สหรัฐฯพร้อมที่จะปลดปล่อยมาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียในวงกว้าง หากรัฐบาลมอสโกยกระดับความขัดแย้งในยูเครน โดยการกีดกันสถาบันการเงินและกิจการสำคัญต่าง ๆ ในการเข้าถึงธุรกรรมด้วยเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงตลาดการค้า, การส่งออกพลังงาน และการเงินทั่วโลก
แต่สหรัฐฯ และกลุ่มชาติพันธมิตรยังไม่เคยมุมานะในการตัดเศรษฐกิจมูลค่า $1.5 ล้านล้านออกจากสารบบการค้าทั่วโลก และยังคงไม่เป็นที่แน่ชัดว่าแผนการรวมพลังกันคว่ำบาตรในครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อรัสเซียได้มากน้อยเพียงใด
จากข้อมูลทางการค้าของธนาคารโลกและองค์การสหประชาชาติ (UN) ได้แสดงให้เห็นว่า นับตั้งแต่ที่เริ่มมีการใช้มาตรการคว่ำบาตรในปี 2014 หลังจากรัสเซียผนวกไครเมียของยูเครนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่ง จีนก็ได้กลายเป็นจุดหมายปลายทางของการส่งออกที่ใหญ่สุด
อดีตผู้แทนการค้าของสหรัฐฯได้ให้ความเห็นว่า การคว่ำบาตรครั้งใหม่อาจกระตุ้นให้รัสเซียพยายามกระชับความสัมพันธ์ทางการค้าที่ไม่ใช่เงินดอลลาร์กับรัฐบาลปักกิ่งให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น เพื่อความพยายามหลีกเลี่ยงข้อจำกัดที่จะเกิดขึ้น
ภายใต้การลงนามในคำสั่งของปธน. โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯเมื่อวันจันทร์ มีเป้าหมายมุ่งเน้นไปที่การเล่นงานสถาบันการเงินต่าง ๆ ของรัสเซีย โดยกว่า 80% ของธุรกรรมแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศรายวันและการค้าครึ่งหนึ่งของรัสเซียต่างดำเนินการด้วยสกุลเงินดอลลาร์
ไบเดน ออกมาชี้แจงในวันต่อมาหลังการใช้มาตรการตอบโต้รัสเซียที่ส่งกองกำลังเข้าไปในพื้นที่ทางแถบตะวันออกของยูเครนว่า เป็นการดำเนินการอย่างจริงจังเพื่อให้แน่ใจว่าความเจ็บปวดจากมาตรการคว่ำบาตรจะมุ่งเป้าไปที่เศรษฐกิจของรัสเซียโดยเฉพาะ
แต่นั่นอาจเป็นเรื่องที่พูดง่ายแต่ทำยาก เนื่องจากรัสเซียมีสถานะเป็นผู้ส่งออกน้ำมัน, ก๊าซธรรมชาติ, ทองแดง, อลูมิเนียม แพลเลเดียม และสินค้าโภคภัณฑ์ที่สำคัญอื่นๆ ของโลก ในขณะที่ราคาน้ำมันยังพุ่งแตะระดับสูงสุดครั้งใหม่นับตั้งแต่ปี 2014 เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา
อ้างอิงจากข้อมูลของธนาคารโลก รัสเซียยังครองสัดส่วน 1.9% ของการค้าโลกในปี 2020 แม้จะเป็นตัวเลขที่ลดลงจาก 2.8% ในปี 2013 ก็ตาม ในขณะที่ค่า GDP ของปี 2020 ก็อยู่ในอันดับที่ 11 ของโลก โดยอยู่ระหว่างกลางเกาหลีใต้และบราซิล
นอกจากนี้ในการตรวจสอบข้อมูลการค้าของรัสเซียจากฐานข้อมูล World International Trade Solution ของธนาคารโลกยังแสดงให้เห็นว่า การพึ่งพาการค้าของรัสเซียขยับลดลงไปในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา
ปลายทางการส่งออกของรัสเซียก็เปลี่ยนไปเช่นกัน เนเธอร์แลนด์ที่เคยเป็นจุดหมายปลายทางการส่งออกอันดับต้น ๆ เมื่อ 10 ปีก่อนเนื่องจากการค้าน้ำมันก็ถูกแทนที่ด้วยจีน การซื้อสินค้าจากรัสเซียโดยเยอรมนีและอังกฤษยังคงทรงตัว ในขณะที่การนำเข้าของเบลารุสเพิ่มขึ้น
จีนยังคงเป็นซัพพลายเออร์นำเข้ารายใหญ่ที่สุดของรัสเซีย ทั้งโทรศัพท์มือถือ, คอมพิวเตอร์, อุปกรณ์โทรคมนาคม, ของเล่น, เสื้อผ้า และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ โดยส่วนแบ่งการนำเข้าจากจีนเพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2014 ในขณะที่การนำเข้าจากเยอรมนีลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ส่วนการส่งออกของยูเครนไปยังจีนลดลงชัดเจนในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา ในขณะที่การส่งมอบไปยังเบลารุสเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อย โดยสินค้าที่ยูเครนส่งออกไปยังรัสเซียมากที่สุดในปี 2020 ได้แก่ อะลูมิเนียมออกไซด์, อุปกรณ์รถไฟ, ถ่านหิน, เหล็ก และยูเรเนียม
References :