ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ไม่เสียเวลาอ้อมค้อมเมื่อคืนที่ผ่านมา เมื่อจัดการส่งสัญญาณออกมาชัดเจนว่าอัตราเงินเฟ้อในระดับสูงขณะนี้กำลังเป็นความเสี่ยงที่ยิ่งใหญ่สุด และไวรัสสายพันธุ์โอไมครอนก็น่าจะสร้างความกังวลต่อเศรษฐกิจไม่มากนัก
Fed เผยถึงการเตรียมเร่งลดระดับโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) เป็น 2 เท่า ในขณะที่ผลคาดการณ์ใหม่ยังชี้ว่าอาจมีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นถึง 3 ครั้งในปีหน้า ท่ามกลางความเชื่อมั่นในตลาดแรงงานที่ยังคงอยู่บนเส้นทางที่ดี
ในขณะเดียวกันภายในไม่ถึง 24 ชม.นับจากนี้ หลังการประกาศออกตัวของ Fed บรรดาธนาคารกลางชั้นนำอื่น ๆ ทั้งธนาคารกลางอังกฤษ (BoE), ธนาคารกลางยุโรป (ECB) และธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) ก็น่าจะเผยทิศทางของตนเองออกมาให้เห็นชัดเจนยิ่งขึ้น
จากทั้ง 3 สถาบันที่กล่าวมาอาจมีเพียง BoE ที่มีการขยับตัวมากกว่าในแบบค่อยเป็นค่อยไปในการปรับลดมาตรการสนับสนุนเศรษฐกิจจากภาวะวิกฤต COVID-19 และอาจตามรอย Fed ไปในปีหน้า ในขณะที่อีก 2 สถาบันยังคงลังเลในการปรับเปลี่ยนทิศทางของนโยบาย
อันที่จริง BoE อาจเป็นธนาคารกลางชั้นนำแห่งแรกเลยที่จะประกาศแผนการปรับอัตราดอกเบี้ยจากการประชุมนโยบายในช่วงเย็นวันนี้ หากแต่ UK ยังตกอยู่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่ลงรอยกันระหว่างปัญหาจากโอไมครอนและอัตราเงินเฟ้อ
ยอดผู้ติดเชื้อ COVID-19 รายวันของ UK ในปัจจุบันขยับขึ้นมาเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่เริ่มต้นภาวะวิกฤต จนกลายเป็นแรงกดดันให้กับนายกฯ บอริส จอห์นสัน ต้องร่วมมือกับกลุ่มผู้ร่างกฎหมายฝ่ายตรงข้ามในการประกาศมาตรการควบคุมฉบับใหม่ในสัปดาห์นี้
ในทางตรงกันข้ามก็มีรายงานข้อมูลที่น่าตกใจเมื่อวานนี้ที่แสดงถึงดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่พุ่งขึ้นสูงจนกลายเป็นสถิติในรอบทศวรรษ จนทำให้มุมมองของตลาดการเงินที่มีต่อการปรับอัตราดอกเบี้ยในเดือนนี้ขยับขึ้นจากประมาณ 33% มาอยู่ที่ 60%
ในขณะที่นักลงทุนและนักเศรษฐศาสตร์หลายคนมองว่าสถานการณ์ของโอไมครอนและอัตราเงินเฟ้อเป็นเรื่องที่ BoE ต้องพยายามชั่งน้ำหนักสำหรับการขยับตัวในลำดับถัดไป แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้คาดหวังถึงการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นกับ ECB และ BoJ ในสัปดาห์นี้
ECB ยังคงถูกมองว่าจะเป็นสถาบันการเงินชั้นนำรายท้าย ๆ ที่จะปรับเปลี่ยนนโยบายให้รัดกุมยิ่งขึ้น แต่การกระทำที่ไม่เร่งรีบของพวกเขายังเป็นสิ่งที่พอเข้าใจได้ เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อในยุโรปอยู่ต่ำกว่าระดับเป้าหมายมาตลอดเกือบ 10 ปีที่ผ่านมา
ในขณะที่การฟื้นตัวของยูโรโซนก็ยังตามหลังเศรษฐกิจชั้นนำอื่น ๆ โดยระบบเศรษฐกิจของ EU พึ่งกลับคืนสู่ระดับเดียวกับเมื่อช่วงก่อนเกิด COVID-19 ได้ไม่นาน และตลาดแรงงานในภูมิภาคก็อาจต้องใช้เวลาอีกราว 2 ปีในการฟื้นตัวกลับมาทั้งหมด
ส่วนในญี่ปุ่นระดับของอัตราเงินเฟ้อจากการบริโภคยังคงห่างไกลลิบลับจากภูมิภาคส่วนใหญ่ของโลก ดังนั้นการลดส่วนเพิ่มของการซื้อสินทรัพย์จากภาคเอกชนเท่านั้นที่กำลังเป็นประเด็นหารือสำหรับ BoJ ในวันศุกร์นี้
จากคำแถลงการณ์เมื่อคืนที่ผ่านมา ดูเหมือนว่า เจอโรม พาวเวลล์ ประธาน Fed จะวางกำหนดการสำหรับความวุ่นวายที่รออยู่ในปีหน้าแล้ว เช่นเดียวกับธนาคารกลางอื่น ๆ ที่กำลังปูเส้นทางลงจากมาตรการ QE ของตนเองด้วยอัตราความเร็วที่แตกต่างกัน
References :
https://www.reuters.com/markets/europe/fed-heads-exits-despite-omicron-who-will-follow-2021-12-16/