คริสทีน ลาการ์ด ประธานธนาคารกลางยุโรป (ECB) ออกมากล่าวเตือนปัญหาเมฆหมอกทางการเมืองที่ปกคลุมอยู่ทั่วเศรษฐกิจของยุโรป จากขัดแย้งที่ทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นระหว่างรัสเซียและกลุ่มชาติตะวันตกในปัญหาที่เกี่ยวข้องกับยูเครน
จากราคาของพลังงานและอาหารที่ขยับตัวขึ้นไปจนถึงมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและความเสียหายที่เกิดกับความเชื่อมั่นของนักลงทุน โดยผลกระทบดังกล่าวอาจแผ่ขยายออกไปเป็นวงกว้างและยากต่อการประเมินขอบเขต
ความขัดแย้งที่ปะทุขึ้นอย่างฉับพลันแม้แต่ในกรณีที่เกิดขึ้นในวงจำกัด ก็น่าจะทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อในส่วนของอาหารและพลังงานในทันที เมื่อกลุ่มประเทศใน EU ซื้อแก๊สธรรมชาติและน้ำมันมาจากรัสเซียด้วยสัดส่วน 41.1% และ 27% ของการนำเข้าทั้งหมดตามลำดับ
ข้อจำกัดใด ๆ ที่เกี่ยวกับจัดหาอาจจะนำไปสู่การดีดตัวขึ้นของราคาพลังงานอย่างรวดเร็ว และน่าจะยังแผ่ขยายไปทั่วทั้งระบบเศรษฐกิจจากค่าใช้จ่ายในส่วนของเชื้อเพลิงและการทำความร้อนที่สูงขึ้น ไปจนถึงต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของการขนส่งและพลังงานสำหรับภาคธุรกิจ
ผลกระทบดังกล่าวยังน่าจะลุกลามไปถึงการจัดหาอาหาร เนื่องจากแก๊สเป็นส่วนประกอบหลักของปุ๋ยหลาย ๆ ชนิด ซึ่งจะมีผลต่อเนื่องไปถึงราคาพืชผลที่สูงขึ้น ในขณะที่ยูเครนยังเป็นประเทศที่มีการส่งออกเมล็ดธัญพืชเป็นจำนวน 33 ล้านตันในปีที่ผ่านมา
ในกรณีที่รัสเซียหยุดการนำเข้าสินค้าทั้งหมดของ EU ก็จะส่งผลกระทบที่คิดเป็นมูลค่าราว €8 หมื่นล้านของปริมาณสินค้าที่กลุ่มประเทศใน EU ส่งออกไปขายยังรัสเซียตลอดทั้งปี หรือคิดเป็นมูลค่า 0.6% ของตัวเลข GDP ของทั่วทั้ง EU
สินค้าหลักในการส่งออกของ EU ประกอบไปด้วยเครื่องจักร, รถยนต์, เคมีภัณฑ์ และสินค้าประดิษฐกรรม โดยเฉพาะเยอรมนีที่มีรัสเซียเป็นคู่ค้ารายใหญ่สุด ในขณะที่เนเธอร์แลนด์, โปแลนด์, อิตาลี, เบลเยี่ยม และฝรั่งเศสต่างก็มีการค้าขายร่วมกันอยู่เป็นจำนวนมาก
EU ยังอยู่ในฐานะผู้ลงทุนจากต่างประเทศรายใหญ่สุดของรัสเซียด้วยมูลค่ารวมกว่า €311.4 พันล้านในปี 2019 ในขณะที่รัสเซียก็ลงทุนไปใน EU ถึง €136 พันล้าน จึงทำให้ขนาดของผลกระทบจะขึ้นอยู่กับความรุนแรงของมาตรการคว่ำบาตรที่อาจเกิดขึ้น
ธนาคารชื่อดัง Bank of America ได้ทำการประเมินผลกระทบจากความขัดแย้งที่อาจเกิดขึ้นว่าจะเพิ่มความเสี่ยงที่ 0.5 หน่วย % ในผลิตผลโดยตรงของยุโรปที่อาจสูญหายไปโดยการบริโภคของภาคเอกชนที่ลดลง
แม้ผู้บริโภคเป็นจำนวนมากได้สร้างแผนรองรับในรูปแบบของการออมส่วนเกินที่สะสมไว้ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส แต่เงินสำรองเหล่านั้นก็ได้ถูกริดรอนไปแล้วบางส่วนโดยการดีดตัวขึ้นของราคาเชื้อเพลิงอย่างรวดเร็ว
ในขณะที่ ECB อาจจะยังไม่ปรับเปลี่ยนนโยบายให้รัดกุมขึ้นเพื่อชดเชยกับการอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้น เพราะโดยทั่วไปแล้วทางสถาบันจะมองข้ามความผันผวนในระยะสั้นเนื่องจากนโยบายจะมีผลบังคับใช้เพียง 12-18 เดือน
แต่ด้วยภาวะเงินเฟ้อที่กลายเป็นสถิติสูงสุดที่ระดับ 5.1% และแผนการลดระดับโครงการสนับสนุนภายในเดือนถัด ๆ ไป ทั้งจากปัญหาความขัดแย้งในภูมิภาคและองค์ประกอบอื่น ๆ ที่ส่งผลต่อภาวะเงินเฟ้อ ก็อาจทำให้เกิดแรงกดดันต่อ ECB ให้ต้องเร่งขยับตัวเร็วขึ้น
References :
https://www.reuters.com/markets/europe/ukraine-clouds-horizon-europes-economy-2022-02-07/
