ธนาคารกลางยุโรป (ECB) มีแนวโน้มสูงแทบ 100% ที่จะรักษานโยบายการเงินไว้ดังเดิมในวันนี้ แต่อาจเผยถึงการยอมรับในประเด็นภาวะเงินเฟ้อว่าอยู่ในระดับสูงกว่าที่คาดหมายเอาไว้ ซึ่งหมายถึงสัญญาณของการถอดถอนนโยบายสนับสนุนที่เร็วขึ้น
หลังการขยายมาตรการสนับสนุนออกไปในเดือนธ.ค. ก็ทำให้การเปลี่ยนแปลงนโยบายในตอนนั้นอาจเร็วเกินไป แต่อัตราเงินเฟ้อยังคงอยู่สูงกว่าระดับที่ ECB คาดการณ์ไว้อย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นแรงกดดันให้ผู้รับผิดชอบต้องพิจารณาซ้ำว่ามันเป็นภาวะที่เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวจริงหรือ
ECB ให้การโต้แย้งว่าอัตราเงินเฟ้อจะลดระดับลงในไม่ช้าโดยไม่ต้องมีการแทรกแซง และแรงกดดันของราคาในระยะยาวก็ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ซึ่งก็หมายถึงมาตรการสนับสนุนยังคงจำเป็นสำหรับอัตราเงินเฟ้อที่คงอยู่ในระดับต่ำกว่า 2% มาแทบจะตลอดในช่วง 10 ปีหลังสุด
มุมมองดังกล่าวกำลังถูกท้ายทายโดยนักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายหลายคน เมื่อรวมกับตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ 5.1% ของเดือนม.ค.ที่กลายเป็นสถิติสูงสุดตลอดกาลใหม่ ก็ยิ่งเป็นการเพิ่มแรงกดดันให้กับการตัดสินใจของ คริสทีน ลาการ์ด ประธาน ECB เกี่ยวกับปัญหานี้
ปัจจุบันบรรดาผู้มีส่วนร่วมในตลาดต่างกำลังเกิดความคลางแคลงใจต่อ ECB และเริ่มมองไปถึงโอกาสในการขยับอัตราดอกเบี้ยขึ้น 0.30% ภายในปีนี้ แม้ทางสถาบันจะออกมายืนยันโดยตลอดถึงแนวโน้มความเคลื่อนไหวที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นในปี 2022
หาก ลาการ์ด กล่าวยอมรับว่า ECB ประเมินแรงกดดดันของราคาต่ำไป ก็อาจทำให้นักลงทุนพากันเทน้ำหนักไปยังการปรับอัตราดอกเบี้ยที่เร็วขึ้น ซึ่งรวมถึงการปรับเปลี่ยนนโยบายเป็นแบบตึงตัวและการลดระดับโครงการสนับสนุนต่าง ๆ
ในขณะที่ความน่าเชื่อถือของธนาคารกลางได้ถูกท้าทายด้วยข้อผิดพลาดในการทำนายและการแก้ไขผลคาดการณ์มาแล้วหลายต่อหลายครั้ง ลาการ์ด เองก็ไม่สามารถเพิกเฉยต่อการดีดตัวของอัตราเงินเฟ้อในขณะนี้ไปได้เช่นกัน
เธออาจนำเสนอมุมมองความเสี่ยงจากเงินเฟ้อ ในขณะที่เน้นย้ำไปถึงการเติบโตของราคาในยุโรปนั้นมีความแตกต่างโดยหลักพื้นฐานไปจากในสหรัฐฯ เนื่องจากแรงกดดันของค่าจ้างที่อยู่ในระดับต่ำและความล่าช้าในการฟื้นตัวของการบริโภค
ด้วยอัตราการว่างงานที่กำลังขยับเข้าใกล้ระดับต่ำสุดที่เป็นสถิติ ลาการ์ด อาจจำเป็นต้องยอมรับว่าตลาดแรงงานกำลังมีความตึงตัวขึ้นอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดไว้ แม้ว่าจนถึงขณะนี้จะยังไม่ได้สร้างแรงกดดันในส่วนของค่าจ้างอย่างมีนัยสำคัญ
แต่ข้อความหลักของเธอในวันนี้ยังคงมีแนวโน้มที่จะสื่อสารออกมาว่า จะไม่มีการปรับอัตราดอกเบี้ยขึ้นภายในปีนี้ ซึ่งจะกลายเป็นกรอบที่ยังคงเปิดกว้างอยู่สำหรับการขยับตัวขึ้นของต้นทุนในการกู้ยืมตอนช่วงต้นปี 2023
ในขณะที่ผลสำรวจของ Reuters เมื่อเดือนที่แล้วได้แสดงถึงความเห็นของนักวิเคราะห์ว่า การปรับอัตราเพิ่มขึ้นครั้งแรกของ ECB จะอยู่ในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2023 แต่จากมุมมองล่าสุดมีการมองไปถึงการขยับตัวล่วงหน้าที่จะเกิดขึ้นในไตรมาสที่ 1
หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์ประจำภูมิภาคยุโรปของ Capital Economics ให้ความเห็นว่า ณ ตอนนี้พวกเขาต่างมองไปถึงโอกาสของการขยับอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในช่วงต้นปี 2023 พร้อมกับความเป็นไปได้ที่เพิ่มขึ้นสำหรับการปรับเปลี่ยนนโยบายตั้งแต่ช่วงปลายปีนี้
References :
https://www.reuters.com/business/ecb-seen-hold-may-acknowledge-inflation-risks-2022-02-02/