กลุ่มผู้ที่ฝักใฝ่ในคริปโทเคอเรนซีกำลังออกมาปกป้องตนเองท่ามกลางคำเตือนจากฝ่ายนิติบัญญัติของสหรัฐฯและยุโรปที่กล่าวว่า บริษัทด้านสินทรัพย์ดิจิทัลไม่สามารถปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียภายหลังการรุกรานยูเครน
เสียงวิพากษ์วิจารณ์ดังกล่าวตั้งแง่ถึงทิศทางความเคลื่อนไหวของอุตสาหกรรมคริปโต โดยผู้บริหารหลายคนในกิจการเหล่านี้แสดงความผิดหวังที่ตลาดแลกเปลี่ยนชั้นนำ เช่น Coinbase และ Binance ซึ่งคอยปฏิบัติตามกฎระเบียบของรัฐบาลกำลังถูกตั้งคำถาม
ในขณะเดียวกันการพิจารณาไตร่ตรองที่เพิ่มขึ้นก็อาจถือเป็นช่วงเวลาสำคัญสำหรับภาคส่วนดังกล่าวในการพิสูจน์ว่าไม่ได้มีภาพลักษณ์แบบ “บ้านป่าเมืองเถื่อน” อย่างที่หน่วยงานกำกับดูแลได้ตราหน้าเอาไว้
ชุมชนคริปโทเคอเรนซีส่วนใหญ่ต่างตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่ทันตั้งตัว หลังจากที่สหรัฐฯและกลุ่มชาติพันธมิตรพากันขับเคลื่อนมาตรการคว่ำบาตรต่อธนาคาร, บุคคลในระดับสูง และบริษัทรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ ของรัสเซีย
ด้วยทิศทางที่แตกต่างจากบริษัทชำระเงินอื่น ๆ ตลาดแลกเปลี่ยนคริปโตปฏิเสธการเรียกร้องในการแบนผู้ใช้งานชาวรัสเซียทั้งหมด โดยอ้างถึงการขัดต่อค่านิยมเสรีนิยมของอุตสาหกรรม ทำให้เกิดความกังวลว่าสินทรัพย์ดิจิทัลจะถูกใช้เป็นช่องทางหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตร
เอลิซาเบธ วอร์เรน หนึ่งในวุฒิสมาชิกของสหรัฐฯอ้างว่า แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโตและกระเป๋าเงินดิจิทัลเป็นจำนวนมากต่างหย่อนยานที่จะปฏิบัติตามข้อกำหนดของการควบคุม และยังไม่สามารถเก็บรวบรวมข้อมูลที่แสดงตัวตนของผู้ใช้งานได้
แต่ผู้บริหารของแพลตฟอร์มชั้นนำอย่าง Kraken, FTX, Coinbase และ Gemini ก็ออกมาแย้งว่าถ้อยคำดังกล่าวไม่ถูกต้อง พร้อมกับยืนยันว่า พวกเขาได้ทุ่มเททรัพยากรจำนวนมากเพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการควบคุมที่ถูกต้องและได้รับข้อมูลในสิ่งที่จำเป็น
จากเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา Coinbase ยังได้ลงบันทึกบทความใน blog ของตนเอง โดยระบุรายละเอียดว่าได้บล็อกที่อยู่มากกว่า 25,000 รายการที่เกี่ยวข้องข้องกับบุคคลหรือหน่วยงานในรัสเซีย ที่เชื่อว่ามีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
ตลอดเวลาที่ผ่านมาชุมชนชาวคริปโตได้พยายามชูให้เห็นว่าสินทรัพย์ดิจิทัลเป็นสื่อกลางสำหรับการทำธุรกรรมที่ไม่เปิดเผยตัวตน และการดำเนินการบังคับใช้กฎหมายของรัฐบาลกลางก็เหมือนเป็นการตอกย้ำว่ากิจการด้านคริปโตมีแนวโน้มที่จะกระทำการเย้ยหยันกฎหมาย
แต่เนื่องจากมูลค่าของตลาดคริปโทเคอเรนซีทั้งหมดที่เพิ่มขึ้นกว่า $3 ล้านล้านในปีที่แล้ว ท่ามกลางความสนใจในการลงทุนของชาวอเมริกันที่สูงขึ้น จึงทำให้อุตสาหกรรมนี้พยายามจะขจัดภาพลักษณ์ที่ไม่น่าพอใจด้วยการทำให้ข้อมูลรับรองการปฏิบัติตามกฎระเบียบ
ในขณะที่ฝ่ายนิติบัญญัติมีความกังวลเกี่ยวกับช่องทางหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรผ่านทางเงินคริปโต คณะทำงานของปธน. โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯก็ได้กล่าวว่า พวกเขาไม่เชื่อว่าสินทรัพย์ดิจิทัลจะถูกนำมาใช้เพื่อหลีกเลี่ยงการควบคุมได้ทั้งหมด
ในขณะเดียวกันกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ก็ได้ติดต่อไปถึงแพลตฟอร์มซื้อขายและกลุ่มการเทรดคริปโทเคอเรนซีหลายแห่ง เพื่ออธิบายถึงความคาดหวังในการปฏิบัติตามมาตรการคว่ำบาตรและสร้างแนวทางการสื่อสารในกรณีที่มีคำถามเกี่ยวกับเรื่องนี้
References :