เปิดเผยรายงานไว้ตั้งแต่เมื่อต้นปีที่ผ่านมาว่า ภาคธุรกิจของชาวอเมริกันกำลังแบกรับต้นทุนส่วนใหญ่ที่มาจากมาตรการกำแพงภาษีที่เริ่มต้นขึ้น ณ จุดพีคของสงครามการค้าระหว่าง 2 ประเทศ
ในรายงานยังกล่าวว่า กิจการนำเข้าของสหรัฐฯเป็นผู้ที่แบกรับภาระกว่า 90% ของต้นทุนที่เพิ่มขึ้นจากภาษีที่เก็บกับสินค้าจากจีนในอัตราราว 20% นั่นก็หมายความว่าบริษัทเหล่านั้นต้องจ่ายค่าภาษีไปราว 18.5% ในขณะที่ผู้ส่งออกของจีนจะได้รับเงินน้อยลง 1.5% จากสินค้าตัวนั้น
ความกังวลเกี่ยวกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นในปีนี้มีสาเหตุมาจากการทะยานขึ้นของราคาพลังงาน และภาวะวิกฤตที่เกิดขึ้นกับระบบซัพพลายเชนจนนำมาสู่ภาวะการขาดแคลนของสินค้าต่าง ๆ
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯที่ใช้เป็นตัวมาตรวัดราคาของตะกร้าสินค้าที่ไล่เรียงมาตั้งแต่น้ำมันเชื้อเพลิง ไปจนถึงพวกของกินของใช้และค่าเช่าที่พักอาศัยมีอัตราสูงขึ้น 6.2% ในเดือนต.ค.เมื่อเทียบกับ 1 ปีก่อน และกลายเป็นสถิติสูงสุดในรอบกว่า 30 ปี
อย่างไรก็ตาม ลิว ก็เชื่อว่าสถานการณ์ส่วนใหญ่จะดีขึ้นโดยชี้ว่า คงไม่มีใครคาดการณ์ไปถึงการเกิด Hyperinflation หรือภาวะเงินเฟ้อขั้นรุนแรง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกที่จะมีกระแสเกี่ยวกับความกังวลใจในระดับสูง เพราะผู้คนมักมีปฏิกิริยาที่รุนแรงต่อเรื่องนี้
แต่ ลิว ก็ได้กล่าวเตือนไปถึงกลุ่มผู้ร่างกฎหมายว่าจะต้องดำเนินการไปตามแนวทางที่สมดุล เพื่อให้แน่ใจว่ามาตรการที่ถูกนำมาใช้ในการรับมือกับปัญหาเงินเฟ้อจะไม่ส่งผลให้เกิดการชะลอตัวของเศรษฐกิจจนไปขัดขวางอัตราการเติบโต
References :
https://www.cnbc.com/2021/11/30/removing-us-china-trade-tariffs-would-ease-inflation-jacob-lew.html