รู้หรือไม่ – บ็อบ วูดเวิร์ด สร้างชื่อจากการเปิดโปงคดีวอเตอร์เกตและเคยได้รับรางวัลพูลิทเซอร์ถึง 2 ครั้ง
แท้ที่จริงแล้วปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯรู้อยู่เต็มอกก่อนหน้าการเสียชีวิตของชาวอเมริกันคนแรกจากโรค COVID-19 ว่ามันทั้งอันตรายและติดต่อได้ง่าย ซึ่งทั้งหมดล้วนสวนทางกับสิ่งที่เขาพยายามนำเสนอต่อประชาชนในประเทศตลอดมา
บ็อบ วูดเวิร์ด นักข่าวรุ่นใหญ่ชาวอเมริกันที่ได้รับการยกย่องอย่างกว้างขวาง เป็นผู้ที่ออกมาแฉเรื่องราวดังกล่าวผ่านหนังสือเล่มใหม่ของเขาที่ใช้ชื่อว่า “ความบ้าคลั่ง” (Rage) ซึ่งเตรียมจะวางจำหน่ายก่อนหน้าการเลือกตั้งปธน.สหรัฐฯในเดือนพ.ย.เพียงไม่กี่สัปดาห์
จากการให้สัมภาษณ์กับ วูดเวิร์ด ด้วยตนเองเมื่อวันที่ 7 ก.พ. ทรัมป์ ตระหนักดีอยู่แล้วว่าเชื้อโคโรน่าไวรัสเป็นสิ่งที่อันตรายอย่างร้ายแรง แถมยังบอกกับ วูดเวิร์ด เองว่ามันอาจมีความอันตรายกว่าเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ถึง 5 เท่า
“มันแพร่กระจายได้ในอากาศ และนั่นก็เป็นอะไรที่รับมือยากกว่าการสัมผัส เพราะคุณไม่จำเป็นต้องสัมผัสกับสิ่งต่าง ๆ แต่จากการที่มันลอยอยู่ในอากาศและคุณก็แค่สูดเอาอากาศเข้าไป นั่นคือวิธีที่มันติดต่อ”
ในขณะที่ ทรัมป์ กล่าวว่าหน้าที่ของปธน.สหรัฐฯคือการทำให้ประเทศของตนเองปลอดภัย แต่สุดท้ายสิ่งที่ทุกคนเห็นก็คือ เขาพยายามปกปิดความจริงเรื่องนี้และพร่ำบอกต่อหน้าสาธารณชนว่ามันก็แค่เชื้อหวัดธรรมดา และปัญหานี้จะผ่านพ้นไปในไม่ช้า
ทรัมป์ ที่ให้สัมภาษณ์กับ วูดเวิร์ด หลายครั้ง ได้กล่าวถึงประเด็นนี้ไว้ในวันที่ 19 มี.ค.ว่า เขาเป็นเหมือนเชียร์ลีดเดอร์ให้กับประเทศ เขารักประเทศนี้และเขาไม่ต้องการทำให้ผู้คนแตกตื่น พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลกำลังทำหน้าที่ได้ดีตามมาตรฐาน
ทรัมป์ ยังยอมรับว่า เขาพึ่งได้รับข้อมูลสำคัญว่า โรค COVID-19 ไม่เพียงแต่จะเป็นอันตรายต่อผู้สูงวัย แต่มันยังสร้างปัญหาให้กับคนวัยหนุ่มสาว แต่กับสิ่งที่เขาประกาศเอาไว้ในเดือนส.ค.กับตรงกันข้าม เมื่ออ้างว่าบรรดาเด็ก ๆ แทบจะมีภูมิต้านทานต่อโรคนี้
นอกจากนี้เมื่อตอนต้นเดือนเม.ย. ในขณะที่สหรัฐฯขึ้นแท่นเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อสูงที่สุดของโลก เขากลับประกาศยืนยันซ้ำว่าเดี๋ยวมันก็จะผ่านพ้นไป ก่อนที่อีกสองวันให้หลังจะมาสารภาพกับ วูดเวิร์ด ว่า มันเป็นสิ่งที่น่ากลัวและน่าเหลือเชื่ออย่างยิ่ง
ผู้เชี่ยวชาญหลายคนมองว่า หาก ทรัมป์ ยอมรับความเป็นจริงและเร่งดำเนินการแต่เนิ่น ๆ ในการปิดล็อคดาวน์ พร้อมสื่อสารย้ำถึงมาตรการสวมใส่หน้ากากและ social distancing ตัวเลขผู้ป่วยและเสียชีวิตในสหรัฐฯคงไม่พุ่งสูงถึงขนาดนี้
จากการเปิดเผยเพิ่มเติมในภายหลังของ วูดเวิร์ด ระบุว่า ทรัมป์ ได้รับแจ้งจาก โรเบิร์ต โอเบรียน หัวหน้าที่ปรึกษาด้านความมั่นคงตั้งแต่ช่วงปลายเดือนม.ค.ว่า มันจะกลายเป็นภัยคุกคามต่อความมั่นคงของประเทศครั้งใหญ่สุดในระหว่างการดำรงตำแหน่งปธน.ของเขา
นอกจากนี้ แมตต์ พอตติงเกอร์ ผู้ช่วยของ โอเบรียน ยังช่วยขยายความให้ฟังอีกว่า เชื้อไวรัสที่กำลังเริ่มระบาดอาจรุนแรงเทียบเท่ากับวิกฤตของโรคไข้หวัดใหญ่สเปนในปี 1918 ที่คร่าชีวิตผู้คนไปทั่วโลกราว 50 ล้านราย
แต่เมื่อ วูดเวิร์ด ถาม ทรัมป์ ระหว่างการสัมภาษณ์ในช่วยต้นเดือนพ.ค.ว่า จำสิ่งที่ โอเบรียน เคยกล่าวเตือนในช่วงปลายเดือนม.ค.ได้หรือไม่ เขากลับตอบว่า จำไม่ได้ และยังยืนยันว่า หาก โอเบรียน แจ้งเรื่องสำคัญเช่นนี้มาเขาต้องจำได้
ในหนังสือที่จะวางจำหน่ายในวันที่ 15 ก.ย.นี้ ยังกล่าวถึงการรับเอาเครดิตทั้งหมดและปัดความรับผิดชอบต่อการรับมือกับปัญหาโรคระบาดภายในประเทศ ซึ่งส่งผลให้ชาวอเมริกันติดเชื้อไวรัสไปกว่า 6 ล้านคนและเสียชีวิตไปเกินกว่า 185,000 รายจนถึงขณะนี้
โดยระหว่างการให้สัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย ทรัมป์ ได้กล่าวกับ วูดเวิร์ด เอาไว้ว่า “เชื้อไวรัสไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกับผม มันไม่ใช่ความผิดของผม จีนต่างหากที่เป็นคนปล่อยเชื้อไวรัสเฮงซวยนี่ออกมา”
References :
https://edition.cnn.com/2020/09/09/politics/bob-woodward-rage-book-trump-coronavirus/index.html
