มีผู้คนกว่า 5 ล้านคนทั่วโลกกลายเป็นเศรษฐีขึ้นมาในช่วงปี 2020 ท่ามกลางผู้คนส่วนใหญ่ที่ยากจนลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักจากปัญหา COVID-19 ตามผลการศึกษาของธนาคาร Credit Suisse
ในปีที่แล้วมีคนวัยผู้ใหญ่กว่า 1% ทั่วโลกกลายเป็นเศรษฐีครั้งแรก จากแรงกระตุ้นของมูลค่าในตลาดหุ้นและราคาของบ้านและอสังหาริมทรัพย์ที่ขยับสูงขึ้น ซึ่งความมั่งคั่งที่เกิดขึ้นก็ดูจะแยกตัวออกจากภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา
ด้วยอัตราดอกเบี้ยและนโยบายสนับสนุนจากรัฐบาลกลายเป็นตัวถ่ายเทความมั่งคั่งจากภาครัฐไปสู่ภาคครัวเรือนที่ถือครองสินทรัพย์ทางการเงินอยู่ โดยส่งผลต่ออัตราการออมที่สูงขึ้นและทำให้หนี้ของครัวเรือนลดลงต่ำกว่าที่ควรจะเป็น
นิยามของบุคคลธรรมดาที่มีรายได้สูงเป็นพิเศษเหล่านี้มักจะกล่าวถึงผู้ที่มีสินทรัพย์มากกว่า $30 ล้าน ซึ่งมีอัตราเติบโตขึ้นถึง 24% ทั่วโลกในปี 2020 และเป็นอัตราที่เกิดขึ้นรวดเร็วสุดนับตั้งแต่ปี 2003
นับตั้งแต่เริ่มต้นศตวรรษที่ 21 ผู้คนที่ครอบครองสินทรัพย์ระหว่าง $10,000 ถึง $100,000 มีจำนวนเพิ่มขึ้นเป็น 3 เท่าในปี 2020 เมื่อเทียบกับปี 2000 ซึ่งสะท้องถึงความเฟื่องฟูในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ เช่น จีน และการขยายตัวของกลุ่มชนชั้นกลางในประเทศพัฒนาแล้ว
ก่อนหน้านี้ธนาคาร UBS เคยเผยแพร่รายงานที่ชี้ว่า กลุ่มผู้ที่ร่ำรวยที่สุดสุดของโลกมีสินทรัพย์เพิ่มขึ้น 27.5% จนมาอยู่รวมกันที่ $10.2 ล้านล้านนับจากเดือนเม.ย.ถึง.ก.ค.ปีก่อน ซึ่งส่วนใหญ่มีสาเหตุหลักมาจากราคาในตลาดหุ้นที่สูงขึ้น
โดยเฉพาะในสายธุรกิจด้านเทคโนโลยีที่มีความมั่งคั่งทะยายขึ้นถึง 41% หลังการระบาดของ COVID-19 กลายเป็นแรงกระตุ้นให้กับความต้องการของสินค้าและบริการในส่วนนี้ รวมถึงข้อจำกัดจากการเว้นระยะห่างทางสังคมที่กลายเป็นแรงสนับสนุน
ภาคอุตสาหกรรมก็ได้รับผลประโยชน์มหาศาลจากราคาในตลาดที่มีการฟื้นตัวระหว่างช่วงของการคลายล็อคดาวน์ และเจ้าของธุรกิจด้านเภสัชกรรมจากการที่ทุกคนหวังพึ่งยารักษาและวัคซีนที่ใช้ป้องกันเชื้อโคโรน่าไวรัส
นอกจากนี้ Oxfam องค์กรที่ทำงานด้านการพัฒนาในระดับสากลก็ได้เคยเปิดเผยว่า มหาเศรษฐี 10 อันดับแรกของโลกมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น $5.4 แสนล้านในปีที่ผ่านมา ซึ่งมากเพียงพอที่จะใช้ซื้อวัคซีนป้องกัน COVID-19 เพื่อแจกจ่ายคนทั้งโลก
ทั้งนี้ Credit Suisse ก็ได้ออกตัวว่า ผลรายงานจำนวนเศรษฐีของพวกเขาอาจมีมากกว่าที่องค์กรอื่น ๆ ประเมินเอาไว้ เนื่องจากพวกเขาได้รวมทั้งสินทรัพย์เพื่อการลงทุนและสินทรัพย์ถาวร เช่น บ้านที่เจ้าตัวใช้อยู่พักอาศัย
สถาบันการเงินชื่อดังชี้ไปถึงการเกิดผลกระทบอย่างฉับพลันในระยะสั้นต่อตลาดทั่วโลกจากภาวะวิกฤตของโรคระบาด ซึ่งส่งผลลัพธ์ตรงกันข้ามต่อกลุ่มเศรษฐีตั้งแต่ช่วงปลายเดือนมิ.ย. เมื่อรายได้ของพวกเขากลับพุ่งสูงขึ้นภายในช่วงครึ่งหลังของปี
อย่างไรก็ตามหากราคาสินทรัพย์ที่สูงขึ้น เช่น ราคาบ้านปรับตัวลดลง หรือมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นโดยธนาคารกลาง ความแตกต่างของความมั่งคั่งระหว่างประชากรวัยผู้ใหญ่ที่ถูกถ่างออกภายในปี 2020 ก็จะจางหายไป
References :
https://www.bbc.com/news/business-57575077
