รู้หรือไม่ – ทรัมป์ ได้กล่าวเอาไว้หลังออกจากรพ.ว่า “รู้สึกดีขึ้นกว่าเมื่อ 20 ปีก่อนหน้านี้เสียอีก”
ตัวเลขยืนยันเคสผู้ป่วยด้วยโรค COVID-19 ล่าสุดมีสูงกว่า 35 ล้านคนทั่วโลก ในขณะเดียวกับที่ปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯตัดสินใจออกจากโรงพยาบาลเพื่อกลับมาทำงานต่อในทำเนียบขาวเมื่อคืนที่ผ่านมา
ทรัมป์ ยังได้ทวีตข้อความหลังเดินทางออกจากโรงพยาบาลวอลเตอร์รีดว่า “อย่าไปกลัว COVID-19” และ “อย่ายอมให้มันครอบงำชีวิตของคุณ” และกล่าวย้ำถึงคุณภาพอันยอดเยี่ยมของตัวยาที่พัฒนาโดยคณะรัฐบาลของเขา
โดยก่อนหน้านั้นเมื่อวันอาทิตย์ หลังได้รับรายงานผลสุขภาพที่ดีจากคณะแพทย์ จู่ ๆ ทรัมป์ก็ออกมาพบปะผู้คนที่ให้กำลังใจอยู่ภายนอกเขตรพ.ผ่านทางรถนำขบวน โดยมีหน่วยอารักขา 2 คนอยู่ในรถลีมูซีนด้วย
นพ.เจมส์ ฟิลิปส์ ที่ประจำการอยู่ในรพ.วอลเตอร์รีดได้กล่าวไว้ว่า ทุกคนที่อยู่ในยานพาหนะระหว่างการเดินทางของปธน.ที่ไม่มีความจำเป็นอย่างสิ้นเชิง ต้องเข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 14 วัน ซึ่งพวกเขาอาจจะป่วยและเสียชีวิตได้
นพ. ฟิลิปส์ ยังให้ความเห็นต่อไปว่า สำหรับละครการเมืองที่ถูกนำแสดงโดย ทรัมป์ ผู้ที่นำชีวิตของตนเองเข้ามาเสี่ยง ถือเป็นเรื่องที่เสียสติมาก หลังตัวเลขผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสในสหรัฐฯมีสูงเกินกว่า 210,000 ราย
เท่านั้นยังไม่พอหลังเดินทางออกจากรพ.โดยเฮลิคอปเตอร์มาจนถึงทำเนียบขาว เขาได้เดินขึ้นบันไดไปยังระเบียงทางทิศใต้ก่อนจะถอดหน้ากากออกและโบกมือ, วันทยหัตถ์ และทำท่าชูนิ้วโป้งที่เป็นสัญลักษณ์ประจำตัวแก่ฝูงชนและผู้สื่อข่าวที่มารอรับ
การเคลื่อนไหวของ ทรัมป์ เกิดขึ้นในวันเดียวกับที่มีรายงานผู้ติดเชื้อในสหรัฐฯเพิ่มขึ้น 34,491 ราย และมีผู้เสียชีวิตอีก 332 ราย ในขณะที่ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาก็มีเคสผู้ป่วยรายวันโดยเฉลี่ยอยู่ที่ 43,586 คน ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงขึ้น 6% จากเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน
ปัจจุบันสหรัฐฯยังเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อโคโรน่าไวรัสสูงที่สุดของโลกด้วยจำนวนกว่า 7.6 ล้านคน และมียอดผู้เสียชีวิตสูงถึง 1 ใน 5 จากตัวเลขกว่า 1.04 ล้านรายทั่วโลก ในขณะที่สหรัฐฯมีประชากรคิดเป็นสัดส่วนเพียง 4% จากทั่วทั้งโลก
นอกจากนี้ 2 ใน 3 ของรัฐทั่วทั้งประเทศยังมีตัวเลขของผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้นในสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางคำเตือนของอากาศหนาวเย็นตามฤดูกาลที่กำลังจะมาถึง ซึ่งจะส่งผลให้ผู้คนขยับเข้ามารวมกันอยู่ในอาคารและเพิ่มโอกาสของการติดเชื้อเพิ่มขึ้นอีก
แม้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่า โจ ไบเดน ได้เห็นภาพหรือคลิปวิดีโอล่าสุดของ ทรัมป์ หรือไม่ แต่ตัวแทนจากพรรคเดโมแครตก็ได้กล่าวย้ำถึงอันตรายของเชื้อไวรัสรวมถึงความสำคัญของการสวมใส่หน้ากาก
“ผมหวังว่าปธน.จะสามารถผ่านพ้นสิ่งที่เขากำลังเผชิญอยู่ และผมดีใจที่อาการของเขาไม่ได้น่าเป็นห่วง มันเป็นการสื่อสารบทเรียนที่ถูกต้องสำหรับชาวอเมริกันให้เห็นถึงความสำคัญของหน้ากาก”
ไบเดน ที่มีคะแนนนำหน้า ทรัมป์ อยู่ 10 หน่วย % จากผลสำรวจของ Reuters/Ipsos เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมายังได้กล่าวไว้ว่า เขาจะร่วมการดีเบตชิงตำแหน่งปธน.ครั้งหน้าในวันที่ 15 ต.ค. หากคณะแพทย์มีความคิดเห็นว่าปลอดภัย
เช่นเดียวกับทีมงานหาเสียงของปธน.สหรัฐฯ ที่กล่าวว่า ทรัมป์ จะเดินทางไปร่วมงานดีเบตที่เมืองไมอามี ท่ามกลางความเห็นของ ฌอน คอนลีย์ แพทย์ประจำทำเนียบขาวที่ยืนยันว่า แม้อาการล่าสุดของ ทรัมป์ จะดีขึ้นแต่ยังก็ยังไม่ได้ผ่านพ้นช่วงอันตรายทั้งหมด
References :