รู้หรือไม่จากประวัติส่วนตัวที่มีอยู่เพียงน้อยนิดเป็นที่เชื่อกันว่า คิม โจ ยอง ในวัย 32 ปีผ่านการสมรสและมีบุตรอย่างน้อย 1 คน
จากเมื่อคืนวันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมาตอนเวลาประมาณตี 1 ตามเวลาท้องถิ่น กลุ่มนักเคลื่อนไหวที่ใช้ชื่อว่า Fighters for a Free North Korea (FFNK) ได้เริ่มกระทำการที่อาจกลายเป็นจุดเริ่มต้นของหนึ่งในเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ของชาติเกาหลี
พวกเขาวางแผนที่จะเผยแพร่ใบปลิว 500,000 ใบ, หนังสือแผ่นพับ 500 ฉบับ และ SD card อีก 1,000 ชิ้นที่บรรจุเนื้อหาในการโจมตี คิม จอง อึน ผู้นำสูงสุดของกาหลีเหนือผ่านบอลลูนยักษ์ 20 ลูก
กลุ่ม FFNK ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเกาหลีเหนือที่แปรพักตร์และหลบหนีมาอาศัยอยู่ในเกาหลีใต้ ต่างรู้ดีว่าสิ่งที่เป็นอันตรายต่อเกาหลีเหนือที่สุด ก็คือความจริงที่เกี่ยวกับสถาบันการปกครองภายในประเทศ และความจริงที่เกี่ยวกับโลกภายนอก
และแล้วภารกิจที่ต้องคอยหลบหลีกสายตาของเจ้าหน้าที่ตำรวจและทหาร รวมถึงชาวบ้านที่อาศัยอยู่ในละแวกเขตปลอดทหารของเกาหลี (DMZ) ก็อาจจะประสบผลเกินคาด เมื่อดูจากท่าทีของเกาหลีเหนือที่เดือดเป็นฟืนเป็นไฟในอีกไม่กี่วันหลังจากนั้น
การกล่าวโทษให้ร้ายผู้นำสูงสุดถือเป็นความผิดอย่างมหันต์ในเกาหลีเหนือ และนั่นก็กลายเป็นการออกโรงของ คิม โย จอง น้องสาวแม่เดียวกันกับ คิม จอง อึน ซึ่งทั้งคู่ต่างเคยใช้ชีวิตในวัยเรียนร่วมกันที่เมืองเบิร์น ประเทศสวิตเซอร์แลนด์
คิมผู้น้องเริ่มเปิดฉากโดยการกล่าวว่า การเผยแพร่ใบปลิวดังกล่าวเป็นการละเมิดสนธิสัญญาระหว่างการประชุมสองผู้นำเกาหลีเมื่อเดือนเม.ย. 2018 และเรียกร้องให้เกาหลีใต้เร่งหาตัวผู้กระทำผิดที่เธอขนานนามว่า “พวกทรยศ” มาลงโทษ
แม้รัฐบาลโซลได้รับปากไปว่า จะให้เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบหาผู้กระทำการในครั้งนี้ แต่ในอีกทางหนึ่งพวกเขาก็ตระหนักดีว่าการปิดกั้นการแสดงออกอย่างเสรีภาพก็เป็นการขัดต่อหลักประชาธิปไตยในประเทศของตนเอง
ซึ่งสุดท้ายแล้วผลที่ตามมาและสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนในสัปดาห์นี้ก็คือ รัฐบาลเปียงยางรู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างยิ่ง
การประกาศศักดาของ คิม โย จอง
จากหญิงสาวที่มีรอยยิ้มอยู่ตลอดระหว่างการปรากฏตัวต่อสาธารณชนทั่วโลกเป็นครั้งแรกในพิธีเปิดโอลิมปิกฤดูหนาว “พย็องชัง เกมส์” 2018 กลายเป็นผู้ที่ออกมาประกาศคำขู่จะดำเนินการอย่างเด็ดขาดต่อเกาหลีใต้เมื่อต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา
เหล่านักวิเคราะห์ต่างก็มองว่า การแถลงการณ์ในเรื่องสำคัญผ่านทางคิมผู้น้องโดยลำพังเช่นนี้ แสดงให้เห็นถึงการก้าวเข้ามารับบทบาทที่สำคัญขึ้นของเธอในระดับโครงสร้างของผู้นำเกาหลีเหนือ
และสิ่งที่เกิดขึ้นไม่นานหลังจากคำประกาศกร้าวของ คิม โย จอง ทางฝ่ายเกาหลีเหนือก็จัดการระเบิดตึกสำนักงานประสานงานระหว่างสองชาติเกาหลี ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองแกซองตรงเขตบริเวณชายแดนของเกาหลีเหนือ
ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวก็ดันไปละม้ายคล้ายคลึงกับเมื่อตอนปี 2010 ที่ คิม จอง อึน สั่งให้มีการยิงถล่มฐานทัพของเกาหลีใต้บนเกาะยอนเปียง ก่อนที่ตัวเขาจะขึ้นมาเถลิงอำนาจต่อจาก คิม จอง อิล ผู้เป็นพ่ออย่างเต็มตัวในปี 2011
บทบาทของ คิม โย จอง
นับตั้งแต่ปี 2014 หน้าที่หลักของเธอคือการรักษาภาพลักษณ์ของพี่ชาย จากการเป็นตัวหลักในหน่วยงานโฆษณาการ ก่อนจะขยับขึ้นมาเป็นสมาชิกของ โปลิตบูโร หรือคณะกรรมการบริหารพรรคการเมืองของประเทศในปี 2017
ซึ่งกล่าวกันว่านอกจากการเป็นผู้ควบคุมดูแลในการปรากฏตัวของพี่ชายแล้ว เธอยังรับตำแหน่งที่ปรึกษาด้านการเมืองอีกด้วย แม้จากผลการประชุมที่ล้มเหลวในการหาข้อตกลงร่วมกับสหรัฐฯ ที่กรุงฮานอยในปี 2019 จะทำให้เธอหลุดจากบทบาทคณะกรรมการบริหารพรรคไป แต่ภายในช่วงต้นปี 2020 เธอก็สามารถกลับขึ้นมาทวงตำแหน่งคืนได้
นอกจากนี้ยังเป็นที่เชื่อกันว่า ตำแหน่งระดับสูงในสายการปกครองได้ถูกจัดเตรียมไว้ให้เธอแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี 2008 เมื่อตอนที่ คิม จอง อิล ผู้นำคนก่อนเริ่มมีปัญหาด้านสุขภาพและกำลังจัดเตรียมแผนสำหรับการส่งต่ออำนาจ
มาจนถึงในระยะหลัง ๆ บทบาทในการก้าวขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดตำแหน่งต่อจากพี่ชายก็เริ่มปรากฏเด่นชัดขึ้นทุกครั้ง โดยเฉพาะเมื่อมีข่าวที่เกี่ยวกับความไม่แน่นอนทางด้านสุขภาพของ คิม จอง อึน
บางทีจากเหตุการณ์เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมา ก็อาจเป็นการเปิดตัวแบบระเบิดภูเขาเผากระท่อมของ คิม โย จอง ถึงการเป็นนางพญาสิงห์คนต่อไปของเกาหลีเหนืออย่างไม่เป็นทางการก็ได้
Credit : https://edition.cnn.com/2020/06/18/asia/kim-yo-jong-rise-intl-hnk/index.html
https://www.cnbc.com/2020/06/19/north-koreas-kim-yo-jong-may-be-moving-to-bigger-role-analysts-say.html
https://www.bbc.com/news/world-asia-36210695
