การตัดสินใจของปธน. วลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียในการส่งกองกำลังเข้าไปปฏิบัติการพิเศษในยูเครน อาจส่งผลต่อปริมาณการผลิตรถยนต์และรถบรรทุกใหม่ทั่วโลกเป็นจำนวนหลายล้านคันในปีนี้
กระบวนการผลิตในท้องถิ่นของรัสเซียถูกคาดหมายว่าจะรับรู้ถึงผลกระทบในระยะสั้นมากที่สุดจากการหยุดโรงงาน แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนยังเตือนว่ายิ่งสงครามยืดเยื้อออกไปเพียงใด ความเสี่ยงที่จะแผ่ขยายออกไปทั่วทั้งภาคอุตสาหกรรมก็จะมีมากขึ้นเท่านั้น
การสู้รบที่เกิดขึ้นยังทำให้เกิดปัญหาการติดขัดในระบบซัพพลายเชนครั้งใหม่ เช่น ระบบสายไฟ ในขณะที่สงครามยังอาจทำให้สถานการณ์ติดขัดเดิมที่มีอยู่อย่างชิปเซมิคอนดักเตอร์และแก๊สธรรมชาติกลายเป็นปัญหาที่รุนแรงขึ้นไปอีก
นอกจากนี้วิกฤตในยูเครนยังอาจทำให้อัตราเงินเฟ้อขยับตัวสูงขึ้น และผลักดันให้ราคาของยานพาหนะที่ลอยตัวอยู่ในระดับสูงอยู่แล้วยิ่งสูงขึ้นไปอีก อย่างล่าสุดราคาน้ำมันเชื้อเพลิงในสหรัฐฯก็พุ่งขึ้นแตะ $4 ต่อแกลลอนเมื่อวันอาทิตย์และกลายเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก.ค. 2008
ประธานบริษัทด้านการตลาด LMC Automotive กล่าวว่า ผลกระทบที่ตามมาอาจจะคิดเป็นจำนวนของการผลิตหลายล้านคันในปี 2022 ซึ่งทางบริษัทของเขาอัปเดตผลทำนายล่าสุดโดยการปรับลดตัวเลขการผลิตในแถบยุโรปลง 700,000 คัน
เขากล่าวต่อไปว่า ตลาดรถยนต์ในยุโรปจะรู้สึกถึงผลกระทบได้เร็วกว่าในสหรัฐฯและตลาดอื่น ๆ โดยบริษัทผู้ผลิตอย่าง Audi และ Mercedes-Benz ต่างก็กล่าวถึงตัวเลขของผลผลิตในโรงงานที่ลดลงเนื่องจากปัญหาการติดขัดของชิ้นส่วนประกอบจากยูเครน
ส่วนทางบริษัทวิเคราะห์ AutoForecast Solutions คาดการณ์ยอดการผลิตรถยนต์ในปีนี้ของรัสเซียและยูเครนว่าจะลดลงเหลือครึ่งหนึ่งเนื่องจากผลกระทบของสงคราม โดยจะมีตัวเลขขยับลงมาอยู่ที่ประมาณ 800,000 คัน
ในขณะที่มุมมองในแง่ร้ายเบื้องต้นจากสถาบันวิจัย IHS Markit คาดหมายถึงผลกระทบที่จะเกิดกับยอดการผลิตที่หดหายไป 3.5 ล้านคัน ด้วยความเชื่อมโยงจากปัญหาการติดขัดของชิปเซมิคอนดักเตอร์ เนื่องจากรัสเซียและยูเครนเป็นแหล่งทรัพยากรสำคัญของส่วนประกอบในการผลิตชิป
จากมาตรการคว่ำบาตรที่ขยายตัวขึ้นและหลาย ๆ บริษัทพากันถอนตัวหรือระงับการดำเนินธุรกิจในรัสเซีย จึงทำให้ทุกภาคส่วนของการผลิตรถยนต์ในประเทศต้องเผชิญกับความเสี่ยงในระยะยาว
แต่สำหรับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์อาจมีทางเลือกที่ง่ายกว่าส่วนอื่น โดยมีกิจการอยู่ไม่กี่เจ้าที่ประกอบธุรกิจนี้อยู่ในรัสเซีย ซึ่งหลัก ๆ ก็จะเป็น AvtoVAZ ที่อยู่ภายใต้การควบคุมของ Renault Group ด้วยสัดส่วนของการผลิตในประเทศราว 39.5%
ถัดมาก็เป็น Hyundai Group จากเกาหลีใต้ที่ 27.2% และ Volkswagen จากเยอรมนีที่ 12.2% ในขณะที่ Toyota Motor ครองสัดส่วน 5.5% โดยผู้ผลิตรายอื่น ๆ ที่เหลือก็มีผลผลิตอยู่ในสัดส่วนเลขตัวเดียว
CEO ของ AutoForecast Solutions ยังให้ความเห็นว่า สำหรับบริษัทจากฝั่งตะวันตกที่จะลงทุนซ้ำในรัสเซียหลังจากนี้ หากมีเจ้าไหนที่เริ่มขยับออกจากรัสเซียแล้ว มันก็จะกลายเป็นก้าวแรกของแผนการระยะยาวในการถอยห่างออกจากรัสเซีย
References :