รู้หรือไม่ – ธนาคาร UBS คาดการณ์ไว้ว่า Volkswagen จะทำยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าได้มากกว่า Tesla สามแสนคันในปี 2025
หลัง Tesla ครองบัลลังก์ราชันแห่งรถยนต์ไฟฟ้ามาได้ยาวนานหลายปี ก็มีแนวโน้มที่ยอดขายของ Volkswagen จะขยับขึ้นมาตีคู่กับเจ้าตลาดได้ในช่วงต้นปี 2022 จากผลการประเมินของสถาบันการเงิน UBS
การโค่นตำแหน่งของ Tesla ลงได้อาจเป็นจุดเปลี่ยนอันยิ่งใหญ่สำหรับผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่จากยุโรป ในขณะที่พวกเขากำลังเตรียมการลงทุนมูลค่า €3.5 หมื่นล้านเพื่อเดิมพันไปกับอนาคตของเทคโนโลยีใหม่ที่จะขยับถอยห่างออกจากเชื้อเพลิงฟอสซิล
VW ได้ประกาศแผนการเอาไว้ในสัปดาห์นี้ว่า จะสร้างยอดขายให้เกิน 2 ล้านคันภายในปี 2025, จะสร้างเครือข่ายโรงงานผลิตแบตเตอรี่, จะจ้างงานผู้เชี่ยวชาญด้าน IT จำนวน 6,500 คน, เปิดตัวระบบปฏิบัติการของตนเอง และจะเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่ใหญ่สุดอันดับ 2 ของยุโรป
VW ที่ยังเป็นเจ้าของ Porsche, Audi, Skoda และ SEAT ขายยานยนต์แบตเตอรี่ไฟฟ้าไป 231,600 คันในปีที่ผ่านมา ซึ่งยังน้อยกว่าครึ่งหนึ่งจากยอดขายของ Tesla แต่ก็ถือเป็นปริมาณที่เพิ่มขึ้นถึง 214% จากเมื่อปีก่อนหน้านั้น
ด้วยแนวโน้มดังกล่าวทำให้มีการคาดหมายกันว่า พวกเขาจะจำหน่ายรถไฟฟ้าได้มากกว่า 70 ล้านคันก่อนสิ้นทศวรรษนี้ ผ่านโรงงานผลิตทั้ง 8 แห่งตั้งแต่ปี 2022 เป็นต้นไป ซึ่งสามารถนำเสนอผลงานออกมาได้เกือบทุกประเภทตั้งแต่รถรุ่นเล็กไปจนถึง SUV และรถซีดานหรู
VW ยังอยู่ในสถานการณ์ที่ดีกว่าคู่แข่งรายอื่น ๆ อย่าง Toyota, Hyundai และ Nissan จากแพลตฟอร์มการผลิตของตนเองภายใต้ชื่อ MEB ที่เคยใช้ในการผลิตรถรุ่น ID.3 ซึ่งจะทำให้พวกเขาสามารถประกอบรถยนต์ได้อย่างรวดเร็วและลดต้นทุนลงเป็นจำนวนมาก
UBS ได้ประเมินไว้ว่า VW มีต้นทุนการผลิต ID.3 ในปัจจุบันสูงกว่าการผลิตรถรุ่น Golf หรือเทียบเท่าที่ใช้น้ำมันเบนซินหรือดีเซลประมาณ €4,000 แต่ข้อแตกต่างนี้จะหายไปภายในปี 2025 จากต้นทุนที่ลดลงของแบตเตอรี่ซึ่งเป็นส่วนประกอบที่แพงที่สุดของยานพาหนะ
จากเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ VW ประกาศแผนการสร้างโรงงานขนาดยักษ์สำหรับผลิตแบตเตอรี่ 6 แห่งในยุโรปภายในปี 2030 โดยมีเป้าหมายสำคัญในการลดต้นทุนของเซลล์แบตเตอรี่ลงกว่า 50%
สเกลการผลิตขนาดใหญ่ของบริษัทที่ผลิตรถยนต์ออกมาทั้งหมด 9.3 ล้านคันในปีที่ผ่านมายังน่าจะมีส่วนช่วยในการลดต้นทุน ในขณะที่ยังมีการพัฒนาแพลตฟอร์ม MEB ให้ครอบคลุมไปยังแบรนด์อื่น ๆ อย่าง Audi และ Porsche เพื่อการเปิดตัวรถไฟฟ้า
แต่หากลองเปรียบเทียบดูในขณะนี้ นับจากเมื่อช่วงต้นปี 2020 ที่ Tesla กระชากตำแหน่งบริษัทรถยนต์ที่มีมูลค่าอันดับ 1 มาครอง ช่องว่างดังกล่าวก็ยิ่งห่างออกไปทุกทีโดยมูลค่าตามราคาตลาดของ VW ณ เวลานี้อยู่ที่ $1.33 แสนล้านในขณะที่ Tesla มีมูลค่าอยู่ที่ $6.80 แสนล้าน
โดย UBS ได้อธิบายถึงความแตกต่างจากความเป็นเลิศของ Tesla ในด้านต้นทุนของแบตเตอรี่, ซอฟต์แวร์ และความสามารถในการทำกำไรจากผลิตภัณฑ์ของตนเอง ในขณะที่ VW ยังเป็นฝ่ายตามหลัง Tesla ในด้านเทคโนโลยีขับเคลื่อนอัตโนมัติอยู่นานหลายปี
จากกลุ่มลูกค้าที่กำลังมองหารถยนต์ไฟฟ้าโดยเฉพาะในทวีปยุโรป การแข่งขันระหว่าง Tesla และ VW ก็ดูจะดุเดือดยิ่งขึ้น โดย UBS คาดการณ์เอาไว้ว่า รถยนต์ไฟฟ้าจะสร้างยอดขายสำหรับรถใหม่ทั่วโลกได้ 20% ในปี 2025 และเพิ่มขึ้นเป็น 50% ในปี 2030
References :
https://edition.cnn.com/2021/03/16/business/volkswagen-tesla/index.html
