การพูดคุยทางอ้อมระหว่างอิหร่านและสหรัฐฯเกี่ยวกับประเด็นข้อตกลงนิวเคลียร์อิหร่าน (JCPOA) ได้กลับมาเริ่มต้นอีกครั้งเมื่อวานนี้ โดยที่รัฐบาลเตหะรานพยายามกลับมาเน้นโฟกัสเฉพาะเรื่องการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต่อพวกเขา
การเจรจารอบที่ 7 ซึ่งเป็นครั้งแรกในยุคของปธน. เอบราฮิม ไรซี แห่งอิหร่านจบลงไปเมื่อราว 10 วันก่อน หลังการใส่ข้อเรียกร้องเพิ่มเติมเข้าไปจากฝั่งตะวันออกกลาง ในขณะที่กลุ่มชาติตะวันตกก็กล่าวถึงความคืบหน้าอันเชื่องช้า ก่อนที่ข้อตกลงจากเมื่อปี 2015 จะไร้ความหมาย
จากจุดเริ่มต้นของมาตรการคว่ำบาตรโดยสหรัฐฯ, EU และสหประชาชาติ ที่ต้องการบีบให้รัฐบาลเตหะรานยุติการสะสมยูเรเนียมเสริมสมรรถนะ ส่งผลต่อความเสียหายของเศรษฐกิจอิหร่านไปกว่า $1.6 แสนล้าน เฉพาะจากรายได้ที่มาจากการขายน้ำมันระหว่างปี 2012-16
ภายใต้ดีล JCPOA ทำให้อิหร่านรอดพ้นจากมาตรการดังกล่าว และทำให้พวกเขากลับเข้าสู่ตลาดน้ำมันโลกและใช้ระบบการเงินระหว่างประเทศในการเทรดน้ำมันได้อีกครั้ง รวมถึงการเข้าถึงสินทรัพย์มูลค่ากว่า $1 แสนล้านที่ถูกระงับการดำเนินการในต่างประเทศ
จนกระทั่งปี 2018 อดีตปธน. โดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศพาสหรัฐฯถอนตัวจากดีลดังกล่าว และหันกลับมาใช้มาตรการคว่ำบาตรต่ออิหร่าน ซึ่งก็ทำให้อิหร่านตอบโต้ด้วยการละเมิดข้อตกลงอย่างการสะสมยูเรเนียมเสริมสมรรถนะอีกครั้ง
เอนริเก โมรา ตัวแทนระดับสูงของ EU ได้กล่าวไว้ว่า มันกำลังกลายเป็นเรื่องที่ตึงเครียดมาก ๆ ด้วยการตัดสินใจทางการเมืองที่ยากลำบากของทั้งทางฝั่งอิหร่านและสหรัฐฯ ซึ่งทำให้มีพวกเขาต้องทำงานหนักมาก ๆ เพื่อหวังจะเห็นผลลัพธ์ในทิศทางบวก
ความเห็นของ โมรา เกิดขึ้นหลังจากตัวแทนของประเทศอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดจากอิหร่าน, รัสเซีย, จีน, ฝรั่งเศส, UK และ เยอรมนีเริ่มต้นการเจรจารอบล่าสุดไปเมื่อคืนที่ผ่านมาในกรุงเวียนนาของออสเตรีย
อิหร่านปฏิเสธที่จะพูดคุยกับตัวแทนจากสหรัฐฯโดยตรง ซึ่งก็ทำให้ตัวแทนจากประเทศอื่นต้องคอยทำหน้าที่เป็นตัวกลาง ในขณะที่สหรัฐฯแสดงออกถึงความไม่พอใจในรูปแบบนี้อย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ชาติฝั่งตะวันตกก็มองว่าอิหร่านต้องการจะดึงเวลา
มีหลายฝ่ายที่ตั้งข้อสังเกตว่า อิหร่านอาจพยายามดึงเวลาของการเจรจาให้ยืดเยื้อออกไป เพื่อที่จะสะสมวัสดุฟิสไซล์ที่ใช้สำหรับการสร้างระเบิดนิวเคลียร์ให้ได้มากพอ ซึ่งพวกเขาอาจยื้อเวลาได้เพิ่มขึ้นจาก 2-3 เดือนไปเป็นอย่างน้อย 1 ปี
ฮอสเซน อาเมียร์-อับดอลลาห์เอียน รมว.ต่างประเทศของอิหร่านได้กล่าวไว้ล่าสุดว่า สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับอิหร่านคือการไปให้ถึงจุดที่พวกเขาจะสามารถขายน้ำมันได้โดยปราศจากการกีดขวางต่าง ๆ
อิหร่านพยายามยืนกรานว่าการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตรต้องเกิดขึ้นก่อนลำดับขั้นตอนของการปฏิบัติตามข้อตกลง JCPOA แต่ผู้เจรจาต่อรองของฝั่งตะวันตกกล่าวว่าประเด็นเรื่องนิวเคลียร์และมาตรการคว่ำบาตรต้องเดินหน้าไปพร้อม ๆ กัน
สหรัฐฯใช้มาตรการกีดกันการส่งออกน้ำมันของอิหร่านที่ถือเป็นทรัพยากรหลัก แม้จะไม่มีตัวเลขอย่างเป็นทางการแต่ก็ได้มีการประเมินกันว่า การส่งออกน้ำมันของอิหร่านหดหายไปในปี 2018 จาก 2.8 ล้านบาร์เรลต่อวัน (bpd) จนเหลือแค่ 200,000 bpd
References :